สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่80 บทสนทนาของพ่อตากับลูกเขย
บทที่80 บทสนทนาของพ่อตากับลูกเขย
แล้วยังจะเรียกเธอเอาผ้าขนหนูทำไม?
เย้นหว่านเปิดตู้ออกมาดูผ่านๆทีนึง กลับเหนือความคาดหมายเห็นผ้าขนหนูยังวางอยู่ที่นั่นดีๆ
นั่นก็หมายความว่า……
“เอาผ้าขนหนูมา”
ในขณะนี้ เสียงในห้องน้ำได้หยุดลงแล้ว เสียงทุ้มต่ำมีแรงดึงดูดของผู้ชายก้องมา
เย้นหว่านแบะปากเล็กน้อย ทำไมเขาถึงพูดเหมือนเหตุผลย่อมจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ? ต้องรู้ไว้นะว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องน้ำ เรียกผู้หญิงคนนึงไปส่งผ้าขนหนูให้ เขาไม่รู้สึกอายเลยหรอ?
ลังเลครู่นึง เย้นหว่านเดินมาถึงประตูหน้าห้องน้ำและเคาะประตู
“คุณโห้คะ ฉันเอาผ้าขนหนูมาแล้วค่ะ คุณเปิดประตูหน่อย”
“ประตูไม่ได้ล็อค”
ผู้ชายตอบบางเบาอยู่คำเดียว
เย้นหว่านกลัดกลุ้มใจไปครู่นึง นึกถึงห้องน้ำของตัวเองยังมีผ้าม่านกั้นไว้ชั้นนึงอยู่ โห้หลีเฉินน่าจะอยู่หลังม่าน
เธอก็เลยเปิดประตูห้องน้ำเดินเข้าไป
สิ่งที่เตะจมูกมาคืออากาศที่อุ่นชื้น กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำและกลิ่นไอของผู้ชาย หนักแน่นจนทำให้คนใจสั่น
แก้มของเย้นหว่านแดงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมากลับตะลึงที่เห็นร่างเงาสูงใหญ่ฟิตเฟิร์มของผู้ชาย ที่สำคัญที่สุดคือ……เปลือยกายล่อนจ้อน!
เธอยืนเอ๋อไปเลย
โห้หลีเฉินที่กำลังจะเดินออกมาจากผ้าม่านก็เอ๋อไปเลยเหมือนกัน
พริบตาเดียวในห้องน้ำจมเข้าไปในความเงียบงัน
ต่อมา “อ๊า—” จู่ๆ เสียงกรีดร้องเสียงนึงได้ดังขึ้นมา
เย้นหว่านกุมหน้าเอาไว้ ทั้งอายทั้งโมโห เธอวิ่งออกไปอย่างแตกตื่น
เธอไม่ได้ดูทาง มองดูตรงหน้าก็จะชนเข้ากับผนังแล้ว
โห้หลีเฉินหรี่ตา และรีบเดินไปคว้าตัวเย้นหว่านไว้
ด้วยความเคยชิน ร่างกายของเย้นหว่านได้กระโจนเข้าไปในอ้อมอกเขาอย่างควบคุมไม่ได้
แก้มที่แดงก่ำของเธอ ได้แนบชิดอยู่บนอกที่ยังเปียกชุ่มด้วยน้ำอย่างไม่มีการปกปิดใดๆ
หัวใจ ราวกับว่าได้หยุดเต้นในวินาทีนั้นเลย
แก้มของเย้นหว่านแดงผ่าวทั้งแผ่น คำๆนี้พุ่งออกมาจากปากโดยไม่ต้องคิด
“ไอ้อันธพาล!”
ใบหน้าของโห้หลีเฉินมีความอึดอัดแว๊บเข้ามา สามารถเห็นได้ลางๆเหมือนหูจะแดงผิดปกติ
“เอาผ้าขนหนูมาให้ผม”
ระหว่างพูด เขาก็คว้าผ้าขนหนูจากมือของเย้นหว่านมา และใช้เวลาอันรวดเร็วที่สุดในการเอาผ้าคาดไว้ที่เอว
เห็นท่าทางของเขา เย้นหว่านอึ้งไปครู่นึง ทันใดนั้นแก้มยิ่งร้อนผ่าวขึ้นมา
เขาดึงเธอกลับมา ก็แค่อยากเอาผ้าขนหนู?
เธอรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปแล้ว
เย้นหว่านแววตาระยิบระยับ อายจนไม่มีหน้าจะเจอผู้คนแล้ว เธอก้มหน้าและพุ่งออกไปจากห้องน้ำอย่างไว
เธอกำลังจะไปจากที่นี่ แต่กลับอึ้งเห็นพ่อตัวเองที่เพิ่งเดินเข้ามาในประตู
เย้นซวนมิ้นยกอาหารดึกยืนอยู่หน้าประตู มองดูลูกสาวที่วิ่งออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าแดงก่ำ แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างแปลกประหลาด
และนึกย้อนไปถึงเสียงกรีดร้องเมื่อกี๊ของเธอ……..
ทันใดนั้นสีหน้าของเย้นซวนมิ้นมืดครึ้มลงมาทันที น้ำเสียงเคร่งขรึมมาก
“เสียวหว่าน ถึงลูกกับหลีเฉินเป็นว่าที่สามีภรรยากัน แต่ลูกกับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน ลูกทำเรื่องแบบนั้นกับคุณโห้ได้ยังไง?”
เย้นหว่านอึ้งไปเลย อะไรคือเธอทำเรื่องแบบนั้นกับคุณโห้?
พูดซะเหมือนเธอเป็นอันธพาลหญิงเลย
“พ่อคะ ไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะคะ…..”
“คุณลุงครับ”
เย้นหว่านยังพูดไม่จบ ก็ถูกเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของผู้ชายพูดแทรกแล้ว
โห้หลีเฉินคาดผ้าขนหนูไว้และเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วมายืนอยู่ข้างกายของเย้นหว่าน
หน้าอกของเขายังเปียกชุ่มด้วยน้ำ ชัดเจนว่ายังไม่ทันได้เช็ด แต่แค่ช่วงเอวได้คาดผ้าขนหนูสีขาวไว้ และบนผ้าขนหนูนั้นยังมีรูปหมูที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของสาวน้อย
ทันใดนั้นสีหน้าของเย้นซวนมิ้นยิ่งดูแย่เข้าไปอีก จ้องเย้นหว่านด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านที่เขาหวังไว้
จากนั้น เขามองโห้หลีเฉินด้วยความเป็นห่วง “คุณโห้ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
เย้นหว่าน:“……” คำถามนี้ไม่ใช่เธอหรือที่ควรจะเป็นคนถาม?
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาซับซ้อน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงบางเบา:
“ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว”
แววตาที่เย้นซวนมิ้นมองเย้นหว่านยิ่งจงเกลียดจงชังเข้าไปใหญ่
เหมือนกับว่าเพิ่งสังเกตุเห็นครั้งแรก ที่แท้ลูกบุญธรรมของตัวเองภายนอกดูอ่อนโยน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นฝ่ายริเริ่มเข้าหาผู้ชายก่อน แถมยังรวดเร็วและดุร้ายด้วย
ถึงว่าล่ะเพิ่งจะหมั้นไม่ถึงเดือน ก็สามารถเอาโห้หลีเฉินที่สูงส่งอยู่หมัดแล้ว…………
เย้นหว่านถูกมองจนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เธอไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ทำไมถึงประหลาดเหมือนตัวเองได้ทำเรื่องที่ไร้ยางอายขนาดนั้น?
เธออยากขัดขืนก่อนตายหน่อย“พ่อคะ หนู…….”
“ลูกไม่ต้องพูด”
เย้นซวนมิ้นหยุดคำพูดเธอ สีหน้าที่ไม่อยากมองตรงๆ เหมือนกับว่าไม่อยากฟังเธอพูดต่อแม้แต่คำเดียว
จากนั้น เขามองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง
“โห้หลีเฉิน ถึงหนุ่มสาวสมัยนี้จะเป็นคนเปิดเผยมาก แต่บ้านเรายังเป็นคนที่มีความคิดแบบดั้งเดิมอยู่ ถ้าคุณกับเย้นหว่าน……ก็ห้ามทำให้เธอผิดหวังเด็ดขาด
ถึงคุณเป็นคุณผู้ชายของตระกูลโห้ก็ช่าง ต่อไปถ้ากล้าทำร้ายเย้นหว่าน ผมเย้นซวนมิ้นไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
หลายปีมานี้ โห้หลีเฉินเป็นคนสูงส่ง ยังไม่มีใครกล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดคุยกับเขา คนที่กล้าพูดแบบนี้ ต่างก็ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
โห้หลีเฉินกลับไม่รู้สึกโกรธ เขาเปิดปากพูดเหมือนสาบานว่า “ผมไม่ทำให้เธอผิดหวังหรอกครับ”
ดูเหมือนว่าทีนี้เย้นซวนมิ้นถึงรู้สึกวางใจ มองลูกบุญธรรมตัวเองอย่างรังเกียจ จากนั้นก็พูดกับโห้หลีเฉินอย่างเคร่งขรึม:
“ต่อไป เย้นหว่านก็มอบให้คุณแล้ว คุณต้องดีกับเธอให้มากๆนะ”
“ครับ ผมจะดูแลเธอเป็นอย่างดีเลยครับ”
โห้หลีเฉินพูดทีละคำๆ เสียงที่ทุ้มต่ำมีความแน่ใจที่โน้มน้าวใจคนได้
เห็นผู้ชายสองคนพูดคุยกันเธอคำนึง ฉันคำนึงก็เหมือนกับว่าได้ตัดสินใจเรื่องทั้งชีวิตของเธอไปแล้ว เย้นหว่านมึนตึ๊บเลย พวกเขาไม่ถามเธอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หน่อยเลยหรอ?
มองโห้หลีเฉินที่สีหน้าจริงจัง เธอแบะปากอย่างลับๆ ดูเหมือนจะเป็นความจริงเหมือนที่เขาแสดงเลย
เย้นซวนมิ้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นเย้นหว่านกำลังจ้องมองโห้หลีเฉินอยู่ เขาเกิดความรู้สึกหดหู่จนปัญญาอย่างช่วยไม่ได้
ผู้หญิงดีๆคนนึง ถึงจะชอบแค่ไหนก็ทำตัวเป็นผู้ดีหน่อยไม่ได้เลยรึยังไง?
“แค๊กๆ งั้นเสียวหว่านอยากนอนที่ไหนก็นอนที่นั่นเถอะ พวกคุณรีบพักผ่อนเถอะ”
พูดจบ เย้นซวนมิ้นก็หันหลังเดินจากไป
เย้นหว่านมองดูร่างเงาของเขา รู้สึกหดหู่ พ่อตัวเองเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?
มุมปากของโห้หลีเฉินมีรอยยิ้มเหมือนลางๆ มองผู้หญิงที่อยู่ข้างกายด้วยสายตาชิวๆ
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ผมให้คำมั่นสัญญากับพ่อคุณแล้วว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
นึกถึงคำพูดเคร่งขรึมและข่มขู่ที่พ่อคุยกับโห้หลีเฉินแล้ว เย้นหว่านก็เหงื่อท่วมหน้า
เธอหัวเราะแห้งๆสองที “เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้พ่อฉันฟังเองค่ะ”
โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ผมไม่ใช่คนที่พูดจาเชื่อถือไม่ได้หรอก”
ดังนั้น………..
เย้นหว่านขมับกระตุก มองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง
น้ำเสียงจริงจัง“คุณโห้ คุณวางใจได้ค่ะ เรื่องนี้ฉันไม่มีทางพูดออกไปแน่นอนค่ะ”
โห้หลีเฉินรู้สึกหดหู่ใจ ผู้หญิงคนนี้นี่ฟังความหมายที่เขาจะสื่อไม่ออกหรือยังไง?
เห็นสีหน้าของโห้หลีเฉินไม่ค่อยดี เย้นหว่านก็รู้สึกคืนนี้เขาคงรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนนิดหน่อย ดังนั้นเธอถึงเพ่งมองใบหน้าเขาแล้วพูด:
“คุณโห้ คุณก็รีบพักผ่อนเถอะค่ะ”
พูดจบ เธอก็ไม่กล้ามองช่วงบนที่เปลือยกายอย่างเซ็กซี่ของเขาอีก หันหน้าก็วิ่งออกไปเลย
มองประตูที่ถูกเธอปิดเข้าไว้ โห่หลีเฉินเม้มปากอย่างจนปัญญา