สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่861 หึงแทบคลั่ง
จากนั้นเธอก็ตกตะลึงไปทั้งตัว
ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว
เธอไม่กล้าจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคนที่เห็นจะเป็นเย้นโม่หลิน เดิมทีเธอคิดว่าจะต้องผ่านไปอย่างพอดิบพอดี แต่เธอไม่อาจมองข้ามเสื้อที่ยุ่งเหยิงต่างจากปกติของเขา ทั้งยังมีรอยจูบที่พรมอยู่บนคอไปได้
ดูไปแล้วก็คล้ายคลึงกับกู้จื่อเฟย หรือบางทีอาจจะหนักกว่ากู้จื่อเฟยเสียอีก
ดังนั้น คนที่รังแกกู้จื่อเฟยเมื่อคืนนี้ก็คือพี่ชายแท้ๆ ของเธอ เย้นโม่หลินงั้นเหรอ?
นั่น นั่นมันเป็นไปได้ยังไง?
ต่อให้พี่ชายของเธอจะชอบกู้จื่อเฟยโดยไม่รู้ตัวเอง แต่เขาก็ควบคุมตัวเองได้ดีมาก และยิ่งเข้มงวดกับเรื่องแบบนี้มาก ยังอยู่ในความคิดที่ว่าต้องเข้าเรือนหอถึงจะนอนได้
จะไปทำเรื่องอย่างการนอนด้วยกันก่อนที่จะแต่งงานได้ยังไง?
เย้นหว่านเบิกตากว้าง แทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอ “พวกเธอ พวกเธอทำ…ทำ…”
อะไรแบบนั้นกันแล้วจริงๆ เหรอ?
ถามไม่ออก แต่หัวใจที่ตกตะลึงของเธอแทบจะกระเด็นออกมาจากคอหอยแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาของเย้นโม่หลินหม่นลง ราวกับท้องฟ้าอึมครึมก่อนพายุฝนจะมา
เขามองกู้จื่อเฟยและมองไปที่เย้นหว่านอีกที น้ำเสียงไม่หนัก แต่กลับส่งเสียง”อืม”ออกมาอย่างเฉียบขาด
เสียงนั้น ก็เหมือนค้อนหิน
เรื่องฟลุ๊คทั้งหมดในหัวสมองของเย้นหว่าน มันได้กลายเป็นความจริงไปแล้ว
พี่ชายเธอพากู้จื่อเฟยไปนอนด้วยจริงๆ เข้าแล้ว!
พระเจ้า ช่างเป็นพัฒนาการที่เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว
เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าควรจะดีใจหรือตกใจดี และพูดประโยคหนึ่งออกมาจากปากโดยไม่รู้ตัว
“พวกเธอสมยอมงั้นเหรอ…อะอื้ม!”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบ มือเล็กเย็นเฉียบข้างหนึ่งก็มาปิดปากเย้นหว่านอย่างรีบร้อน
กู้จื่อเฟยพูดด้วยความตื่นตระหนก “เสี่ยวหว่าน ไม่ต้องพูดแล้ว”
เธออับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
คิดแค่อยากโดดตึกไปซะเลย
เย้นโม่หลินมองใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวและสายตาที่หลบเลี่ยงของกู้จื่อเฟย ก็รู้สึกเหมือนในอกมีหมอกหนาปกคลุม ทำให้เขาคลำไม่เจอมองไม่เห็น
ความหวาดกลัวที่อดกลั้นไว้
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หรือเธอคิดจะหนีไปทั้งแบบนี้กัน?
การหลบหนีนั้นไม่ใช่หนทาง
เย้นโม่หลินจ้องมองกู้จื่อเฟยตรงๆ และเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด
“กู้จื่อเฟย เรามาคุยกัน….”
“เมื่อคืนพวกเราหมดสติไป ท่านฝู้รองได้ส่งคนมาตรวจดูรึเปล่า? เขาเจออะไรไหม? ตอนนี้เขายังอยู่ในห้องลับส่วนตัวอยู่รึเปล่า?”
กู้จื่อเฟยขึ้นเสียงดังเอ่ยขัดคำพูดของเย้นโม่หลิน พูดรวบสามคำถามเข้าด้วยกันแบบไม่เว้นช่วงหายใจ
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น มองไปที่กู้จื่อเฟยด้วยแววตาซับซ้อนอย่างยิ่ง
เกิดความเงียบขึ้นในอากาศ
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจจะตอบคำถามนั้นของกู้จื่อเฟย
เมื่อล้มเหลวในการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจึงเกิดเดดแอร์ขึ้น กู้จื่อเฟยคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะหนีต่ออย่างหงุดหงิด ในตอนนั้นเอง เสียงเบาๆ ของป่ายฉีก็ดังขึ้น
“เมื่อคืนตอนนี้พวกนายนอนหลับ ฉันก็ตรวจสอบมาแล้ว ข้อมูลการโอนเงินเพิ่มของฝู้เหวยข่ายล้วนส่งออกจากที่นี่
พวกเราปล้นข้อมูลมาแล้ว การจะถอดรหัสยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกหน่อย
แต่ว่า ขอแค่ถอดรหัสออกมา แหล่งกำเนิดเงินทุนนี้ก็จะกระจ่าง ตัวตนของฝู้เหวยข่ายคือตระกูลไหนและสถานที่ใดก็จะยืนยันได้90%แล้ว”
ข่าวนี้สำหรับพวกของเย้นหว่านแล้วมันคือความคืบหน้าอย่างทะลุทะลวงทีเดียว
แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น
สายตาของเย้นโม่หลินจ้องเขม็งไปยังกู้จื่อเฟย ภายในริมฝีปากบางที่เม้มแน่นราวกับจะมีคำพูดอันน่ากลัวเอ่ยออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่กู้จื่อเฟยนั้นไม่อยากจะฟังแม้แต่คำเดียว
เธอใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นหนัก และรีบตอบรับคำพูดของป่ายฉี
“ถ้าอย่างเป็นนั้น ก็แค่ต้องรอข่าวการถอดรหัสก็พอแล้ว? งั้นพวกเราเองก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกแล้วใช่ไหม? สามารถไปได้แล้วใช่ไหม?”
ขณะกำลังพูดเธอก็ถอยไปข้างหลัง “งั้นฉันกลับก่อนนะ”
“ตอนนี้ไม่ได้”
โห้หลีเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม
กู้จื่อเฟยที่กำลังจะหันหนีพลันชะงักงันด้วยความงุนงง เธอกลัดกลุ้มอย่างมาก มองโห้หลีเฉินอย่างไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมล่ะ?”
เธออยู่ที่นี่แล้วมันอึดอัดมากจริงๆ นะ
โห้หลีเฉินเอื้อมไปโอบเย้นหว่าน มองไปทางห้องส่วนตัวด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงนั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
“ท่านฝู้รอง มันสมควรตาย”
คำง่ายๆ ไม่กี่ประโยคนั้น ทำให้ความอบอุ่นในอากาศพลันลดลงราวกับศูนย์องศาเลยทีเดียว
เป็นจิตสังหารอย่างแท้จริง
กู้จื่อเฟยนั้นไม่เคยผ่านเรื่องความเป็นความตายแบบนี้มาก่อน เมื่อเห็นโห้หลีเฉินที่เป็นแบบนั้น เธอจึงเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นเกรงกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ผู้ชายคนนั้นยามปกติเขาแค่สูงส่งเย็นชาเท่านั้น แต่ในตอนนี้กลับเป็นราวกับอสูรอาชูร่า
บรรยากาศมันน่ากลัวเกินไป
และเธอยิ่งไม่กล้าคิดว่าโห้หลีเฉินจะฆ่าท่านฝู้รองจริงๆ รึเปล่า?
ฉากนั้นคงจะนองเลือดไม่น้อย
“ฉัน ฉันกลัวเลือด ฉันไม่ดูแล้วนะ” กู้จื่อเฟยยิ่งอยากจะหนีไปแล้ว
เมื่อเย้นโม่หลินเห็นสภาพที่ใบหน้าเล็กซีดเผือดด้วยความหวาดกลัวอย่างน่าสงสารของกู้จื่อเฟย ก็รู้สึกทนไม่ได้จนโพล่งออกมาโดยแทบจะไม่ได้คิดเลย
“งั้นก็ไม่ต้องดูสิ ให้โห้หลีเฉินกับป่ายฉีไปจัดการก็พอแล้ว ฉันจะรอเป็นเพื่อนเธออยู่ตรงนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ป่ายฉีก็มองไปยังเย้นโม่หลินอย่างตื่นตะลึง
โอ้โหนายน้อยของเขา หลังจากค่ำคืนแห่งความสุข ก็ได้ทะลวงเส้นลมปราณแล้วหรือยังไงนะ?
รู้จักจะเย้าแหย่กันตามลำพังซะด้วย!
ป่ายฉีเห็นด้วยอย่างยิ่งในทันที แต่คำพูดของเขายังไม่ทันได้เอ่ย กู้จื่อเฟยก็ปฏิเสธอย่างรีบร้อน
“ท่านฝู้รองวางยาฉัน ฉันจะไม่ไปดูได้ยังไง? ไปเถอะ ฉันอยากจะไปดูด้วยตัวเองว่าเขาตายยังไง!”
กู้จื่อเฟยเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เร่งรีบยิ่งกว่าใครทั้งหมด
เพ้อเจ้อ จะให้เธอกับเย้นโม่หลินอยู่กันตามลำพัง?
เธอคิดเพียงอยากหลบซ่อนไปให้ไกล ช่องว่างตามลำพังไหนๆ ไม่สิ แค่คำว่าตามลำพังสักคำก็ไม่อยากจะพูด
ใครจะไปรู้ว่าเขาจะคิดบัญชีกับเธอยังไง?
เขาอยู่สูงส่ง ทั้งยังหนีห่างจากปัญหาวุ่นวายขนาดนั้น ไม่แน่ว่าเมื่อคืนนั้นอาจเป็นครั้งแรกอันมีค่าก็ได้ แล้วมาโดนเธอชิงไปแบบนี้ น่ากลัวว่าเขาอาจจะมีความคิดอยากจะฆ่าเธอขึ้นมาแล้วก็ได้
เธอต้องหลีกเลี่ยงเขา
“ยังงงอะไรกันอยู่อีก? รีบเดินสิ อย่ารอให้ถูกท่านฝู้รองรู้เรื่องอะไรแล้วหนีไปนะ”
กู้จื่อเฟยดึงป่ายฉีให้เดินไปข้างหน้าอย่างมุทะลุ
ป่ายฉีที่เดิมกำลังยืนอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้ใช้กำลังมากมายนัก เมื่อถูกดึงแบบนั้น ทั้งตัวจึงเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
ขณะเซไปเซมาก็ถูกบังคับให้เดินตามเธอไปข้างหน้า
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกท่าไม่ดี
ไหงงั้น มันยังไม่ใช่เรื่องต้องรีบเร่งที่สุดเสียหน่อย สิ่งที่โกงก็คือ เขารู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบอันเย็นยะเยือกที่ส่งมาจากข้างหลังได้ด้วยความตื่นตระหนก แต่ละคมมีดมันกำลังทิ่มแทงร่างของเขาจนแทบจะเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว
ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใครที่กำลังหึงจนแทบคลั่ง
ป่ายฉีนึกอยากจะชนกำแพงให้ตายไปเลยจริงๆ
เมื่อคืนเขาจงใจใช้อุบายตอนที่เข้าไปช่วย ทำให้กู้จื่อเฟยมี”ผลสืบเนื่อง”แล้ว ความคืบหน้าที่สำคัญขนาดนี้ เดิมทีควรให้เขาถอยออกจากฉาก”รักสามเส้า”นี้อย่างบริสุทธิ์สิ
แต่กู้จื่อเฟยดึงใครไม่ดึง ดันมาดึงเขาเนี่ยนะ?
เขายังอยากจะมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะ?! ไม่เอาน่า!
บรรยากาศรอบตัวของเย้นโม่หลินเย็นเยียบยิ่งกว่าเมื่อครู่ขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปยังมือของกู้จื่อเฟยที่กำลังดึงป่ายฉีด้วยแววตาเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง ความหงุดหงิดและเดือดดาลที่ไม่เคยมีมาก่อนปะทุขึ้นมาในทรวงอก
เขากำลังวิเคราะห์อย่างจริงจัง ว่าจะหักแขนของป่ายฉียังไงให้เลือดสาดน้อยหน่อย