สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่863 กระตุกหนวดเสือโดยสมบูรณ์
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเย้นโม่หลินก็มืดทะมึนลง บรรยากาศน่าหวาดหวั่นในทันใด
“แกอยากตายอีกเรอะ!”
เขาหน้ามืดและกำลังจะเดินเข้าไปฉีกปากของท่านฝู้รองซะ
เพียงเดินไปได้สองก้าว โห้หลีเฉินก็กลับยื่นมือมาขวางเขาไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำ “อย่าขยับ”
ท่านฝู้รองมองการกระทำของโห้หลีเฉิน ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
สบประมาทอย่างลำพองตัว “ก็ถือว่านายยังรู้ตัวเองอยู่บ้างที่รู้ว่าแตะต้องฉันไม่ได้ จะบอกอะไรให้นะ ที่พวกแกบุกเข้ามาอย่างหยาบคายแบบนี้ ก็เป็นการยั่วโมโหฉันแล้ว ถ้าตอนนี้คุกเข่าขอความเมตตากับฉัน ฉันก็ยังสามารถพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะคุยกันดีๆ กับพวกแกอยู่”
ตอนแรกที่โห้หลีเฉินบุกเข้ามาอย่างเผด็จการแบบนั้น เขาก็ค่อนข้างกังวลและรู้สึกตึงมืออยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นการกระทำที่ขัดขวางเย้นโม่หลินของโห้หลีเฉินแล้ว ก็แทบจะแน่ใจในทันทีเลยว่าโห้หลีเฉินมาเพื่อเจรจา
เจรจาด้วยเหตุผลก่อนหากล้มเหลวแล้วค่อยใช้กำลัง โห้หลีเฉินคงไม่ทำอะไรกับเขาจริงๆ แน่นอน
เพราะเกรงว่าโห้หลีเฉินจะหมดความอดทนด้วยการโจมตีที่บ้าคลั่งเมื่อคืน ช่างเปล่าประโยชน์จริงๆ
ดังนั้นความจริงคือตอนนี้โห้หลีเฉินนั้น มาเพื่อขอร้องเขา
ความมั่นใจของฝู้หงยิ่งมากขึ้น เขาพูดเสียงดัง
“โห้หลีเฉิน ปล่อยคนของฉันเดี๋ยวนี้ ฉันยังให้นาย….อั่ก!”
ยังไม่ทันได้พูดจบ โห้หลีเฉินก็ถีบเข้าที่ท้องของเขาไปทีหนึ่ง
กำลังแรงนั้นแข็งแกร่งมาก ร่างกายที่หนักห้าสิบกว่ากิโลกรัมของเขาก็ปลิวไปในอากาศเหมือนกับตุ๊กตา ก่อนจะกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรง
ด้วยการกระแทกอย่าง ฝู้หงแทบจะได้ยินเสียงกระดูกหักของตัวเองแล้ว
ความเจ็บปวดสุดขีดทำให้เขาแทบจะเป็นลม
เขามองไปที่โห้หลีเฉินอย่างหวาดผวา คิดไม่ถึงแม้แต่น้อย คนที่เขามั่นใจว่ามาขอความเมตตา ทำไมอยู่ๆ ถึงลงมือกับเขาได้
เขาล้มลงบนพื้น อดทนต่อความเจ็บปวดทั่วทั้งตัวแล้วตะคอกใส่โห้หลีเฉิน
“โห้หลีเฉิน กล้าทำร้ายฉัน คิดจะสู้จนหยดสุดท้ายงั้นเหรอ? นายต้องรู้ว่า ที่โจมตีทรัพยากรทางการเงินของโห้ถิงในตอนนี้ เป็นแค่เศษเสี้ยวของตระกูลฝู้เท่านั้น!”
“เฮอะ”
โห้หลีเฉินแค่นหัวเราะ เขาเดินไปข้างหน้า รองเท้าหนังมันวาวข้างหนึ่งเหยียบลงบนหน้าอกของฝู้หง
เขาที่ยังไม่ทันลุกขึ้นมาก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
และบนหน้าอกของเขา น้ำหนักที่กดลงมาอย่างแรงราวกับเครื่องบด ทำเอากระดูกหน้าอกของเขาเหมือนจะถูกบดขยี้จนหมด
ฝู้หงหน้าถอดสีด้วยความเจ็บปวด เหงื่อเย็นผุดบนหน้าผาก
เขามองโห้หลีเฉินอย่างคับแค้น แล้วจึงได้ค้นพบสายตาอันน่าหวาดหวั่น เย็นเยือกราวอสูรของโห้หลีเฉินด้วยความตื่นตะลึง
นี่มันใช่คนที่จะมาเจรจาที่ไหนกัน ความเย็นชาแบบนี้ มาฆ่าเขาชัดๆ!
เมื่อนั้นฝู้หงถึงได้ตระหนักอย่างถ่องแท้ว่าสถานการณ์ของเขาอันตรายแค่ไหน และถึงได้ตื่นตระหนกขึ้นมาจริงๆ
เขาเอ่ยอย่างร้อนรน
“โห้หลีเฉิน ถ้านายกล้าฆ่าฉัน ค่าตอบแทนของมันนายรับไม่ไหวหรอก! ตระกูลของฉันแข็งแกร่งไร้เทียมทาน หากฉันตาย พวกเขาจะต้องล้างแค้นให้ฉัน จะต้องทำให้นายต้องตายอย่างทรมานแน่นอน”
เขาข่มขู่ ดวงตาแดงฉานมองไปยังเย้นหว่าน “รวมไปถึงคนรักของนาย ครอบครัว คนรอบข้างไม่เว้นแม้แต่คนเดียว”
เขายังกล้าพูดถึงเย้นหว่าน ทำให้จิตสังหารรอบตัวของโห้หลีเฉินรุนแรงยิ่งขึ้นอีก
คนที่กล้ามาทำร้ายเย้นหว่าน ก็เท่ากับมากระตุกหนวดเสือของเขา
สีหน้าของเขาเฉยชา แรงใต้ฝ่าเท้าหนักขึ้นในทันตา ทันใดนั้นเสียงกระดูกหักก็ดังขึ้น
“อ๊าก!”
ฝู้หงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาชักดิ้นชักงออย่างควบคุมไม่ได้
นั่นคือความเจ็บปวดของการกระดูกหัก
“ท่านรอง!” พ่อบ้านที่ถูกกดไว้ร้องตะโกนด้วยความเป็นห่วง และตกใจกลัวด้วยเช่นกัน
ไม่เคยเห็นใครกล้าทำกับคุณชายสองขนาดนี้มาก่อน
อย่างไร้ก็ตาม แม้เสียงกรีดร้องจะแหลมเสียดหู แรงใต้ฝ่าเท้าของโห้หลีเฉินนั้นกลับไม่เบาลงเลยแม้แต่น้อย
และยังกดทับแรงขึ้นไปอีก
ความเจ็บปวดยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น เจ็บจนฝู้หงตาเหลือกขาว ความเจ็บปวดสุดขีดที่สู้ตายไปเสียยังดีกว่า
เขากรีดร้องอย่างน่าเวทนา “โห้หลีเฉิน คนตระกูลฉันจะต้องฆ่าแกแน่ จะต้องฆ่าแกแน่นอน”
โห้หลีเฉินมองลงมาที่เขาอย่างเย็นชาราวกับกำลังมองดูมดปลวก
เขายิ้มอย่างส่งเดช “งั้นก็ลองให้พวกเขามาดูสิ”
มา1คนก็ฆ่า1คน มา2คน ก็ฆ่าทั้งคู่
บนโลกใบนี้ ไม่ว่าตระกูลไหนหรืออิทธิพลใด ก็ยังไม่เคยมีการดำรงอยู่ที่โห้หลีเฉินเกรงกลัวมาก่อน
เมื่อเห็นฝู้หงเห็นโห้หลีเฉินแบบนั้น ก็อกสั่นขวัญแขวน
ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ไม่กลัวด้วยความไม่รู้ หรือจะมีความสามารถที่จะพูดคำนั้นได้จริงๆ ต่างก็ทำให้ฝู้หงรู้สึกถึงความสิ้นหวังอันมืดมิด
โห้หลีเฉินจะฆ่าเขาจริงๆ
แต่เขาจะตายไม่ได้ และยังตายในที่แบบนี้อีก
“พวกแก พวกแกไม่ได้คิดจะสืบความลับของที่นี่งั้นเหรอ? นี่คือฐานของฉัน การทำงานของขั้นตอนเบื้องหลังทั้งหมดล้วนดำเนินการที่นี่ การสนับสนุนทางการเงินทั้งหมดของฝู้เหวยข่ายเองก็มาจากที่นี่
แต่ตอนที่พวกแกมา ฉันได้ล้างทุกอย่างในเครื่องคอมพิวเตอร์ไปหมดแล้ว ข้อมูลที่พวกแกต้องการ ไม่สามารถหาเจอจากที่นี่
หากฉันตายตอนนี้ เงินทุนจำนวนมากจะถูกเก็บให้ฝู้เหวยข่ายทันที และเขาจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะเอาชนะโห้ถิงได้ในชั่วพริบตา! ”
ฝู้หงกล่าวเชิงวิเคราะห์ ยังคงพยายามให้ได้มาซึ่งพื้นที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
เมื่อโห้หลีเฉินเห็นท่าทีแบบนั้นของเขาก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยัน
“ข้อมูลที่ฉันต้องการน่ะ ฉันเอามันมามันได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเนื้อหาทั้งหมดจะถูกถอดรหัส ฉันไม่สนใจข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของนายแล้วล่ะ”
“เป็น เป็นไปได้ยังไง….”
คำพูดนั้นแทบจะทำลายล้างฝู้หง สีหน้าของเขาซีดเผือดอย่างรุนแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้
ถ้าโห้หลีเฉินดึงข้อมูลได้แล้วจริงๆ งั้นเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรต่อโห้หลีเฉินอีก
แถมยังข่มขู่ไม่ได้ด้วย
ถ้าอย่างนั้นจุดจบของเขา ก็มีเพียงทางตันเท่านั้น
“โห้หลีเฉิน ไม่สิ คุณโห้ ผมเป็นแค่อารองของฝู้เหวยข่ายเท่านั้น ผมถูกบังคับให้มาช่วยเขา ผมไม่ำด้ตั้งใจที่จะเป็นปรปักษ์กับคุณ ถ้าคุณปล่อยผม วันนี้ขอเพียงแค่คุณปล่อยผมไป ผมจะรีบถอนเงินทุนและความช่วยเหลือทั้งหมดออกทันที กระทั่งจะให้ฝู้เหวยข่ายปลีกตัวไป รับรองว่าจะไม่ให้เขามาก่อความวุ่นวายให้คุณอีก”
เขาพูดอย่างร้อนรน ใบหน้าเต็มไปด้วยความนอบน้อม “คุณโห้ สงครามธุรกิจนี้ผมแพ้แล้ว ผมยอมแพ้ คุณปล่อยผมไปเถอะ”
“เฮอะ ตอนนี้นายยังคิดว่านี่คือสงครามธุรกิจธรรมดาๆ อีกงั้นเหรอ?”
โห้หลีเฉินยิ้มเย็น แววตาเย็นเยียบอย่างน่าสะพรึง “ตั้งแต่ชั่วพริบตาที่แกกล้าวางยาพิษเย้นหว่าน แกก็ถึงฆาตแล้ว”
ชดใช้ด้วยชีวิต
สำหรับโห้หลีเฉินแล้ว เย้นหว่านนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนผลประโยชน์ของสงครามธุรกิจล้วนเป็นเรื่องรอง
ในเมื่อครั้งนี้ไม่ได้ข้อมูลอะไร เขาก็จะจัดการกับฝู้หงก่อน
ฝู้หงได้เจอกับชายที่ยึดมั่นและเด็ดเดี่ยวแบบนี้เป็นครั้งแรก สายตาที่เย็นชาของเขาทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมาจากจิตวิญญาณ
เขาร้องขอความเมตตาด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองอีกต่อไป
“คุณโห้ ผมผิดไปแล้ว ฝู้เหวยข่ายเองก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับคุณ ยกโทษให้ผมครั้งนี้เถอะ แค่ครั้งเดียว ยกโทษให้ผมด้วยเถอะ”
ชายที่ยังเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามและตั้งตนเป็นใหญ่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้นอนอยู่บนพื้นราวกับสุนัขเลียแข้งเลียขา
จนตรอกเหลือทน
แต่มันไม่ได้รับความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
ทำเรื่องอะไรไป ก็สมควรได้รับบทลงโทษนั้น ทำร้ายแก้วตาดวงใจของโห้หลีเฉินแล้ว ก็ควรได้รับค่าตอบแทนคืนไปเป็นร้อยเป็นพันเท่า
โห้หลีเฉินพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ป่ายฉี ยา”