สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่867 นี่บินมารึไง?
เย้นหว่านมองไปที่โห้หลีเฉินอย่างมึนงง และตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ เธอถาม
“นายคาดการณ์ไว้อยู่แล้วใช่ไหมว่าฝู้เหวยข่ายจะมา?”
ความสงบนิ่งของเขา คิดดูแล้วก็เพราะเขามีแผนอยู่ในใจนั่นเอง
โห้หลีเฉินยกยิ้มแล้วพยักหน้า “อืม”
เป็นอย่างที่คิด
ถ้าอย่างนั้น โห้หลีเฉินก็ต้องคิดวิธีตอบโต้ไว้แล้วแน่ ดังนั้นต่อให้ฝู้เหวยข่ายจะมาสักกี่สิบคนมันก็คงไร้ประโยชน์
หัวใจที่ห้อยต่องแต่งของเย้นหว่านก็กลับเข้าที่
เธอยกชามที่โห้หลีเฉินส่งให้และกำลังจะดื่มซุปกลืนอาหารที่สำลักเข้าไป
ทว่าสีหน้าของเว่ยชีนั้นกลับไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
เขาลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนพูดอย่างเป็นกังวล
“คุณหนูกู้ไม่รู้ว่าทำไมถึงไปปรากฏตัวที่ประตูโรงแรมและบังเอิญชนเข้ากับฝู้เหวยข่าย ตอนนี้ถูกฝู้เหวยข่ายจับตัวไว้แล้ว”
น้ำที่เย้นหว่านเพิ่งจะดื่มเข้าไป พุ่งออกมาในคำเดียว
เธอยืนขึ้นอย่างตื่นตระหนกโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ เธอถาม
“ตอนนี้กู้จื่อเฟยเป็นยังไงบ้าง? ได้รับบาดเจ็บไหม? ฝู้เหวยข่ายได้ทำอะไรกับเธอรึเปล่า?”
สีหน้าของเว่ยชีค่อนข้างเคร่งขรึม เขาเอ่ยเสียงขรึม
“บนหน้าของคุณหนูกู้ มีแผลเป็นรอยนิ้วครับ”
“ไอ้ห่ารากฝู้เหวยข่าย!”
เย้นหว่านระเบิดในพริบตา คาดไม่ถึงว่าฝู้เหวยข่ายจะกล้าทำร้ายกู้จื่อเฟย
เธอพูดอย่างตื่นตัว “ไปกันเถอะ ฉันจะฆ่าเขา!”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วลุกตามขึ้นมา
เขาคิดไว้แล้วว่าฝู้เหวยข่ายจะมา แต่กู้จื่อเฟยถูกจับไปกะทันหันแบบนี้ เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายจริงๆ
เขาถามเสียงเข้ม “กู้จื่อเฟยไม่ได้อยู่กับเย้นโม่หลินหรอกเหรอ? ทำไมถึงไปปรากฏตัวที่ประตูโรงแรมกัน”
เว่ยชีก็มีสีหน้างงงวยเช่นกัน “ผมเองก็ไม่ทราบ ตอนที่มาผมก็ตรวจตราดูแล้ว ตอนนี้คุณชายเย้นก็อยู่หน้าห้องของกู้จื่อเฟย เหมือนกำลังรอหล่อนอยู่”
เกรงว่าตอนนี้เย้นโม่หลินจะยังไม่รู้ว่ากู้จื่อเฟยหายไปแล้ว
แล้วยังเกิดเรื่องขึ้นด้วย
ให้ตายเถอะ
โห้หลีเฉินเดินตามเย้นหว่านไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วออกคำสั่งกับเว่ยชี
“ไปแจ้งเย้นโม่หลิน”
เรื่องเกี่ยวกับกู้จื่อเฟย เขายิ่งใส่ใจ
ในเวลาเดียวกัน เย้นโม่หลินยังคงยืนอยู่ที่ทางเดินข้างประตู เอนหลังพิงกำแพง
เขากำลังรอกู้จื่อเฟยอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เธอเข้าไปนานมากแล้ว แต่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ใจร้อนเลยแม้แต่น้อย
เขารออยู่อย่างนั้นด้วยความสงบ
รอให้เธอจัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ค่อยออกมาพูดคุยกับเขาเรื่องเมื่อคืนกันอย่างช้าๆ
ป่ายฉีเดินเข้ามาก็ได้เห็นฉากนั้น
ชายผู้หนึ่งพิงอยู่กับกำแพงด้วยสีหน้าสงบสุข
สีหน้าที่สงบเยือกเย็นนี้ เขาที่อยู่กับเย้นโม่หลินมายี่สิบกว่าปียังไม่เคยได้เห็นเลยสักครั้ง
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ความรักนั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ แม้แต่ผู้ชายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดนั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย
ละลายน้ำแข็งชิ้นหนึ่งลง
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงในเวลาเดียวกันนั้น ยังมีใครบางคนที่ไอคิวปรอทแตกอีกด้วย
กู้จื่อเฟยเข้าไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่ออกมา หรือเขาจะไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติเลยงั้นเหรอ?
ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าผู้หญิงคนนั้นได้ปีนหน้าต่างหนีไปแล้วงั้นเหรอ?
ตอนนี้ก็ถูกฝู้เหวยข่ายจับไปแล้ว กลายเป็นตัวประกันของชาวบ้านแล้วนะ?
ป่ายฉีเริ่มจะเชื่อคำกล่าวที่ว่า คนที่อยู่ในความรัก ไม่ว่าชายหรือหญิง ไอคิวก็กลายเป็นติดลบไปหมด
เย้นโม่หลินช่างเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนจริงๆ
ถ้าเขาเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่มีสมองแล้วจากนี้จะทำยังไงเล่า?
ป่ายฉีกังวลกับความก้าวหน้าในอนาคตของตัวเองอยู่ลึกๆ กำลังคิดพิจารณาว่าต้องเปลี่ยนพี่ใหญ่หรือไม่
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องรอแล้ว….”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็ปะทะหน้ากับแววตาคมกริบก็พุ่งเข้ามายังป่ายฉีโดยตรง
เย้นโม่หลินมองป่ายฉีอย่างเย็นชา ยิ่งไม่อยากเจอก็ยิ่งได้เจอ
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ไม่ต้องมายุ่งที่นี่”
ไม่อย่างนั้นพอกู้จื่อเฟยออกมาแล้วเห็นป่ายฉี เดี๋ยวก็หาข้ออ้างหนีไปกับป่ายฉีอีก
เขาอุตส่าห์ขวางกู้จื่อเฟยไว้ได้อย่างยากลำบากเพื่อจะได้คุยกับเธอ
มุมปากของป่ายฉีกระตุกอย่างแรง อารมณ์รุนแรงของเขานี่นะ อยากจะหันหลังหนีไปเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ ไม่อยากจะสนใจด้วยแล้ว
ปล่อยให้เขารออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน รอไปทั้งชาติเลย
แต่สุดท้ายเหตุผลก็เอาชนะความโมโหไปได้ ป่ายฉียิ่งรู้ได้อย่างชัดเจน ถ้าเขาไม่บอกเรื่องคนที่หายไป และต่อมาเย้นโม่หลินพลาดการช่วยเหลือกู้จื่อเฟย ความโกรธเกรี้ยวอันมหึมานั้นไม่มีใครสามารถรับไหว
ช่างเถอะ เขามีEQสูงและใจกว้าง ไม่คิดเรื่องหยุมหยิมแบบนี้หรอก
ป่ายฉีพูดออกไปตรงๆ “กู้จื่อเฟยถูกฝู้เหวยข่ายจับไปแล้ว”
เย้นโม่หลินอึ้งไปในทันที
เขาตื่นตะลึงอย่างมาก มองไปที่ประตูอย่างไม่เชื่อสายตามันยังปิดอยู่และไม่เคยเปิดเลย
“กู้จื่อเฟยอยู่ในห้อง”
เขาแน่ใจอย่างมาก เขาอยู่ที่นี่ตลอดเวลา
ป่ายฉีกังวลกับปฏิกิริยาของใครบางคน เขาเอ่ยเตือน “ในห้องมีหน้าต่าง หล่อนหนีไปนานแล้ว”
หนีไปแล้ว?
หนีอีกแล้วเหรอ?
ความสงบในร่างของเย้นโม่หลิน พลันเปลี่ยนเป็นความฉุนเฉียวในพริบตา
เขากระโจนไปข้างหน้า ถีบประตูห้องอย่างแรง
เสียง”ปัง”ดังขึ้น ประตูพังร่วงลงกับพื้น
ป่ายฉีหมดคำจะพูด มันระเบิดจริงๆ รุนแรงขนาดนั้น
เย้นโม่หลินรีบเดินเข้าไปห้อง ปราดเดียวก็กวาดมองภายในห้องอยู่ในสายตา หมดจด ยังมีเงาของกู้จื่อเฟยที่ไหนกัน
แถมหน้าต่างก็เปิดกว้างไว้ ลมก็พัดเข้ามา พัดผ้าม่านปลิวไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความจริงประจักษ์แก่สายตา
เธอวิ่งหนีไปใต้จมูกของเขาจริงๆ!
เป็นผู้หญิงที่แย่ชะมัด คุยกับเขาสักหน่อยมันยากนักรึไง?
“ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
เย้นโม้หลินหันหลังเดินออกมาจากห้องและถามกับป่ายฉี
ป่ายฉีชี้ไปทางชั้นล่าง “อยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม ฝู้เหวยข่ายพาคนตั้งเยอะแยะ….”มา…..
พูดยังไม่ทันจบคำ ป่ายฉีก็รู้สึกได้ว่าตรงหน้านั้นมีลมกรรโชกพัดผ่านไป ก่อนเห็นเงาภาพติดตาสีดำพุ่งไปที่ลิฟห์
ความเร็วนั้น เร็วจนน่าตกใจ
ป่ายฉีมองไปที่เขาด้วยความตะลึง หลังจากนั้นพักหนึ่งถึงได้ส่ายหัวอย่างจนใจ
เขาถอนหายใจ “เฮ้อ ผู้ชายคลั่งรักนี่นะ”
เอาความสามารถที่จะดูแลตระกูลมาใช้กับผู้หญิงไปหมดแล้ว
จาดนั้น เขาก็ยังได้เห็นฉากที่ทำให้เขายิ่งไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาเห็นเย้นโม่หลินที่พุ่งไปถึงประตูลิฟต์และกดลิฟต์ลงอยู่หลายครั้ง ด้วยความที่รอไม่ไหวเขาจึงหันกลับมาอย่างกะทันหันแล้วพุ่งไปยังทางออกปลอดภัยที่อยู่ด้านข้าง
จากนั้นก็วิ่งลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ป่ายฉีไล่ตามไป จึงมาได้ทันเห็นคนบางคนที่ตัวเบาราวนกนางแอ่น กระโดดจากชั้นบนไปยังระดับถัดไปโดยตรง
อืม รีบร้อนมากขนาดเอาปาร์กัวร์มาใช้เลยทีเดียว
ถ้าลงไปแล้วเห็นรอยนิ้วมืออันป่าเถื่อนบนหน้าของกู้จื่อเฟย เขาจะไม่ระเบิดออกมาเลยรึไง?
เขาจุดเทียนให้ฝู้เหวยข่ายอย่างเงียบๆ ในใจ
ตัวเองรนหาที่ตาย มาล่วงเกินเทพอสูร พระโพธิสัตว์ก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว
เย้นโม่หลินลงไปข้างล่างด้วยความเร็วสูงราวกับฟ้าผ่า
หัวใจของเขาแทบจะมาห้อยอยู่ที่ลำคอ ไม่กล้าชักช้าแม้วินาที เขาต้องยืนยันด้วยตาตัวเองว่ากู้จื่อเฟยปลอดภัยดีอยู่รึเปล่า
เย้นหว่านและโห้หลีเฉินเพิ่งจะออกมาจากลิฟต์ ก็เห็นเงาร่างหนึ่งพรวดพราดออกมาจากทางออกปลอดภัยของตึก
ความเร็วนั้นทั้งรวดเร็วและเร่งร้อน
เมื่อมองอีกที เขาคือเย้นโม่หลินนั่นเอง
เย้นหว่านตกตะลึง “พี่เร็วกว่าพวกเราอีกงั้นเหรอ?”
ความเร็วนี้ เขาบินมารึไง?