สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 394
ตอนที่ 394 ผู้ต้องสงสัย
เมื่อเย่ชิวหรงเห็นเธอเข้า สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก จากนั้น เย่ชิวหรงก็รีบยิ้มให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ทันที “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกคลางแคลงใจขึ้นมาเล็กน้อย สายตาของเธอมองดูเย่ชิวหรงตั้งแต่หัวจรดเท้า “ฉัน…มาดูว่ายาต้มร้อนต้มเสร็จแล้วหรือยังน่ะค่ะ”
เย่ชิวหรงยิ้มอย่างแห้งๆ พร้อมกับพูดออกไปว่า “อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ ตรงนี้กลิ่นยามันแรงมาก กลิ่นอาจจะติดตัวคุณไปก็ได้นะคะ!”
“ตกลงค่ะ……” ถึงแม้ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะรู้สึกคลางแคลงอยู่ในหัวใจ แต่ในเมื่อเย่ชิวหรงพูดออกมาแบบนี้แล้ว เธอก็ได้แต่หันหลังและเดินจากไป
แต่ทว่าเธอกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ดูไม่ถูกต้อง และความรู้สึกนั้นก็ยังคงติดแน่นอยู่ภายในใจของเธอ
หลังจากที่กลับมาถึงห้องนั่งเล่นได้ไม่นาน เย่ชิวหรงก็เดินถือถ้วยยาต้มร้อนควันฉุยออกมาจากห้องครัว เธอนำถ้วยยาต้มร้อนส่งให้กับคุณพ่อเผย พร้อมกับกระซิบเตือนเขาว่า “ดื่มตอนที่ยังร้อนนะคะ”
คุณพ่อเผยพยักหน้า และเอื้อมมือที่สั่นเทิ้มเล็กน้อยไปรับถ้วยยานั้นไว้
ในอดีตคุณพ่อเผยนั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงดี แต่มาตอนนี้สภาพร่างกายของเขาก็ไม่อาจที่จะทัดทานความเสื่อมที่เป็นไปตามกาลเวลาได้ เมื่อได้เห็นภาพเหล่านี้แล้ว หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกขมขื่นและแตกสลายในทันที
และในตอนนั้นเอง เผยลี่เชินก็เดินมาพอดี เมื่อเห็นคุณพ่อเผยกำลังดื่มยาต้มร้อนอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
หลังจากรอให้คุณพ่อเผยดื่มยาต้มร้อนจนหมด เผยลี่เชินก็เดินไปหาเขา พร้อมกับพูดออกมาว่า “พ่อครับ ในเมื่อพ่อดื่มยาหมดแล้ว พ่อก็รีบไปพักผ่อนดีกว่านะครับ ผมกับไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องไปแล้วล่ะครับ”
คุณพ่อเผยพยักหน้า และหันหน้าไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หนูไป๋ ไว้ถ้ามีเวลาว่างก็มาหาลุงบ่อยๆ นะ สุขภาพของลุงในตอนนี้ก็……”
เสียงของคุณพ่อเผยลากยาวต่อไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะ ก่อนที่จะหยุดและไม่พูดอะไรออกมาอีก
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสั่นเทิ้ม เธอรีบพยักหน้าตอบรับคุณพ่อเผย พร้อมกับรับปากทันทีว่า “อย่ากังวลไปเลยค่ะ คุณลุง ร่างกายของคุณลุงจะต้องค่อยๆ กลับมาแข็งแรงแน่นอนค่ะ อย่ากังวลไปเลยนะคะ”
หลังจากที่บอกลากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินก็เดินออกจากคฤหาสน์ พร้อมกับไปขึ้นรถทันที
ระหว่างทางกลับบ้านนั้น ทั้งสองคนนั่งนิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรสักนิดเดียว ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ กำหมัดแน่นอย่างช้าๆ เธอสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นก็หันศีรษะไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง พร้อมกับเอ่ยปากถามออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “คุณลุงเป็นแบบนี้มานานเท่าไรแล้วค่ะ”
เผยลี่เชินตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ครึ่งปีกว่าแล้วล่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์แนะนำออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า “ฉันคิดว่าคุณน่าจะพาหมอคนอื่นมาตรวจดูอาการของท่านนะคะ ลองเปลี่ยนจากยาจีนที่ใช้รักษาอยู่ตอนนี้ เป็นยาตัวใหม่น่าจะดีกว่านะคะ”
“อืม ผมติดต่อไปแล้วล่ะ”
หลังจากการถามคำตอบคำระหว่างทั้งสองคนสิ้นสุดลง ทั้งคู่ก็นิ่งเงียบและไม่พูดอะไรอีก ทำให้บรรยากาศภายในรถยนต์นั้นกลับมาเยือกเย็นอีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงขณะหนึ่งนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เมื่อเธอได้มาอยู่ข้างกายเผยลี่เชินแล้ว เธอสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกยากลำบากของเขา ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่กล้าที่จะปฏิเสธเขาได้อย่างเต็มปาก และไม่กล้าที่จะทำร้ายเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเผยลี่เชินก็สั่นขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นมาและกดรับสาย “มีอะไร”
ไม่รู้ว่าที่ปลายสายฝั่งนั้นพูดตอบกลับมาว่าอย่างไร แต่ชายหนุ่มกลับชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับพูดตอบกลับไปอย่างเบาๆ ว่า “อืม เดี๋ยววันนี้ตอนเย็นผมจะส่งแผนงานฉบับล่าสุดไปให้คุณ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว คุณก็ค่อยส่งอีเมลไปหาซีอีโอชาวอเมริกันคนนั้นด้วยก็แล้วกัน”
หลังจากที่อธิบายอย่างง่ายดายเสร็จเรียบร้อย เขาก็วางสายโทรศัพท์ทันที และสั่งคนขับรถด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เจิงหง เดี๋ยวช่วยจอดรถที่ริมถนนตรงนี้ที แล้วคุณก็ไปส่งเธอกลับบ้านก่อนก็แล้วกัน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะโพล่งถามออกไปในทันทีว่า “แล้วคุณล่ะคะ”
ทันทีที่เธอพูดเสร็จนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ทว่าในเมื่อเธอได้พูดออกไปแล้ว มันก็สายเกินกว่าที่จะถอนกลับคืน เธอจึงรีบมองไปที่ชายหนุ่ม และสบเข้ากับสายตาอันลึกซึ้งของเขาเข้าอย่างพอดี
เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมจะกลับเอาเอกสารบางอย่างที่บริษัทก่อน คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ”
ถ้าเกิดว่าให้เจิงหงไปส่งเธอกลับบ้านก่อน เขาก็ต้องเรียกรถอีกคันเพื่อไปส่งเขาที่บริษัทไม่ใช่เหรอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์แนะนำชายหนุ่มออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “ฉันจะไปกับคุณเองค่ะ พอเอาเอกสารเสร็จแล้ว เราก็ค่อยกลับบ้านด้วยกัน”
เมื่อได้เห็นแววตาของหญิงสาวที่กำลังเปล่งประกายอยู่ภายใต้รถยนต์ที่มืดสลัว หัวใจของเผยลี่เชินก็รู้สึกหวั่นไหว เขาค่อยๆ หันไปหาเจิงหง พร้อมกับเอ่ยปากบอกเขาว่า “กลับไปที่บริษัทแล้วกัน”
ระหว่างทาง ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมาว่า “ฉันอยากจะถามคุณเรื่องสิทธิในการถือหุ้นของบริษัทมานานแล้วล่ะค่ะ สรุปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
หลังจากที่ชะงักไปครู่หนึ่ง เผยลี่เชินก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก มีการประชุมแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นในต่างประเทศงานหนึ่ง ผมเดินทางไปร่วมงานเป็นเวลาประมาณ 10 วัน และในช่วงนั้นเองที่จู่ๆ คุณพ่อก็หกล้ม ทำให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาล ผมไม่สามารถกลับมาได้ในช่วงนั้น ทำให้เผยอี้กับเย่ชิวหรงต้องรับหน้าที่คอยดูแลคุณพ่อแทน ไม่กี่วันหลังจากที่ผมกลับมาถึงยังประเทศจีน คุณพ่อก็ตัดสินใจมอบกรรมสิทธิ์หุ้นครึ่งหนึ่งที่ถืออยู่ในมือให้กับเผยอี้ไปเสียแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
คุณพ่อเผยได้เผยอี้เข้ามาช่วยดูแลท่านในขณะที่ท่านกำลังบาดเจ็บ ซึ่งในตอนนั้นเองที่เผยลี่เชินกำลังอยู่ต่างประเทศและไม่สามารถกลับมายังประเทศจีนได้ทัน ทำให้คุณพ่อเผยได้เห็นถึงความกตัญญูของเผยอี้ที่มีมากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อกำลังอยู่ภายใต้อารมณ์ที่อ่อนไหวเช่นนั้น ทำให้เขาตัดสินใจนำหุ้นครึ่งหนึ่งที่ถืออยู่ในมือยกโอนให้กับเผยอี้ไป
แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ความแตกต่างระหว่างหุ้นที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของเผยลี่เชินและเผยอี้นั้นก็จะลดน้อยลงไปมาก และทำให้ความกดดันในการแข่งขันระหว่างทั้งสองคนเพิ่มมากขึ้นด้วย และในท้ายที่สุด หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดล้มเหลวเข้าล่ะก็ ก็จะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งขึ้นภายในครอบครัวอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นึกถึงคำพูดที่ป้าจางเคยพูดไว้ได้ในทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเจ็บปวดแทนเผยลี่เชินขึ้นมาเล็กน้อย
ในตอนแรกนั้น เธอคิดว่าเธอจะไม่ให้ความร่วมมือกับเผยลี่เชินเลยในตลอด 1 เดือนนี้ แต่เมื่อลองมาดูตอนนี้แล้ว ชีวิตของเขานั้นซับซ้อนและยุ่งยากมากเกินกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก เธอไม่ต้องการที่จะสร้างความกังวลเพิ่มให้กับเขาอีกต่อไป
รถยนต์เคลื่อนมาถึงยังจุดหมายปลายทาง ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นไปมองยังหน้าต่างอาคารสำนักงานขนาดยักษ์ของเผยซื่อ อารมณ์ความรู้สึกมากมายนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาภายในหัวใจของเธอ
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิรบที่ทั้งเธอและเผยลี่เชินร่วมมือกันต่อสู้และฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการมาด้วยกัน มันเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่ยังคงอยู่……
เผยลี่เชินเปิดประตูรถออกไป ทันใดนั้น เขาก็นึกบางอย่างได้ขึ้นมา เขาชะงักไปครู่หนึ่ง และหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับเอ่ยปากถามออกมาว่า “คุณอยากเดินเข้าไปกับผมไหม”
หลังจากที่ลังเลอยู่เล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พยักหน้า “ได้สิคะ”
เธอเองก็ไม่ได้เข้าไปที่บริษัทเผยซื่อมาตั้งนานแล้ว มันคงเป็นการดีที่จะใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปสำรวจที่นี่อีกครั้ง
หลังจากที่เธอผลักประตูและลงจากรถไปนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินตามหลังเผยลี่เชินไป ขณะที่เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวนั้น ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็มองอะไรไม่เห็นขึ้นมาในทันที ร่างกายของเธอนั้นถูกชายหนุ่มกอดเข้าให้อย่างจัง ขณะที่เธอกำลังจะอุทานออกมานั้น ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็กดไกล่ของเธอเอาไว้ กอดเธอ และพาเธอไปซ่อนเอาไว้ที่ด้านหลังของรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างๆ
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นว่าชายหนุ่มมีสีหน้าที่เย็นชาและกำลังมองไปที่ประตูทางเข้าของบริษัทเผยซื่อ เธอเองก็มองตามสายตาของเขาไปด้วยเช่นกัน และเธอก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังหนุงหนิงคลอเคลียกัน พร้อมกับพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานและเดินไปอีกทางหนึ่ง
เมื่อลองเพ่งมองดูให้ดีแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นอย่างชัดเจน และรู้จักเธอคนนั้นเป็นอย่างดี เพราะเธอคนนั้นคือสวี่เยว่หรู!
หกปีที่ไม่ได้เจอกัน สวี่เยว่หรูเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว รสนิยมในการแต่งตัวของเธอนั้นก็ดูดีหรูหรามากขึ้นเป็นกอง และสิ่งที่ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์แทบจะไม่เชื่อในสายตาตัวเองเลยก็คือ ผู้ชายที่เดินอยู่ข้างๆ สวี่เยว่หรูนั้นคือเสิ่นหรูเฟิง!
เมื่อเห็นพวกเดินขึ้นรถไปด้วยท่าทีที่ดูสนิทสนมใกล้ชิดแบบนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยังคงรู้สึกแปลกใจไม่หายทีเดียว
ทั้งสวี่เยว่หรูและเสิ่นหรูเฟิงนั้นต่างเป็นคนที่ดูไม่น่าจะมาพานพบประสบเจอกันได้เลย ทำไมจู่ๆ พวกเขาทั้งสองคนถึงได้มาสนิทสนมชิดเชื้อกันขนาดนี้ได้ล่ะ
ทันทีที่รถยนต์เคลื่อนออกไป เผยลี่เชินก็คลายมือที่จับเอวของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองหน้าเผยลี่เชินด้วยความประหลาดใจ “พวกเขา…….”
สีหน้าของชายหนุ่มนั้นแสดงให้เห็นถึงความสงบเยือกเย็นและการครุ่นคิดไตร่ตรอง หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมาอย่างสบายๆ ว่า “ก็เป็นแบบนี้มาสักพักแล้วล่ะ”
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
แววตาของเผยลี่เชินดูลึกล้ำขึ้นเล็กน้อย “ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ความลับทางธุรกิจของบริษัทบางอย่างรั่วออกไปข้างนอกอย่างน่าแปลกใจ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ก็มักจะหลุดออกไปบ่อยครั้งเช่นกัน ผมสงสัยว่าเป็นฝีมือของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท ผมก็เลยให้ฉีเฟิงไปช่วยตรวจสอบ และเปิดโปงโฉมหน้าหนอนบ่อนไส้คนนี้ที่คอยคาบข่าวไปบอกบริษัทอื่น แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมากนัก ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าผมจะได้ผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งเข้าเสียแล้ว”
“ผมสงสัยมาซักพักแล้วล่ะ แต่ยังไงก็ไม่รู้สึกสงสัยในตัวเธอเลย สงสัยว่าผมจะประมาทเธอเกินไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินเผยลี่เชินพูดแบบนี้ ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พอดี
เมื่อหกปีก่อน ตอนที่เธอยังคงทำงานที่ห้องทำงานของประธานบริษัทแห่งนี้ ก็มีอุบัติเหตุบางอย่างเกิดขึ้นหลายครั้ง รวมไปถึงหนังสือการวางแผนบางอย่างของบริษัทก็หลุดรั่วออกไป และไฟล์เอกสารก็ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดอีกด้วย ตอนนี้เมื่อลองมาพิจารณาดูให้รอบคอบแล้ว ถ้าเกิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นฝีมือของสวี่เยว่หรูที่แอบจัดการอย่างลับๆ แล้วล่ะก็ มันก็สมเหตุสมผลที่ในตอนนั้น เธอไม่สามารถหาตัวการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์พวกนี้เจอได้เลย
หรือเป็นไปได้ไหมว่า สวี่เยว่หรูได้คบหากับเสิ่นหรูเฟิงตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้ว