สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่792 ใครก็ใช่ทั้งนั้น
พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เย้นหว่าน เธอเก็บปืนไว้นะ แล้วเดี๋ยวก็หลบอยู่ตรงนั้น พวกเขาต้องส่งคนมาสำรวจอีกแน่นอน ตอนที่คนน้อยๆ นั้น ฉันจะยิงปืนให้แม่น แต่ถ้าคนเยอะ เธอก็ยิงปืนพร้อมกันทั้งสองกระบอก ยิงมั่วแบบเมื่อกี้ก็พอ”
จะยิงปืนฆ่าคนอีกแล้วหรอ
เย้นหว่านจับปืนที่เย็นเฉียบอยู่ในมือ ก็รู้สึกว่าหนักอย่างกับพันโล ความเย็นของตัวปืนนั้นก็เหมือนจะแพร่เข้ามาในร่างกายของเธอ ทำให้เธอปฏิเสธอย่างไม่สบายใจ
แต่เธอกลับจับปืนอยู่ในมือไว้แน่น ฝืนเก็บความกลับในใจเอาไว้ แล้วพยักหน้าอย่างเข้มแข็ง
“ได้ ถ้าพวกมันกล้ามา ฉันจะยิงพวกมันให้ตายไปเลย”
ในเวลาที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายนั้น เธอไม่กล้าที่จะกลัวอีกแล้ว
ทั้งชีวิตของเธอ และชีวิตของโห้หลีเฉิน ก็อยู่ที่นี่ทั้งนั้น
เสียงของเย้นหว่านเพิ่งจะจบลง และแล้ว ก็มีองครักษ์คนหนึ่ง เดินมาสำรวจทางนี้
เขาพิงไปที่หลังต้นไม้ เหมือนว่าอยากจะสำรวจอย่างละเอียด
โห้หลีเฉินมองดูเขาอย่างเยือกเย็น แล้วค่อยๆ หยิบปืนขึ้นมา แล้วก็ยิง——
กระสุนนั้นแม่นจนยิงไปที่กลางคิ้วของคนคนนั้น
ก็ล้มลงไปกับพื้น เกิดความเงียบแปลกๆ ขึ้นในที่เกิดเหตุ
เสียงปืนทำให้เส้นประสาทของเย้นหว่านตึงเครียดอีกครั้ง และร่างกายของเธอก็เข้าสู่สภาวะตื่นตระหนก เธอมองไปที่ โห้หลีเฉินและเธอก็ได้สังเกตเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างมีสติ
พื้นที่เขายืนอยู่นั้น เปียกโชกไปหมด
แล้วสีเสื้อสูทขอบเขา ก็เข้มผิดปกติ
ด้วยองศาที่เขานั่งนั้น ทำให้เธอมองไม่เห็นข้างหลังของเขา แต่เธอก็จินตนาการได้ว่า เขาบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน
เลือดเยอะขนาดนั้น เขาทนมาถึงตอนนี้ได้ยังไง
ตอนนี้ยังต้องยิงปืนอย่างมีสติอีก เย้นหว่านนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าโห้หลีเฉินนั้นต้องรับมือกับอะไรบ้างกันแน่
ขอบตาของเธอแดงไปหมด จับปืนไว้แน่นๆ โมโหจนอยากจะฆ่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นตายไปให้หมด
คนพวกนี้ ตายไปซะ ตายไปซะ
โห้หลีเฉินฝืนมาตั้งแต่แรกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเย้นหว่านเข้ามาอย่างกะทันหัน ลมหายใจที่เขากำลังฝืนอยู่ ก็คงจะหมดไปแล้ว
แต่เธอมาแล้ว
ก็เหมือนกับว่าเติมพลังให้เขาใหม่ยังไงอย่างงั้น ทำให้เขามีเหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อไปให้ได้
แต่ความอ่อนล้าและความเจ็บปวดของร่างกายนั้นมันเป็นเรื่องจริง ปืนที่ยิงไปนัดหนึ่งเมื่อกี้ ร่างกายของโห้หลีเฉินก็เจ็บปวดราวกับว่าจะแตกสลายได้ยังไงอย่างงั้น
จนสีหน้าของเขานั้นซีดขาวไปหมด
แต่ซาอินตินั้นไม่ได้ให้เวลาเขาได้พักหายใจเลยสักนิด
คนหนึ่งตายไปแล้ว แล้วก็มาอีกสองคน แบ่งกันสำรวจกันคนละตำแหน่ง
โห้หลีเฉินสุดหายใจเข้าทีหนึ่ง ยกมือขึ้น “เปรี้ยงๆ” สองนัด แล้วก็ล้มไปอีกสองคน
ซาอินติโมโหจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
องครักษ์บอกว่า “องค์หญิงขอรับ กระผมสงสัยว่าฝั่งตรงข้ามนั้นไม่ได้มีแค่สองคนขอรับ เมื่อกี้โห้หลีเฉินจงใจทำเป็นอ่อนแอ เพื่อหลอกให้พวกเราเข้าไป อยากจะทำลายพวกเราให้หมด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คนของพวกเราก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้วก็โดนพวกมันฆ่าตายจนหมดนะขอรับ”
“งั้นนายก็ว่ามาสิว่าต้องทำยังไง” ซาอินติโมโหจนตะคอกออกมา
สีหน้าขององครักษ์ประหม่าไปหมด ลังเลไปสักพัก แล้วก็พูดเบาๆ ว่า “พวกเราต้องถอยทัพก่อนขอรับ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะโจมตีได้ยาก ตำแหน่งขอพวกเราก็เสียเปรียบมากด้วยขอรับ”
ฝั่งของพวกเขานั้นมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของฝั่งโห้หลีเฉิน แต่ทางฝั่งของโห้หลีเฉินนั้น สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
พวกเขาเดินออกไป แต่ละคนต่างก็เป็นเป้าหมายทั้งนั้น
ถ้าปะทะกับแค่คนเดียวก็ยังดีหน่อย สามารถใช้กลยุทธ์ได้ ตายไปไม่กี่คนแล้วก็พุ่งเข้าไปเลย แต่ฝั่งตรงข้ามนั้นไม่ได้มีแค่คนเดียว บางทีอาจจะไม่ได้มีแค่สองคนด้วยซ้ำ ปะทะรุนแรงขนาดนั้น ถ้าคนเขาพวกเขาพากันกรูเข้าใจ กลัวว่ายังไม่ได้เดินเข้าไป ก็ตายกันหมดซะก่อนแล้ว
“องค์หญิงขอรับ ยังไงพระราชวังก็เป็นพื้นที่ของเรา พวกเราเปลี่ยนที่ให้ได้เปรียบพวกมันหน่อยก็ยังได้นะขอรับ หรือว่าจะกลับไปเปลี่ยนโล่แล้วก็อาวุธ……”
“สวะ!”
ซาอินติโมโหจนด่าออกมา แววตานั้นโหดเหี้ยมสุดๆ
เธอพยายามซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่อย่างสุดความสามารถ และไม่ได้ต้องการให้พวกองครักษ์ยอมแพ้แล้วก็ไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
อีกอย่าง ตั้งแต่วันนี้ไป เธอกลัวว่าจะไม่มีโอกาสที่ได้เปรียบแบบนี้อีกแล้ว
โอหยางฝู่ล่มสลายแล้ว ก็หมายความว่าเซอร์ยุนซีนั้นเป็นใหญ่คนเดียวแล้ว ประเทศเบียนหนานเป็นลำธารและภูเขาของเขา เขาสนใจที่จะปกป้องเย้นหว่านขนาดนั้น ต้องปกป้องเย้นหว่านจนมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแน่นอน
เธอมีโอกาสแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น
ซาอินติโมโหสุดๆ จ้องมองโพรงหญ้าที่ขึ้นเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าอีกฝั่งนั้นมีกี่คนกันแน่ ควรจะทะลุผ่านไปยังไงดี
ในตอนที่เธอกำลังกังวลอยู่ สายตาของเธอก็บังเอิญเห็นต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล และมีเมล็ดแมกโนเลียเติบโตอยู่บนนั้น
ใช่แล้ว
โห้หลีเฉินเดินทางหลายพันไมล์ไปยัง ประเทศเบียนหนานเพื่อให้ได้ เมล็ดแมกโนเลียต้นนี้มา
ไม่ว่าเขาจะเอามันมาทำอะไร แต่สามารถทำให้เขาทำถึงขั้นนี้ได้นั้น ยานี้ มีความสำคัญมากจริงๆ
ขาดมันไปไม่ได้
ยิ่งกว่านั้นคือ แม้แต่ในประเทศเบียนหนานก็มีแค่ต้นเดียวเท่านั้น
ใช้มันมาขู่โห้หลีเฉิน หรือว่าบางทีอาจจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ได้
ซาอินติตาเป็นประกายขึ้น แล้วก็รีบออกคำสั่งกับองครักษ์ทันทีว่า “ไป ไปเอาเมล็ดแมกโนเลียนั่นมาให้ฉัน”
องครักษ์ประหลาดใจ “องค์หญิงขอรับเมล็ดแมกโนเลียนี้วิเศษมาก ทันทีที่ออกจากหีบมันก็จะตาย มีเพียงอุปกรณ์พิเศษเท่านั้นที่สามารถใช้เก็บได้ชั่วคราว ตอนนี้เราไม่มีอุปกรณ์ หากท่านเด็ดมันด้วยมือของท่านเอง เมล็ดแมกโนเลียนี้ก็จะตายเร็วมาก และไร้ประโยชน์ไปเลยนะขอรับ”
ซาอินติได้ยินแล้ว ก็ยกมุมปากหัวเราะเยาะ
“แบบนี้ก็ไม่ดีรึไง เมล็ดแมกโนเลียอยู่ในมือฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกมันจะได้ยิ่งร้อนรนไปอีกยังไงล่ะ”
คนที่สนใจยานี้ ไม่ใช่เธอสักหน่อย
องครักษ์ได้รับคำสั่งแล้ว ก็รีบไปเด็ดเมล็ดแมกโนเลียลงมาทันที
ถึงแม้ว่าเย้นหว่านจะอยู่ไกลไปหน่อย แต่ก็มองเห็นการกระทำของพวกองครักษ์นั้นได้ ทันใดนั้นก็ตื่นตูมขึ้นทันที
“พวกมัน พวกมันจะเด็ดเมล็ดแมกโนเลียแล้ว ทำยังไงดีล่ะ”
นี่เป็นเมล็ดแมกโนเลียต้นเดียวในโลกแล้วนะ
เรื่องนี้สำคัญกับชีวิตของโห้หลีเฉินมาก
โห้หลีเฉินหรี่ตามอง แล้วก็เม้มปากแน่นๆ
พูดเสียงเข้มว่า “คอยดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ”
เขาเพิ่งจะพูดจบได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของซาอินติจากฝั่งตรงข้ามแล้ว
“โห้หลีเฉิน ตอนนี้เมล็ดแมกโนเลียที่นายอยากได้น่ะอยู่ในมือฉัน นายยอมรับข้อเสนอฉันสิ แล้วฉันจะเอามันให้นาย แต่ถ้านายยังคิดตุกติกล่ะก็ ฉันก็จะทำลายมัน นี่เป็นเมล็ดแมกโนเลียที่เหลืออยู่ต้นเดียวในโลกนี้แล้ว นายคิดดูดีๆล่ะ”
สีหน้าของเย้นหว่านซีดจนเหมือนกระดาษสีขาว เนื้อตัวนั้นเย็นไปหมด
ทำลายเมล็ดแมกโนเลียเหรอ
งั้นก็เท่ากับว่าทำลายชีวิตของโห้หลีเฉิน
ถ้าวันนี้จะหนีจากที่นี่ไป โห้หลีเฉินไม่มีความหวังอีกต่อไปแล้ว เหลือเวลามีชีวิตอยู่อีกไม่ถึงสามปีเท่านั้น
เย้นหว่านตาแดงไปหมด น้ำเสียงแน่วแน่ “จะให้เขาทำลายเมล็ดแมกโนเลียไม่ได้นะ”
โห้หลีเฉินสีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงของเขาก็ทุ้มต่ำและเย็นชาด้วย
“ฉันตอบตกลงข้อเสนอของเธอไม่ได้”
เย้นหว่านกับเมล็ดแมกโนเลีย นี่ไม่ใช่คำถามให้เลือกตอบ
คำพูดที่เด็ดขาดของโห้หลีเฉิน ทำเอาเย้นหว่านน้ำตาคลอสุดๆ เขาเป็นห่วงเธอ แล้วเห็นเธอสำคัญยิ่งกว่าอะไร
เพื่อให้เธอไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย เขาก็ลากร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสของเขาเพื่อพังพินาศไปด้วยกันกับพวกเขา
เพื่อเธอแล้ว เขาไม่ได้สนใจแม้แต่เมล็ดแมกโนเลียที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ว่าจะถูกทำลายไปรึเปล่า
เขามองเธอสำคัญกว่าตัวเขาเองเป็นร้อยเท่า
ส่วนเธอนั้น ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ