สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่794 ในที่สุดก็มาเสียที
“โห้หลีเฉิน ชาติหน้านายจะยังตกหลุมรักฉันอีกไหม?”
เย้นหว่านถามเสียงเบา
ชาตินี้ฟ้าเมตตาให้โห้หลีเฉินตกหลุมรักกับเธอไปแล้ว ก็ได้ใช้ความโชคดีที่เธอมีทั้งชีวิตไปหมดแล้ว
หากชาติหน้ามีจริง เธอคงไม่มีโชคอะไรอีกแล้ว แต่เธอก็ยังอยากอยู่กับเขา ตลอดไปชั่วนิรันดร์
โห้หลีเฉินหัวเราะเบาๆ “ยัยบ๊อง ไม่ว่าจะชาติไหน ฉันก็จะใจเต้นกับเธอแค่คนเดียว”
ไม่ว่าชาติหน้าจะมีจริงหรือเปล่า โห้หลีเฉินก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า คนที่สามารถดึงดูดเขาได้นั้น มีเพียงเธอ
สำหรับเขาแล้วเธอเหมือนดอกฝิ่น ไม่สามารถต้านทาน หรือหลีกเลี่ยงได้
ได้ยินคำตอบจากโห้หลีเฉินแล้ว เย้นหว่านยิ้มอย่างพึงพอใจ
มือเล็กจับมือของโห้หลีเฉินไว้อย่างแน่น ดวงตามององครักษ์พวกนั้นที่อ้อมต้นไม้อย่างนิ่งเงียบ มาพร้อมกับปากปืนที่เย็นยะเยือก
ลูกกระสุนพวกนั้นที่ลอยไปมั่ว อ้อมจากต้นไม้ แล้วเข้าใกล้พวกเขามากขึ้น……
“เสี่ยวหว่าน!”
ในความสิ้นหวังที่สงบนิ่งนั้น ทันใดนั้น เสียงคุ้นเคยที่กำลังตะโกนอยู่ก็ดังขึ้น
เย้นหว่านถึงกับตะลึง เธอหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว ก็พบว่าถนนทางเข้าเส้นนั้น มีเย้นโม่หลินกับกลุ่มบอดี้การ์ด พร้อมกับปืน พุ่งตัวมาอย่างน่ากลัว
พวกเขาเหมือนดาบเล่มคมที่บังเอิญเข้ามา พร้อมกับอารมณ์ที่โหดเหี้ยม จึงทำให้ตัดช่วงกลางของกลุ่มองครักษ์ของซาอินติไปได้
แค่เพียงชั่วพริบตา บนพื้นก็เต็มไปด้วยองครักษ์เกินครึ่งที่ล้มลง
เย้นโม่หลินเดินอยู่ด้านหน้าสุด ในหมู่พวกเขา ในมือถือปืนสีเงิน คราบเลือดที่เปื้อนเต็มตัว ราวกับปีศาจนักฆ่า
แต่เขาที่อยู่ในสายตาเย้นหว่าน ณ เวลานี้ น่ารักยิ่งกว่านางฟ้าเสียอีก
เย้นโม่หลินมองเย้นหว่านจากที่ไกล ก้าวเท้าเดินมาหาเธอด้วยความเร็ว พร้อมตะโกนเสียงสูง “ไม่ต้องกลัวนะ พี่มาแล้ว”
คำพูดง่ายๆแค่ไม่กี่คำ แต่กลับทำให้ดวงตาของเย้นหว่านเริ่มแดงขึ้น ความตึงเครียดทุกอย่างของเธอได้พังทลายลง เหลือเพียงแต่ความสุขและอ่อนแอของชีวิตที่เหลือหลังจากนี้
เย้นโม่หลินมาแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็มาแล้ว
เธอและโห้หลีเฉินมีคนมาช่วยแล้ว
“โห้หลีเฉิน มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว มีคนมาช่วยแล้ว”
เย้นหว่านดีใจจนลืมตัว เธอจับมือของโห้หลีเฉินไว้อย่างตื่นแต่ อดไม่ไหวที่จะกระโดดลุกขึ้นมา
สายตาที่ตึงเครียดของโห้หลีเฉิน ในที่สุดก็คลี่คลาย ความดีใจฉายผ่านในสายตาของเขา
ค่อยยังช่วย ที่ในที่สุดเย้นโม่หลินก็มาทันเวลา เย้นหว่านปลอดภัยแล้ว
เย้นโม่หลินเอาคนตามมาแค่ไม่กี่คน แม้คนจะน้อยกว่าศัตรู แต่พวกเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ราวกับผู้เก็บเกี่ยวความตาย พร้อมกับท่าทางที่โหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง ทำให้องครักษ์ล้มลงทีละคน
คนเกือบสิบคน ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะสู้กลับได้
แต่เพียงเวลาแค่ไม่กี่นาที พวกองครักษ์ที่เหมือนจะชนะในเดิมที กลับล้มลง ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
เลือดไหลจนกลายเป็นแม่น้ำ
ส่วนเย้นโม่หลินเดินเหยียบศพองครักษ์พวกนั้นมา บนร่างกายมากสุดก็มีเพียงแผลถลอกเล็กน้อย
สายตาของเย้นโม่หลิน จ้องมองมายังเย้นหว่านตั้งแต่แรกจนจบ
เขาเดินเร่งฝีเท้า รีบเข้ามาหาเย้นหว่านอย่างใจร้อน มองเธอขึ้นๆลงๆอย่างเป็นห่วง
“เสี่ยวหว่าน เป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บไหม? สาหัสไหม? เจ็บไหม?”
คำถามที่ต่อกันสามประโยค แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่แท้จริงของเขา
แต่สภาพของเย้นหว่านนั้นดูแย่มาก มีคราบเลือดเปื้อนเต็มตัวเธอ แค่เห็นก็ทำให้รู้สึกแย่แล้ว
เย้นหว่านที่ขอบตาแดงส่ายหน้า น้ำตาไหลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“หนูไม่เป็นไรค่ะ ฮือๆ พี่คะ ในที่สุดพี่ก็มา ฮือๆ……”
เย้นหว่านโน้มตัวไปด้านหน้าอย่างแรง ก่อนที่จะโผเข้ากอดเย้นโม่หลิน น้ำตาและน้ำมูกของเธอถูกเช็ดบนเสื้อของเขา
เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม “ฮือๆๆ ใจหายหมดเลย อีกนิดพี่ก็ไม่ได้เจอหนูแล้ว”
เย้นโม่หลินกอดเธอไว้อย่างทะนุถนอม ตบลูบหลังเธอเบาๆ ถึงได้รู้ว่า คราบเลือดบนตัวเธอนั้น ส่วนมากเป็นของคนอื่น
น้ำลายที่ค้างอยู่ในคอ ในที่สุดเขาก็กลืนมันลงไปได้เสียที
ค่อยยังชั่วที่เย้นหว่านไม่เป็นอะไร ไม่งั้นเขาคงโทษตัวเองไปจนตายว่าเขาปกป้องน้องสาวได้ไม่ดีพอ
เขาปลอบอย่างอ่อนโยน “ขอโทษนะ พี่มาช้าไป ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีใครกล้าทำร้ายน้องแล้วนะ”
ยิ่งปลอบ เย้นหว่านก็ยิ่งร้องไห้หนักมากขึ้น
เรื่องราวที่เธอได้เผชิญเมื่อครู่ที่เป็นเหมือนฝันร้าย ในวินาทีนี้ ได้จบลงทุกอย่างแล้ว
เธอทำได้แค่ร้องไห้เสียงดัง เพื่อลืมเรื่องราวน่ากลัวทุกอย่าง ที่เธอฆ่าคน หรือโดนฆ่า
พอได้ยินเสียงร้องไห้ของเย้นหว่าน หัวใจของเย้นโม่หลินเหมือนโดนบีบรัดอีกรอบ เขาปวดใจจนทนไม่ได้ เขาโทษตัวเองอีกครั้งว่ายังไงแล้วเขาก็มาช้าไป
ในตอนที่อยู่ในอุโมงค์ พวกเขาไม่ควรเสียเวลาสองชั่วโมงไปกับการนอนพวกเขาควรวิ่งมาเลย
ในขณะที่โทษตัวเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เย้นโม่หลินก็เห็นโห้หลีเฉินที่เงียบอยู่ข้างๆ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “โห้หลีเฉิน ฝีมือนายแย่ขนาดนั้นเลย? ทำไมถึงปล่อยให้น้องฉันตกอยู่ในอันตราย นายดูสิน้องฉันขวัญเสียหมดแล้ว”
พอเย้นหว่านได้ยิน ก็หยุดร้องไห้ทันที เธอรีบแก้ตัวว่า “ไม่โทษเขา คือ……”
“ผมดูแลเธอได้ไม่ดีพอ ความผิดของผมเองครับ”
เสียงแหบพร่าของโห้หลีเฉิน พูดแทรกเย้นหว่าน
เขาใช้สายตาที่ลึกซึ้ง และเศร้าโศกมองเย้นหว่าน “คุณชายเย้น จากนี้ไปฝากคุณดูแลเธอด้วยนะครับ……ขอโทษ”
เสียงของโห้หลีเฉิน ยิ่งพูดยิ่งต่ำ
หลังจากที่เขาพูดคำสุดท้ายจบ ลมหายใจสุดท้ายที่เขาพยุงไว้ ในที่สุดก็สลายไป
ร่างสูงที่สูญเสียลมหายใจสุดท้ายไป ล้มลงอย่างคนหมดแรง
เย้นหว่านคลายอ้อมกอดจากเย้นโม่หลินแล้วหันหลัง ก็เห็นกับภาพตรงหน้า
ผู้ชายที่ไร้เทียมทานในสายตาเธอ เทพที่ไม่มีใครเทียบได้ ถล่มลงมาเหมือนภูเขาลูกใหญ่ ล้มลงตรงหน้าของเธอ
กระดุมตรงอกเขาหลุดออกหนึ่งเม็ด เสื้อสูทค่อยๆคลายออก เสื้อเชิ้ตด้านในที่เดิมทีเป็นสีขาว ตอนนี้กลายเป็นสีแดงไปหมด
เลือด
เลือดเต็มไปหมด
ใบหน้าของโห้หลีเฉินขาวซีดจนเหมือนผี เหมือนคนที่ไม่มีเรี่ยวแรง
เย้นหว่านชะงักไป สองตาเบิกกว้าง เธอรู้สึกตกใจจนเหมือนคนโง่
เธอมองเขาอยู่นิ่ง ลืมที่จะโต้ตอบ ไม่กล้าที่จะโต้ตอบ
เย้นโม่หลินตกใจอย่างแรง เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่า แม้จะมีสูทสีดำปกปิดไว้ เลือดบนตัวของโห้หลีเฉินก็ไหลเยอะจนปกปิดไว้ไม่ได้เหมือนกัน
เขาในตอนนี้ ก็เหมือนกับคนที่อาบเลือดอยู่
ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ บนร่างกายของเย้นหว่านนั้น ไม่มีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว เป็นเพราะโห้หลีเฉินใช้ร่างกายปกป้องเธอ!
ร่างกายของโห้หลีเฉิน ค่อยๆแย่ลง
“โห้หลีเฉิน นายห้ามนอนนะ!”
ท่ามกลางความตกใจ เย้นโม่หลินรีบตั้งสติ ก่อนจะนั่งลงข้างเขา ยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของโห้หลีเฉิน
ลมหายใจนั้น อ่อนจนแทบจะหายไป
“ป่ายฉี! ป่ายฉี มานี่ รีบมา!”
เย้นโม่หลินตะคอกเสียงดัง ในน้ำเสียงนั้น แน่นตึงแต่ก็มีความตื่นตกใจเล็กน้อย
เขาคือคนที่เจอกับคนใกล้ตายมาตลอด แค่สัมผัสเบาๆ เขาก็รู้ว่าอาการของโห้หลีเฉินสาหัสแค่ไหน
วินาทีถัดไป เขาอาจจะหยุดหายใจ จากนั้นหัวใจก็จะหยุดเต้น
ป่ายฉีที่ยังสนุกกับการจัดการกับพวกองครักษ์อยู่ด้านหลัง หลังจากได้ยินเสียง ร่างกายของเขาถึงกับนิ่งไป รับรู้ถึงความผิดปกติ
ตามตัวเขาในเวลานี้ คงเกิดเรื่องใหญ่แล้วแหละ