สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่94 เหมือนจะมีจุดประสงค์อย่างอื่น
บทที่94 เหมือนจะมีจุดประสงค์อย่างอื่น
พอได้ยินคำพูดนี้ มู่หรงชิ่นหน้าซีดทันที มองโห้หลีเฉินอย่างตื่นตระหนก “เฉิน…..”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว เขาไม่เชื่อคำพูดท่อนสุดท้ายที่ป่ายฉีพูดหรอก หมอในตำนานอย่างเขา ยังไม่ถึงขั้นทำเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อของตัวเองออกหรอก
แต่เย้นหว่านจะมีโรคอะไรที่ซ่อนอยู่หรือ?
เขาหันหน้าไป สายตาที่สำรวจหล่นอยู่ที่บนตัวเธอ
“คุณมีที่ไหนไม่สบายบ้างมั้ย?”
เย้นหว่านส่ายหัวด้วยความอึ้ง “ไม่มีค่ะ ปกติฉันแค่ภูมิต้านทานต่ำไปหน่อยเฉยๆค่ะ”
ไม่ถึงกับมีโรคร้ายแรงอะไร หรือว่ามีโรคอะไรซ่อนอยู่หรอกมั้ง
มู่หรงชิ่นตื่นตระหนกและรีบพูดว่า:
“โรคร้ายบางโรค แรกๆตัวเองจะไม่รู้สึกหรอกนะ เช่นโรคมะเร็ง ส่วนใหญ่จะรู้ตัวก็ระยะหลังๆแล้ว เรื่องสุขภาพ กันไว้ดีกว่าแก้นะ”
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว กำลังคิดอย่างจริงจัง เขาไม่ยอมที่จะให้เย้นหว่านมีโรคร้ายแม้แต่น้อย แต่ก็สงสัยป่ายฉีจะมีจุดประสงค์อื่นกับเย้นหว่าน เขาไม่อยากให้ป่ายฉีเข้าใกล้เธอ
เห็นโห้หลีเฉินกำลังคิดพิจารณาอยู่ แค่ตรวจสุขภาพทั่วร่างกายเอง ยังจริงจังยิ่งกว่าที่เธอต้องมาให้หมอรักษาอีก ในใจของมู่หรงชิ่นริษยาจนแทบจะบ้าคลั่งอยู่แล้ว
แต่ภายนอก เธอกลับมองเย้นหว่านด้วยหน้าตาที่น่าสงสาร ในแววตาเต็มไปด้วยการอ้อนวอน
เย้นหว่านกลืนน้ำลาย ทำไมตอนนี้กลายเป็นเหมือนกับว่าสิทธิ์์ในการตัดสินมาตกอยู่ที่ตัวเธอซะงั้นล่ะ? เธอเป็นแค่คนที่ไม่สำคัญที่มาเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง
คิดๆแล้ว เธอกลับรู้สึกว่าลองตรวจสุขภาพดูก็ไม่มีข้อเสียอะไร “คุณโห้คะ ถ้างั้นฉันลองไปตรวจสุขภาพดูก็ดีเหมือนกันค่ะ”
แถมยังไม่ต้องเสียตังค์ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกต่างหาก
โห้หลีเฉินไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่หันไปมองที่ป่ายฉี สายตาเต็มไปด้วยการข่มขู่
“ตอนที่ตรวจสุขภาพผมจะอยู่ด้วยตลอดเวลา ถ้าหากคุณกล้าเล่นตุกติกล่ะก็ ผมจะทำให้คุณเสียใจที่ทำอย่างนี้แต่แรก”
แววตามีความสุขแว๊บผ่านไป ป่ายฉีพูดด้วยรอยยิ้ม:“คุณวางใจเถอะ ผมไม่คิดอะไรไม่ดีกับเธอหรอกน่ะ”
จากนั้น ป่ายฉีได้มองเย้นหว่านด้วยสายตาลึกซึ้งทีนึง ถึงหันหลังเดินเข้าไปทางบ้าน
เสียงเขาดังออกมาจากข้างใน “ทุกคนเข้ามาเถอะ”
ใจที่กังวลของมู่หรงชิ่น ถึงได้วางใจลงเสียที
สามารถให้ป่ายฉีช่วยรักษาให้ล่ะก็ เรื่องที่เธอขอต้องสำเร็จแน่นอน
เย้นหว่านก็จะเดินเข้าด้วย แต่ทันใดนั้นโห้หลีเฉินได้จูงมือเธอไว้อย่างกระทันหัน น้ำเสียงจริงจังมาก
“อยู่ที่นี่ คุณต้องอยู่กับผมตลอดเวลารู้มั้ย?”
เย้นหว่านอึ้งไปครู่นึง เธอมองมู่หรงชิ่นที่อยู่ข้างหน้าเว้ยความอึดอัด และรู้สึกกินปูนร้อนท้อง
อยู่ต่อหน้าคนรักตัวจริง เธอนัวเนียกับโห้หลีเฉินแบบนี้ มันไม่ค่อยดีมั้ง
“ฉัน ฉันรู้แล้วค่ะ”
ระหว่างพูด เย้นหว่านใช้แรงดึงมือตัวเองออกจากมือของโห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินไม่พอใจ กำลังจะจูงมือเธออีกครั้ง แต่เย้นหว่านกลับเข้ามาใกล้ๆตัวเขา ยืนชิดไหล่กัน
“ฉันรับประกันว่าฉันจะอยู่ข้างกายคุณตลอดเวลาค่ะ”
มองดูหน้าตาที่เป็นฝ่ายเข้าใกล้เองของเธอแล้ว โห้หลีเฉินเม้มปากและมีรอยยิ้มขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
นายอำเภออยู่ข้างๆ มองดูพวกเขาเดินเข้าบ้านของป่ายฉีอย่างซึ่งๆหน้า ช็อกจนลูกตาจะหล่นลงที่พื้นอยู่แล้ว
หลายปีมานี้ เขาเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกที่มีคนเข้าบ้านของป่ายฉีสำเร็จ
เขานับถือจากใจจริง คุณโห้สมกับเป็นคุณโห้จริงๆ
ข้างในบ้านของป่ายฉีไม่ต่างกับบ้านของชาวนาธรรมดาๆ เครื่องใช้ในบ้านที่เรียบง่าย ชิวๆแต่ก็มีชีวิตความเป็นอยู่แบบนึง
ถ้าไม่รู้ความสามารถของเขา แล้วเดินเข้ามาเฉยๆอย่างนี้ คงคิดจริงๆว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนนึง
เย้นหว่านมองดูรอบๆด้วยความสงสัย แล้วได้กระซิบข้างหูโห้หลีเฉิน:
“ดูแล้วข้างในบ้านเขาไม่เห็นมีอุปกรณ์ทางการแพทย์เลยค่ะ ให้พวกเราเข้ามาทำไม?”
สำหรับวิธีพูดกระซิบข้างหูของเธอ โห้หลีเฉินยกมุมปากและรู้สึกพอใจมากๆ
หลังจากนั้นก็ทำเหมือนเธอ ก้มหัวเล็กน้อย เข้าไปใกล้ข้างหูเธอแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า:
“ถ้าไม่ผิดคาด ในนี้น่าจะมีห้องใต้ดิน”
เสียงที่ทุ้มต่ำของผู้ชาย กลิ่นไอที่อบอุ่นแผ่มาที่หู ยิ่งเหมือนไฟที่ยั่วยวนใจ
เย้นหว่านหน้าแดงไปหมด เลยรีบออกห่างจากโห้หลีเฉิน
พูดก็พูดสิ เข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไม?
ณ เวลานี้ ป่ายฉีพาพวกเขาเดินมาที่ห้องเกมส์ห้องนึง หลังจากนั้นได้กดปุ่มที่ซ่อนอยู่บนผนัง แค่เห็นทีวีใหญ่ที่ห้อยอยู่แยกออกเป็นสองท่อนพร้อมกับผนัง เปิดออกเหมือนประตูอัตโนมัติ
สิ่งที่อยู่ด้านหลังผนังคือลิฟท์ตัวนึง
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินด้วยความนับถือ เขาทายถูกแล้วมีห้องใต้ดินจริงๆด้วย
พวกเขาเข้าไปในลิฟท์พร้อมกัน หลังจากนั้นลิฟท์ได้ลงไปที่ชั้นใต้ดิน
พื้นที่ของชั้นใต้ดินกว้างมาก อย่างน้อยกว้างกว่าบ้านที่อยู่ชั้นบนสองเท่า
เย้นหว่านก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมบ้านของมู่หรงชิ่นมีแต่บ้านเดี่ยว ไม่มีแม้แต่เพื่อนบ้านที่อยู่ชิดกันเลย
ส่วนในห้องใต้ดินนี้แบ่งออกเป็นหลายห้อง ข้างในมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าที่สุด ไม่ต่างจากโรงพยาบาลส่วนตัวเล็กๆเลยล่ะ แถมยังเป็นอุปกรณ์ที่หรูหราที่สุดอีกด้วย
เย้นหว่านลิ้นจุกอยู่ลับๆ ป่ายฉีคนนี้ นี่รวยเกินไปหรือเปล่า?
ป่ายฉีหันกลับมาอย่างกระทันหัน แล้วมองเย้นหว่านด้วยสายตาหยอกล้อ “สาวน้อย ผมก็รวยจริงๆนะ แถมยังหล่อด้วย คุณสามารถพิจารณาคบกับผมได้นะครับ”
เย้นหว่านขยับมุมปาก เย้ารักกันซึ่งๆหน้าแบบนี้มันจะดีจริงๆเหรอ?
โห้หลีเฉินหน้าบึ้ง ยิ่งหมั่นไส้ป่ายฉีเข้าไปใหญ่
เขาจูงมือของเย้นหว่าน มือวางไว้ตรงกลางของเขาสองคน “เธอเป็นคู่หมั้นผม คุณไม่มีโอกาสแล้ว”
ป่ายฉีกระพริบตาปริบๆให้เย้นหว่าน “ขอแค่ใช้วิธีที่ดี ไม่มีสิ่งใดที่แย่งมาไม่ได้หรอก”
เย้นหว่าน:“……..”
เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกที่มีคนเป็นมือที่สามอย่างซึ่งๆหน้าอย่างนี้
โห้หลีเฉินมองป่ายฉีด้วยสายตาเย็นชาทีนึง แล้วกางแขนออก โอบเย้นหว่านไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง
แสดงการครอบครองอย่างเต็มที่
สัมผัสถึงกลิ่นไอที่คุ้นเคยของผู้ชาย อ้อมกอดที่กว้างใหญ่ ทันใดนั้นเย้นหว่านแข็งไทื่อปครู่นึง
มู่หรงชิ่นยังอยู่ที่นี่นะ ทำไมโห้หลีเฉินต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย?
เธอขัดขืนอย่างตื่นตระหนก อยากจะผลักตัวเขาออกไป
วินาทีนั้นสีหน้าของโห้หลีเฉินยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ เขาเข้าใกล้ไปที่ข้างหูเธอและพูดเสียงเบา “คุณขยับอีกที ผมก็จะจูบคุณ”
เย้นหว่านอึ้งจนตัวแข็งทันที
มู่หรงชิ่นมองดูท่าทีของโห้หลีเฉิน ในใจรู้สึกหนาวเย็นและเจ็บปวด โห้หลีเฉินที่สูงส่งไฮโซมาโดยตลอด เพื่อเย้นหว่านแล้วเขาถึงกับทำท่าทางที่ปัญญาอ่อนขนาดนี้ออกมาได้
เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด เวลานี้เย้นหว่านอยู่ในใจของโห้หลีเฉินมีน้ำหนักเท่าไหร่กันแน่
ป่ายฉียักคิ้วและมองไปที่เขาสองคน ยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ดูๆแล้วจะไม่หวังดีสักเท่าไหร่
เขาเดินไปหน้าประตูห้องที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ แล้วชี้เข้าไปที่ด้านใน
“มู่หรงชิ่น คุณเข้าไปนอนข้างในเลย”
“…..ค่ะ”
ฝืนใจดึงสายตาออกจากตัวโห้หลีเฉินแล้ว มู่หรงชิ่นได้เดินเข้าไปข้างใน
เธอกำลังจะนอนบนเตียงที่อยู่ข้างบนของเครื่องจักรนั้น แต่กลับได้ยินเสียงของป่ายฉีดังขึ้นอีกครั้ง
“ถอดเสื้อผ้าให้หมดแล้วนอนลงไป”
มู่หรงชิ่น:“……”
ถึงแม้เธอจะเติบโตที่ต่างประเทศ แต่อยู่ต่อหน้าผู้ชายที่ตัวเองชอบ เธอกลับต้องเปลือยกายให้ป่ายฉีดู เขาก็รู้สึกลำบากใจและทำไม่ได้
ป่ายฉีทำหน้าน่ารังเกียจ “ผมไม่มองคุณหรอก เครื่องจักรนี้ใช้ง่ายมาก แบบไม่ต้องใช้สมองอ่ะ กดตามขั้นตอนก็พอแล้ว คุณให้เพื่อนคุณมากดเถอะ”
ระหว่างพูด สายตาที่ขี้เล่นของป่ายฉีหล่นอยู่ที่บนตัวของโห้หลีเฉิน