สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่790 คุณต้องเชื่อใจผม
โห้หลีเฉินยื่นมือออกมาช้าๆ ฝ่ามือที่กว้างใหญ่วางลงแก้มของเย้นหว่าน เช็ดคราบน้ำตาบนหน้าเธอ
ท่าทางของเธอ ยังคงอ่อนโยน น้ำเสียงก้าวร้าวเล็กน้อย
“เชื่อฟังนะ รีบไป……ผมรอคุณมาช่วยอยู่นะ”
ฝ่ามือของโห้หลีเฉินยังคงอบอุ่นเช่นเคย ให้ความอบอุ่นกับผิวที่เย็นเฉียบของเธอ แต่ตอนนี้ เธอกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น เข้าไปในใจเธอตามผิวกายของเธอ
เธอรู้สึกถึงแค่ความกลัว ความสับสนวุ่นวายที่เหน็บหนาว
น้ำตาของเย้นหว่านพร่ามัวไม่ชัดเจน ส่ายหัวอย่างสะอึกสะอื้น “ไม่ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่กับนาย”
เธอจะทิ้งเขาที่บาดเจ็บไว้ที่นี่ได้อย่างไร
จู่ๆโห้หลีเฉินก็ดึงมือกลับ แล้วผลักไหล่ของเย้นหว่านอย่างแรง
เย้นหว่านไม่ทันตั้งตัว นั่งลงพื้นเต็มตูดเลย ถึงขั้นรู้สึกเจ็บที่ไหล่เล็กน้อย
เธอตกตะลึง โห้หลีเฉินไม่เคยหยาบกระด้างกับเธอแบบนี้มาก่อน
โห้หลีเฉินมองท่าทีที่นั่งลงกับพื้นของเย้นหว่าน ลนลานเล็กน้อย แต่เขากลับกลบเกลื่อนได้อย่างรวดเร็ว เขาสีหน้าบึ้งตึง พูดเสียงเข้มว่า
“เย้นหว่าน ถ้าคุณไม่ไป พวกเราสองคนก็ต้องตายที่นี่ แม้จะเพื่อการมีชีวิตรอดของผม คุณไปหาคนมาช่วย ไม่ได้เหรอ?”
น้ำเสียงตำหนิ ทำให้สีหน้าของเย้นหว่านซีดขาว หัวใจราวกับมีก้อนหินใหญ่ทับอยู่
เขาพูดถูก แต่……
เย้นหว่านน้ำตาเอ่อ คำพูดก้ำกึ่งอยู่ในลำคอ รู้สึกแย่มาก
ในขณะนี้ มีเสียงของซาอินติลอยมาในที่ไม่ไกล “โห้หลีเฉินตายหรือยัง? พวกนาย รีบมาหาให้ฉัน อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องพบศพ”
จากนั้น เสียงฝีเท้าก็เดินมาทางทิศทางนี้ห่างๆ
ระยะทางไม่ไกล ประมาณสองสามก้าวก็สามารถเดินมาถึงที่โห้หลีเฉินตรงนี้
ร่างกายของเย้นหว่านเหยียดตรง
แววตาของโห้หลีเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชา ในสายตามีความตั้งใจแรงกล้าที่ดุร้าย เขาถือปืน แขนอ้อมผ่านคอ ‘ปังปังปัง’ยิงไปสามนัดที่ข้างหลังของเขา
ทันใดนั้น ฝีเท้าทางด้านก็วุ่นวายไปหมด เหล่าองครักษ์ซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
มีตนร้องอย่างตกใจ “เขาแย่งปืนไป องค์หญิงระวังจะได้รับบาดเจ็บจากกระสุน”
ซาอินติกลับพูดอย่างตื่นเต้น “โห้หลีเฉิน นายใช่ไหม? นายยังไม่ตายใช่ไหม?”
“แน่นอนฉันยังไม่ตาย”
โห้หลีเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา กดเสียงต่ำลง แต่ราวกับใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามีในตอนนี้ น้ำเสียงดังมาก
ในน้ำเสียงของซาอินติ มีความดีใจที่ดูออกได้ชัด
“นายได้รับบาดเจ็บใช่ไหม? นายรีบออกมา ฉันให้คนทำแผลให้นายดีไหม?”
โห้หลีทำเสียงหึ “ผมออกมา ก็จะโดนคุณฆ่าอีกรอบไม่ใช่เหรอ?”
ซาอินติรีบอธิบาย “ฉันไม่ได้จะฆ่านาย ฉันไม่ได้ให้คนยิงนาย โห้หลีเฉิน ขอแค่นายละทิ้งเย้นหว่าน ฉันรับประกันว่านายจะไม่ตกอยู่ในอันตรายอีก นายออกมาได้ไหม? ถ้ายังเป็นแบบนี้ นายจะเสียเลือดเยอะนะ”
ในน้ำเสียง มีความเจ็บใจและกังวล แต่ในขณะเดียวกันกลับไม่ยอมถอยให้สักนิด จะเอาชีวิตของเย้นหว่านให้ได้
โห้หลีเฉินไม่ได้สนใจในคำอธิบายของซาอินติ ในตอนที่เธอพูด สายตาจ้องมองตรงไปที่เย้นหว่าน เร่งเสียงต่ำ
“เห็นไหม? เธอไม่ฆ่าผมหรอก ผมสามารถถ่วงเธอเอาไว้ได้ เธอวิ่งเร็วหน่อย ผมก็จะรอด”
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างมึนงง ในใจสับสนว้าวุ่นไปหมด
สวนพฤกษศาสตร์หลวงใหญ่แบบนี้ ในวังก็ใหญ่เหมือนกัน ระยะทางไปบ้านของเวนเดลล์ยิ่งไกลเลย แม้ว่าเธอจะวิ่งด้วยความเร็วแปดร้อยเมตร อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
ไปกลับหนึ่งชั่วโมงกว่า โห้หลีเฉิน เขาสามารถถ่วงเวลาไว้นานขนาดนั้นเลยเหรอ?
ในใจของเย้นหว่าน ไม่มั่นใจเลย
“เย้นหว่าน คุณต้องเชื่อใจผมสิ”
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านอย่างจริงจัง ท่าทางมั่นใจ
ทุกครั้งที่เขาให้เธอเชื่อใจเขา เขาก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลย ครั้งนี้ ก็เหมือนกัน
ก้อนหินที่หวั่นไหวไม่นิ่งในใจของเย้นหว่าน ในที่สุดก็พบทางสักที
ช่วงเวลาความเป็นความตาย เธอทำได้เพียงเชื่อใจโห้หลีเฉิน
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้น เขาพูดแล้วต้องทำได้แน่นอน!
เย้นหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตัดสินใจ “ฉันจะรีบไปหาเซอร์ยุนซีให้มาช่วยชีวิตนาย นายต้องรอฉันกลับมานะ อดทนเอาไว้นะ”
ได้ยินคำพูดของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินโล่งใจอย่างเงียบสงบ
บนใบหน้าหล่อเหลานั้น มีรอยยิ้มจางๆ “ได้ ผมจะรอคุณ”
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนหน่วงๆในใจ เหมือนมีบางอย่างผิดปกติ แต่สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว กลับไม่รอให้เธอมากเกินไป
เธอต้องออกไป ถึงจะมีโอกาสรอด
เย้นหว่านไม่กล้ารอช้า มองโห้หลีเฉินอย่างฝังใจและกังวล จากนั้นหันหลังอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งเข้าไปในป่าด้านหลัง
เธอต้องอ้อมผ่านที่นี่ แล้วออกไป
ข้างหลัง ยังคงได้ยินเสียงเกลี้ยกล่อมอธิบายของซาอินติ
ในขณะที่เย้นหว่านจากไป เดิมทีโห้หลีเฉินที่นั่งตัวตรง ราวกับตะคิวทันที สูญเสียแรงกายทั้งหมด เอนตัวลงพิงบนต้นไม้ด้วยสีหน้าซีดขาว
แขนของเขาห้อยอย่างอ่อนแรง แม้แต่ปืนก็ถือไม่มั่นคง
แผ่นหลังของเขา ชุดสูทที่ทะลุไปหลายรู เลือดไหลไม่หยุดจากในนั้น เปื้อนบนเสื้อราวกับเพิ่งเอาขึ้นมาจากน้ำ
และบนพื้นดิน ดินได้เปลี่ยนสีไป
เขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป แม่ว่าจะประคองให้ตัวเองมีสติ แต่คงประคองได้ไม่นาน
ให้เย้นหว่านหนีไป เพียงเพราะอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น
ครั้งนี้ เขาหลอกเธอ
“องค์หญิง เมื่อกี้ผมสังเกตเห็นป่าทางด้านหลังมีการเคลื่อนไหว หรือว่าเย้นหว่านจะหนีไปแล้ว?”
จู่ๆผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งตะโกนขึ้น
สีหน้าของซาอินติเปลี่ยนไป บ้าคลั่งไปทันที
“โห้หลีเฉิน นายจงใจคุยกับฉัน เพื่อให้เย้นหว่านหนีไปใช่ไหม?”
ก็ว่าทำไมนานแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่โห้หลีเฉินให้ความร่วมมือคุยกับเธอเยอะแบบนี้ ฟังเธอพูดเป็นเวลานาน
แววตาของโห้หลีเฉินค่อยๆหม่นลง แต่กลับจ้องมองตรงไปที่ทิศทางไปของเย้นหว่าน
เธอปลอดภัย ก็ดีแล้ว
ไม่ได้ยินคำตอบ ซาอินติก็ยิ่งโมโห นึกว่าโห้หลีเฉินก็หนีไปด้วย
เธอตะโกนอย่างโกรธเคือง “ไล่ ไล่ตามไป ไม่สนว่าจะเป็นหรือจะตาย!”
โห้หลีเฉินหลอกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอหมดความอดทนไปหมดแล้ว ถ้าไม่ได้ งั้นก็จะทำลายซะ!
ถ้าตาย เธอยังสามารถเก็บรักษาร่างของโห้หลีเฉินเอาไว้เฝ้ามองทุกวัน เขาก็ยังเป็นของเธอ
เหล่าองครักษ์ได้รับคำสั่ง ก็มุ่งเข้ามาในทางทุ่งหญ้า
“ปังปังปัง——”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น
มีองครักษ์สองคนล้มลงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ยังมีคน ถอย!”
องครักษ์กำลังจะถอย ซาอินติกลับด่าอย่างเย็นชา
“แค่คนเดียวพวกนายยังสู้ไม่ไหวเหรอ? ก็ใช้วิธีคลื่นมนุษย์สิ นายเข้าไปเลย!”
นี่เป็นคำสั่งตายตัว
ใช้ชีวิตในการสู้
สีหน้าของเหล่าองครักษ์ซีดขาว แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของซาอินติ กัดฟันทำ พุ่งไปข้างหน้า
“ปังปังปัง——”
เสียงปืนดังขึ้นอีก เพราะว่าคนเยอะเกินไป ยิงโดนคนหนึ่ง
แต่องครักษ์คนอื่น กลับไม่ถอย พุ่งไปข้างหน้าต่อ
ระยะทางที่ไม่ได้ไกลอยู่แล้ว ถูกทำลายทันที
โห้หลีเฉินพิงบนลำต้นของต้นไม้สีหน้าไร้อารมณ์ นิ้วมือลั่นไก มองคนเหล่านี้ด้วยสายตาเย็นชา พุ่งเข้ามา
กระสุนยิงออกมา
ยิงโดนไหล่ของเขา ราวกับว่าเขาไม่มีความรู้สึก
เย้นหว่านปลอดภัยแล้ว เขาจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สำคัญ