สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 29
บทที่ 29: มาช่วยแก้สถานการณ์
“อื้ม คนเยอะเดี๋ยวจะยุ่ง”
เผยลี่เชินทิ้งท้ายประโยคนี้ เดินเข้าไปห้องน้ำ
ไป๋เสว่เอ๋อร์นึกขึ้นได้ว่ายังอ่านเอกสารของโครงการไม่หมด ตื่นเต้นเบา ๆ แต่เหมือนว่าเธอควรจะรักษาเวลาไว้
ใกล้วันที่จะไปดูงานที่เมืองหนานไห่เข้าไปทุกวัน ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำงานเลขาที่คุ้นเคยด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งแอบทำการบ้านทำความเข้าใจโครงการหนานไห่ ยุ่งจนหัวเป็นน็อตตัวเป็นเกลียว
ประชุมร่วมกับเผยลี่เชินเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบจัดการรายการของเขาต่อ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน จากนั้นเริ่มจัดการเอกสารต่อ
เลขาประธานดูเหมือนจะง่าย แต่เป็นบททดสอบสำหรับการลงมือจัดการเรื่องราวของคนคนหนึ่ง เธอต้องทำให้ไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น มั่นใจว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้นำ ถึงจะถือว่าทำงานได้เต็มที่
สวี่เยว่หรูเคยใช้ความเป็นรุ่นพี่กดขี่เธอครั้งหนึ่ง โยนงานที่ยุ่งยากที่สุดให้เธอทำ แต่เธอไม่เคยบ่น รับงานพวกนั้นไว้หมด ถึงแม้จะเหนื่อยหน่อย แต่สามารถเรียนรู้มากมายในเวลาแสนสั้น
สวี่เยว่หรูไปดูงานข้างนอกกับเผยลี่เชิน ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งจะทำงานในมือเสร็จ เริ่มมีเวลาว่างบ้าง ตอนแรกว่าจะนั่งอ่านเอกสารอีกครั้ง แต่จู่ ๆ โทรศัพท์บนโต๊ะกลับดังขึ้น
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ออฟฟิศประธานเผยซื่อค่ะ”
“ฮัลโหล เลขาไป๋ ฉันเป็นเลขาของรองประธานฟาง อันโหรว รองประธานเรามีงานนัดหมายเจรจา ต้องการล่ามเยอรมัน พอดีว่าล่ามเยอรมันในแผนกล่ามลาพักร้อน เราไม่มีทางเลือกเลยขออ่านประวัติคุณ ทราบว่าคุณเคยเรียนเยอรมันเป็นภาษาที่สองในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย คุณสามารถมาช่วยแก้สถานการณ์หน่อยมั้ยคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยิน กำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น “ให้ช่วยไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันควรจะขออนุญาตจากประธานเผยก่อนนะคะ”
ให้เธอไปแก้สถานการณ์ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าถ้าเธอไปไหนโดยถือวิสาสะแล้วเกิดเรื่องอะไรฝั่งนี้ เธอคงจะอธิบายกับประธานได้ยาก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวรองประธานฟางจะติดต่อประธานเผยเพื่อบอกรายละเอียดงานค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ดีค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์วางสายไป สั่งให้เลขาประธานคนอื่นให้มาประจำอยู่ที่ออฟฟิศเธอ เผื่อมีข้อความที่สำคัญ ก่อนเธอจะไป เธอยังไม่ค่อยวางใจ ส่งข้อความหาเผยลี่เชินแล้วเดินไปห้องทำงานของรองประธานฟาง
พอถึงที่ รองประธานฟางไม่อยู่ แต่เลขาของอันโหรวรอเธออยู่ที่นั่น อันโหรวนั้นสมชื่อจริง ๆ ทั้งตัวเธอเปล่งปะกรายออกมาด้วยความนิ่งและอ่อนโยน หลังจากเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์แล้ว เธอทักทายและพาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปที่ห้องประชุม
ระหว่างเดิน อันโหรวใช้โอกาสอธิบายสถานการณ์กับเธอคร่าว ๆ “วันนี้รองประธานฟางจะพบกับตัวแทนจากบริษัทเทคโนโลยีที่เขาไปดูงานที่เยอรมันครั้งที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายคุยกันเกือบจะสมบูรณ์แล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามแสดงความจริงจัง เลยบินมาที่เมืองไห่เฉินเพื่อที่จะคุยเรื่องราคาสุดท้าย”
“เดี๋ยวจะเจอคำศัพท์เฉพาะและข้อตกลงด้านราคาเยอะ คุณต้องแปลละเอียดหน่อย เพราะถ้ามีความผิดพลาด ถือว่าพลาดครั้งใหญ่เลยหละ”
ถึงแม้อันโหรวจะดูอ่อนโยน แต่ตอนอธิบายเกี่ยวกับปัญหาได้อย่างชัดเจน ไป๋เสว่เอ๋อร์เองก็เข้าใจ เมื่อคุยถึงเรื่องราคา เป็นด่านสุดท้ายของทั้งสองฝ่าย ซึ่งสำคัญอย่างยิ่ง
เธอมั่นใจระดับหนึ่งกับพื้นฐานภาษาเยอรมันระดับหนึ่ง เพราะตอนที่เธอเรียนอยู่มหาลัยวิชาเอกของเธอคือภาษาต่างประเทศ นอกจากภาษาจีน อังกฤษ และยังศึกษาภาษาต่างประเทศอีก การล่ามทางธุรกิจก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถเธอเท่าไหร่
เมื่อถึงห้องประชุม ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามอันโหรวไป ทักทายทั้งฟางหรงเทียนและตัวแทนจากเยอรมันสองคน จากนั้นไปนั่งลงที่หลังฟางหรงเทียน
ตอนเริ่มต้นเจรจาดูเหมือนจะง่าย ทั้งสองฝ่ายแสดงจุดยืนของจน ร่วมกันทบทวนข้อตกลงที่ทำมาด้วยกันแต่ต้น รอให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจขอบเขตและมาตรฐานของกันและกันแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
การร่วมมือของโครงการนี้ พูดตรง ๆ คือแลกเปลี่ยนเทคนิคบนพื้นฐานของค้าขายสินค้า เผยซื่ออยากพัฒนาผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่ ต้องการเทคนิคบางอย่างจากบริษัทเยอรมัน ลำพังจ่ายเงินไม่ใช่ทางออก ทั้งสองฝ่ายต้องการที่จะปกป้องผลประโยชน์และการแข่งขันของตัวเอง ให้เผยซื่อออกใบสั่งผลิตกับบริษัทเขา และเขาจะสนับสนุนเทคนิคหลักในการผลิต แต่จะไม่ถ่ายทอดเทคนิคให้
เผยซื่อต้องการที่จะขยายตัว จึงอนุญาตใช้ชิ้นส่วนหลักของบริษัทเขาชั่วคราว เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เขาต้องการ การทำเช่นนี้ก็ต้องยกระดับต้นทุนขึ้นมาอีก แต่เมื่อจำนวนใบสั่งผลิตถึงจำนวนระดับหนึ่งฝ่ายตรงข้ามอนุญาตให้เผยซื่อส่งพนักงานไปเรียนรู้เทคนิคที่เยอรมัน
เพื่อจะกอบโกยโควต้าเรียนรู้เทคนิค เผยซื่ออยากจะเพิ่มผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ก็ต้องพยายามไม่กดราคาของชิ้นส่วนหลัก
ทั้งสองฝ่ายคุยกันหลายรอบ แต่ก็ไม่ตกลงสักที เห็นว่าเวลาจะใกล้กลางวัน ฟางหรงเทียนใช้กลยุทธ์ถ่วงเวลา เขามองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “บอกเขาไปว่าผมจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมแถวนี้ ให้เขาทานให้อิ่มก่อนแล้วค่อยมาคุยกันใหม่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจ ถ่ายทอดความหมายของเขาให้กับตัวแทนเยอรมัน
จากนั้นอันโหรวพาตัวแทนเยอรมันไปที่โรงแรมข้าง ๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเวลาแล้วกำลังลังเลจะถามฟางหรงเทียนว่าเธอสามารถไปก่อนได้มั้ย แต่เธอยังไม่ทันได้พูดอะไร ฟางหรงเทียนก็รู้แล้วว่าเธอจะพูดว่าอะไร “เลขาไป๋ครับ คุณยังไปไม่ได้นะครับ ถ้าคุณไปแล้วผมจะสื่อสารกับตัวแทนทั้งสองได้ไงครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อยิ้ม ๆ ตอนแรกอยากขอตัวก่อน เพราะว่างานหลักของเธอไม่ใช่เป็นล่าม แต่ก็คิดว่าฟางหรงเทียนก็คงจะไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ หรอก เลยตอบรับอยู่ต่อ
เมื่อเห็นการทำงานของฟางหรงเทียนกับตา ไป๋เสว่เอ๋อร์เองต้องยอม คนเก๋ายังไงก็เก๋าอย่างงั้น พูดจาเหมาะสม จุดยืนก็มั่นคง คุยกันมาตั้งหลายครั้งสุดก็ไม่หลุดราคาที่อยู่ในใจของตัวเองออกไป
อีกอย่าง ครั้งที่แล้วเธอได้ยินเผยลี่เชินบอกเขาว่ายังไม่ต้องรีบทำงาน พักผ่อนสักพักก่อน แต่นี่ผ่านไปสองวันเขากลับมาทำงานอีกแล้ว เห็นได้ว่าความทะเยอทะยานในตัวเขามีมากแค่ไหน
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังเหม่อลอยอยู่ ฟางหรงเทียนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเดินช้าลง “ผมได้ข่าวว่า คุณเป็นลูกสาวของไป๋เจิ้งตงหรอครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงัก เงยหน้ามองฟางหรงเทียน
เขารู้จักพ่อเธอด้วยหรอ?
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมเข้าลึก ๆ “ใช่ค่ะ”
ฟางหรงเทียนมองหน้าเธอ ไม่ได้พูดอะไรทันที ผ่านไปสักครู่เพิ่งจะเอ่ยปาก “ดูเหมือนว่าเขาสอนคุณได้ดีนะครับ”
ความหมายในประโยคที่เขาพูดว่า เป็นการยอหรือเหยียด เธอก็ยังไม่เข้าใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้า แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม
เธอเดินตามฟางหรงเทียนมาที่ห้องวีไอพีที่จองไว้ล่วงหน้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงทำหน้าที่ล่ามอยู่ ทุกอย่างดูราบรื่น
ฟางหรงเทียนดื่มเหล้าไปค่อนข้างเยอะ อันโหรวเห็นว่าเขาต้องการพักผ่อนจึงไปเปิดห้องให้เขา พยุงเขากลับไป ก่อนจะไปเขาได้มอบเอกสารให้กับเธอ สั่งให้เธอเอาไปที่บริษัทด้วย
หลังจากอันโหรวและฟางหรงเทียนจากไปแล้ว การลาตัวแทนจากเยอรมันก็ตกมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่เธอต้องรับผิดชอบ
ตัวแทนเยอรมันทั้งสองนิสัยใช้ได้ ก่อนจะไป ผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ Rolf ขอใบเสนอราคาแบบ Final จากบริษัทกับไป๋เสว่เอ๋อร์ “วันนี้ผมรู้สึกดี พวกผมจะกลับไปบอกบริษัทเกี่ยวกับความต้องการของพวกคุณ แต่พวกผมอาจจะต้องของดูใบเสนอราคาของผลิตภัณฑ์ฝ่ายคุณ พวกผมถึงจะสามารถให้ราคาพิเศษเท่าที่ทำได้ครับ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามจะให้ราคาพิเศษ แอบตื่นเต้นเบา ๆ พลิกไปมากลับเห็นใบเสนอราคาจริง ๆ ชุดหนึ่งมีสามแบบ มีทั้งแบบจีน เยอรมัน อังกฤษ คงจะเป็นเอกสารที่อันโหรวเตรียมไว้ให้ตัวแทนเยอรมันดู ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ได้คิดอะไรมาก ยื่นเอกสารภาษาเยอรมันไป
Rolf รับเอกสารไว้ แสดงความขอบคุณ โน้มตัวไปโอบไป๋เสว่เอ๋อร์ ยังหอมแก้มบนหน้าเธอเบา ๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่ทันได้ปฏิเสธ ตอบรับด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นเผยลี่เชินสีเคร่งขรึมยืนมองพวกเขาอยู่หน้าประตูโรงแรมที่อยู่ไม่ไกล