สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 282
ตอนที่ 282 เขากำลังอุ้มเหอหย่าหาน
แม้คำพูดจะพูดเช่นนี้ แต่พอเผยลี่เชินจากไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกเคว้งขึ้นมาในทันที ราวกับขาดอะไรไปบางอย่าง
เก็บข้าวของเล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังคิดจะไปทำงานล่วงเวลาที่บริษัท ยังไม่ทันเดินออกจากหน้าประตูคฤหาสน์ อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
มองเห็นหน้าจอแสดงผลคนโทรเข้า คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลู่เหยาที่โทรมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ประหลาดใจเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังคงยื่นมือออกไปรับ
“ฮัลโหลค่ะ รุ่นพี่ลู่”
“เสว่เอ๋อร์ วันนี้มีเวลาว่างไหม?”
งานเลี้ยงฉลองในคราวก่อนวุ่นวายกันจนไม่มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง หลังจากตอนนั้นนี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาติดต่อกันเป็นการส่วนตัว
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้ตอบ ในหูโทรศัพท์ก็ดังสะท้อนเสียงหัวเราะเบาๆของลู่เหยาออกมา เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างนุ่มนวลว่า “วางใจ คราวนี้ผมมีเรื่องที่เป็นทางการอยากจะคุยกับคุณ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก “วันนี้ฉันจะไปทำโอทีที่บริษัท มีเวลาว่างเกือบทั้งวันค่ะ”
“งั้นถึงเวลาผมไปหาคุณทานอาหารกลางวัน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดอยู่ว่าเผยลี่เชินไม่แน่ว่าจะสามารถกลับมาตรงตามเวลาได้ อีกทั้งต่อให้เขากลับมา เธอค่อยเดินทางจากบริษัทกลับบ้านไปอีกกลับยิ่งวุ่นวายเสียด้วยซ้ำ สู้เจอกับลู่เหยาข้างนอกไปเลยจะดีกว่า แล้วก็เพื่อขอโทษต่อหน้าเขาในเรื่องของคราวก่อนพอดี
“ค่ะ งั้นก็นัดเวลาเที่ยงแล้วกันค่ะ”
นัดเวลาและสถานที่ที่จะพบกับเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็วางสายลง มุ่งหน้าไปยังบริษัทอย่างรีบร้อน
ยุ่งอยู่หลายชั่วโมง ไป๋เสว่เอ๋อร์จัดการงานที่สะสมเอาไว้ในมือได้ไปครึ่งค่อนใหญ่ๆ เพิ่งจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ช่วงเวลาว่างในการดื่มกาแฟ เธอถือโอกาสเลื่อนดูโมเมนต์เพื่อนๆในโทรศัพท์ อยู่ๆก็เลื่อนไปถึงการเคลื่อนไหวหนึ่งที่เหอหย่าหานเพิ่งจะโพสต์ลงไป
เป็นภาพทิวทัศน์ของเขตชานเมือง เห็นป่าเขาที่อยู่ไกลออกไป กลับไม่เหมือนในสวนสุสาน มุมล่างซ้ายด้านในรูป เผยให้เห็นมุมนึงของชุดสูทอย่างเหมือนตั้งใจและเหมือนไม่ได้ตั้งใจ เป็นชุดนั้นที่เผยลี่เชินสวมตอนออกจากบ้านในวันนี้พอดี ตัวหนังสือที่ใช้ประกอบรูปภาพเป็นประโยคหนึ่งที่เรียบง่ายว่า “อยู่ด้วยกันกับคุณ ดีจริงๆ”
มือที่กุมโทรศัพท์มือถือเอาไว้อยู่ๆก็กำแน่น ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เกิดอารมณ์ที่ผิดปกติพุ่งสูงขึ้นมา
ไม่ใช่ว่าเธอชอบคิดมาก แต่ประโยคที่ใช้ประกอบรูปนี้ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมีความคิดหลายอย่างผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายจริงๆ ความไม่สบายใจเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์แทบอยากจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาเผยลี่เชินภายในทันที แต่คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ระงับความหุนหันพลันแล่นนี้เอาไว้ได้
แต่หลังจากนั้น ในสมองชอบเธอก็ชอบคิดเดาไปต่างๆนาๆ จนแม้แต่กระจิตกระใจในการทำงานก็ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คิดไปคิดมา เธอก็ยังคงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้น โทรออกไปยังเบอร์ของเผยลี่เชิน
โทรศัพท์มือถือดังอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดทางนั้นก็มีคนรับสาย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นเต้น รีบเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ทางนั้นคุณดำเนินการไป…”
ยังไม่ทันจะพูดจบ อยู่ๆสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นก็ดังสะท้อนเสียงผู้หญิงขึ้นมา “คุณหนูไป๋หรอคะ? ขอโทษนะคะ ฉันคือเหอหย่าหาน ลี่เชินตอนนี้ไม่ค่อยสะดวกรับสายโทรศัพท์…”
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหอหย่าหานที่รับสายโทรศัพท์!
ไป๋เสว่เอ๋อร์ในใจร้อนรน ฟังน้ำเสียงที่ได้ใจของหญิงสาว ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา เธอแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เขาอยู่ที่ไหนคะ? ทำไมถึงเป็นคุณที่รับโทรศัพท์?”
ได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์ถามแบบนี้ เหอหย่าหานก็หัวเราะส่งเสียงออกมาเบาๆ “คุณหนูไป๋ ไม่ใช่ว่าฉันว่าอะไรนะคะ ความเคลือบแคลงในใจของคุณมีมากเกินไปหน่อย ฉันกับลี่เชินรู้จักกันมาตั้งหลายปีขนาดนี้ หากฉันอยากจะทำอะไร? ก็ทำไปตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังสามารถทำได้อย่างไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นอีกด้วย…”
น้ำเสียงของเธอช่างเหลาะแหละมากจนเกินไป แม้ว่าจะเหมือนเป็นการอธิบาย แต่จะฟังยังไงก็รู้สึกว่าปริมาณข้อมูลที่ครอบคลุมอยู่ในประโยคนี้มีมากกว่านั้น
ความตื่นตระหนกในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เพียงแต่ไม่ได้หายไป กลับเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ “คุณนำโทรศัพท์ให้เขา ฉันต้องการที่จะคุยกับเขา”
“ฉันบอกคุณไปแล้วไงคะว่า ตอนนี้ลี่เชินไม่สะดวกรับสายโทรศัพท์” เหอหย่าหานที่อยู่ทางนั้นหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย ในเสียงหัวเราะแฝงไปด้วยความไม่แยแสและการเย้ยหยัน “เตือนคุณประโยคนึงอย่างมิตรภาพ ในความสัมพันธ์แบบคนรักความไว้เนื้อเชื่อใจสำคัญมาก หากแม้แต่จุดนี้คุณยังทำไม่ได้ ฉันเชื่อว่าพวกคุณสองคนจะต้องเดินไปได้ไม่ไกลอย่างแน่นอน”
เธอพูดประโยคนี้จบ ก็วางสายไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใจเต้นตึกตัก ความไม่สบายใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น
เธอไม่เคยระแวงกับระดับความซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์นี้ของเผยลี่เชินมาก่อน แต่สถานการณ์ที่เธอเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ซับซ้อนมากจนเกินไป ต่อให้เธอเชื่อมั่นในตัวเผยลี่เชิน เธอก็ไม่เชื่อใจเหอหย่าหาน หากเธอมีใจคิดจะทำอะไรขึ้นมาหน่อยจริงๆ ใครก็ไม่สามารถชัดเจนได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไป๋เสว่เอ๋อร์กระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรไปหาเผยลี่เชินอีกครั้ง ทว่าเพิ่งจะดังได้สองที ก็ถูกฝั่งนั้นตัดสายทิ้งไป
วางโทรศัพท์มือถือลง ทำใจเย็นๆอยู่ห้านาที อารมณ์ที่แต่เดิมกระสับกระส่ายร้อนรนของไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้สงบลงมาหน่อย
แม้ในใจจะรู้ดีว่า เผยลี่เชินคงจะไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ในใจก็มักจะเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เธอก็ไม่แน่ใจเช่นเดียวกันว่าความรู้สึกแบบนี้มาจากที่ไหนกันแน่
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังติ๊งต่องขึ้น ได้รับข้อความใหม่ในวีแชท พอไป๋เสว่เอ๋อร์กดเปิดดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหอหย่าหานที่ส่งเข้ามา “ตอนเที่ยงตรงลี่เชินจะพาฉันมาส่งที่ชั้นล่างอาคารของบริษัทเผยซื่อ หากคุณไม่วางใจ ยินดีให้คุณมารับถึงที่”
หลังจากประโยคนี้ ยังแนบอิโมติคอนรูปหน้ายิ้มมาด้วย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็คิดไม่ตกเช่นเดียวกันว่าเธอหมายความว่าอะไรกันแน่?
แต่ในเมื่อเหอหย่าหานพูดมาเช่นนี้แล้ว เธอก็อยู่ที่บริษัทพอดี งั้นถึงเวลาก็ลองลงไปรอดูสักหน่อยก็ได้
ชั่วพริบตา เวลาที่นัดทานอาหารกลางวันกับลู่เหยาก็ใกล้จะมาถึง ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดแล้วคิดอีก จึงได้เลื่อนเวลาออกไปยังเที่ยงตรง เช่นนี้แล้ว เธอทั้งสามารถรับรองความปลอดภัยไร้ปัญหาของเผยลี่เชินได้อย่างแน่ใจ ทั้งยังไม่เสียเวลาที่จะเจอหน้าคุยธุระกับเขาอีก สมบูรณ์แบบไปทั้งสองอย่าง
ระยะห่างจากเวลาเที่ยงตรงยังเหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ในห้องทำงานนั่งไม่ติดแล้ว จึงได้ตรงไปยังชั้นล่าง นั่งลงบนโซฟาในโซนพักผ่อนที่ห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่ง รอคอยการมาถึงของเผยลี่เชินด้วยจิตใจที่ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง
เลยเวลาเที่ยงตรงไป ก็ยังคงไม่เห็นรถของเผยลี่เชิน รอไปอีกสักพัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อนข้างที่จะผิดหวังเล็กน้อย เพิ่งเตรียมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาเผยลี่เชินเพื่อสอบถามสถานการณ์ แต่ใครจะรู้ว่าพอกดเปิดสมุดรายชื่อ โทรศัพท์ของลู่เหยาก็โทรเข้ามาพอดี
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถือโอกาสกดปุ่มรับสาย “ฮัลโหลค่ะ? รุ่นพี่”
“คุณอยู่ที่ไหน? อีกสองทางแยกผมก็จะถึงหน้าบริษัทของพวกคุณแล้ว คุณเตรียมตัวล่วงหน้าสักหน่อย รอผม”
“ค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับ วางสายโทรศัพท์ลง ในขณะที่กำลังจะกดโทรออกก็เงยหน้าขึ้นโดยใม่ได้ตั้งใจ อยู่ๆก็มองเห็นรถไมบัคที่คุ้นเคยคันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตูบริษัทผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบตัวเข้าหากันแน่น กำลังจะก้าวขาเดินออกไป ประตูรถก็ถูกคนดันออก เผยลี่เชินลงมาจากลง กลับไม่ได้เดินจากไปภายในทันที แต่กลับหมุนตัวนำผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้วยกันที่เบาะที่นั่งด้านหลังอุ้มขึ้นมา
เหอหย่าหานยิ้มหวานไปทั่วทั้งใบหน้า ยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาเอาไว้อย่างเป็นไปตามธรรมชาติ พิงศีรษะลงบนหน้าอกของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
ฉากที่เห็นนี้สำหรับไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วขัดหูขัดตาอย่างผิดปกติ หัวใจของเธอบีบรัดเข้าหากันแน่นในทันที ร่างกายแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่รู้ว่าจะวิ่งออกไปถามไถ่สถานการณ์ หรือว่าควรจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลยดี
เผยลี่เชินอุ้มเหอหย่าหานเดินไปหน้ารถที่จอดอยู่ทางด้านหลัง นำเธอวางเข้าไปในรถ หลังจากที่พูดอะไรอยู่สองสามประโยค ถึงได้ยืดตัวขึ้นก้าวขาเดินชึ้นรถไป
มองเห็นรถเคลื่อนไหวจากไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่กับที่อย่างด้านชา ปลายจมูกทั้งแสบทั้งร้อน อารมณ์ความรู้สึกตกลงไปจนถึงขีดสุดภายในทันที
เดิมทีเธอยังมีความเชื่อใจที่แน่นอนต่อเผยลี่เชิน แต่กลับให้เธอเห็นฉากนี้ด้วยตาของตัวเอง นี่ไม่ใช่การตบหน้าเธออย่างชัดเจนหรอ?
ต่อให้ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไงกันแน่ บางทีที่เผยลี่เชินอุ้มเหอหย่าหานอาจจะมีเหตุผลที่พอจะให้อภัยได้ บางทีอาจจะมีอะไรที่น้ำท่วมปากจริงๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่ควรให้เธอกังวลใจรอมาตลอดช่วงเช้า กลับมาเห็นฉากที่ทำร้ายคนแบบนี้
ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ใจ ปลายจมูกของไป๋เสว่เอ๋อร์แสบร้อน น้ำตาไหลทะลักออกมาในทันที
โทรศัพท์มือถือสั่นขึ้น เธอกดปุ่มรับสายอย่างเศร้าซึม เสียงของลู่เหยาสะท้อนมาจากสายโทรศัพท์ฝั่งนั้น “เสว่เอ๋อร์ คุณอยู่ไหน?