สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 400
ตอนที่ 400 ตามสวี่เยว่หรูไป
“แม่เข้าใจแล้ว เสว่เอ๋อร์ ลูกนี่เก่งจริงๆ!” ขณะที่คุณแม่ไป๋พูดอยู่นั้น ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงด้วย เสว่เอ๋อร์ แล้วลูกมาอยู่ที่ไห่เฉิงนี่ได้ยังไงกัน ลูกไม่ได้กลับไปที่เซียงหนานแล้วเหรอ”
เมื่อถูกคุณแม่ไปถามออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “หนูกับเสี่ยวเจ๋อกลับมาแล้วล่ะค่ะ คงจะอยู่ที่ไห่เฉิงอีกประมาณ 1 เดือนกว่าๆ มีเรื่องบางอย่างที่หนูต้องจัดการนิดหน่อยค่ะ”
คุณแม่ไป๋ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอถอนหายใจและพูดออกมาว่า “กลับมาก็ดีแล้วล่ะ ลูกกลับมาแบบนี้ เราจะได้เจอหน้ากันบ่อยมากขึ้นเหมือนเมื่อก่อนไง!”
หลังจากที่พูดคุยกับคุณแม่อย่างเรียบง่ายต่อไปครู่หนึ่ง ในที่สุด ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็วางสาย และเมื่อเธอหวนคิดถึงคำถามที่คุณแม่ไป๋ถามขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ
ถึงแม้ว่าเธอกับเผยลี่เชินจะกลับมาคบกันเพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่การที่จะเล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟัง ก็มีแต่จะทำให้เธอต้องรู้สึกเป็นกังวลเท่านั้น สู้เก็บเอาไว้และไม่บอกเธอในตอนนี้คงจะเป็นการดีมากกว่า
เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พาห้าวเจ๋อน้อยไปอาบน้ำ และเกลี้ยกล่อมพร้อมพลอกล่อให้เขารีบเข้านอน หลังจากนั้น เธอก็กลับไปยังห้องของตัวเอง และลงมือแปลงานที่อยู่ในความรับผิดชอบต่อให้เสร็จ
หลังจากผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง เผยลี่เชินก็กลับมาถึงยังคฤหาสน์ เขาถอดเสื้อนอกออก และเดินไปหยุดที่หน้าประตูห้องของไป๋เสว่เอ๋อร์โดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นว่าภายในห้องยังมีแสงเล็ดลอดออกมา เขาก็เงื้อมือขึ้นมาและเคาะประตูห้อง
เมื่อไม่มีใครตอบรับ เผยลี่เชินก็จับลูกบิดประตูและผลักประตูเข้าไปข้างใน เขาเห็นว่าหญิงสาวยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่ทว่าเธอกลับผล็อยหลับไปเสียแล้ว
เขารีบก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนโต๊ะนั้นยังคงสว่างเปิดอยู่
เขาก็เลิกคิ้วขึ้นทันที
จากนั้น เขาก็อุ้มเธอและพาเธอไปนอนที่เตียงอย่างระมัดระวัง พร้อมกับห่มผ้าห่มให้เธอเรียบร้อย เผยลี่เชินยกมื้อขึ้นมาสัมผัสบริเวณแก้มของหญิงสาวอย่างเบามือ และยิ้มขึ้นที่มุมปากโดยไม่รู้ตัว
ตลอด 1 เดือนนี้ เขาจะต้องหาวิธีและพยายามให้มากที่สุดที่จะไม่ให้เธอและห้าวเจ๋อน้อยไปจากเขาได้! เธอคือคนที่เขามั่นใจ และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน!
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นนอน เธอก็ลงไปที่ห้องนั่งเล่นแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเผยลี่เชิน เธอจึงเดินไปที่ห้องครัว และทันทีที่เธอเห็นป้าจางกำลังเตรียมอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารอยู่ เธอก็กระซิบถามป้าจางออกไปว่า “ป้าจางคะ เผยลี่เชินไปทำงานแล้วเหรอคะ”
“วันนี้คุณผู้ชายต้องไปทำงานข้างนอกค่ะ ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว” ป้าจางนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็พูดต่อไปว่า “จริงด้วย คุณผู้ชายกำชับให้ป้าเตือนคุณหนูว่า วันนี้ให้คุณหนูไปที่บริษัทแล้วถามหาผู้ช่วยฝึกหัดจาง และนำเอกสารจำนวนหนึ่งที่จำเป็นต้องแปลกลับมาด้วยค่ะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็เข้าใจขึ้นมาในทันที เธอพยักหน้าตอบรับ จากนั้น เธอก็เดินออกจากห้องครัวไป เมื่อเธอหันไปเห็นห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ภายในหัวใจของเธอก็กลับรู้สึกไม่คุ้นชินขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อก่อนทันทีที่ตื่นนอน เธอจะเห็นเขาในตอนเช้าของทุกๆ วันเสมอ แต่พอมาวันนี้เมื่อเธอไม่เห็นเขา เธอก็กลับรู้สึกเหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ และกำชับเสี่ยวเจ๋อสักเล็กน้อยเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบเดินทางออกจากคฤหาสน์ในทันที
เอกสารที่เผยลี่เชินมอบหมายให้เธอไปนำกลับมาจากบริษัทนั้น แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นภาระงานที่เธอจำต้องทำมันให้เสร็จเรียบร้อย ตลอด 1 เดือนนี้ ถ้าจะไม่ยอมให้เธอทำอะไรสักนิดเลยล่ะก็ มันคงจะน่าเบื่อน่าดู
เมื่อมาถึงยังอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ของเผยซื่อ ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ถึงแม้ว่าคราวก่อนเธอจะมาที่นี่กับเผยลี่เชินแล้ว แต่ตอนนั้นที่มาก็เป็นตอนค่ำ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไรนัก แต่วันนี้เธอกลับมาที่นี่ตอนเวลาเข้างาน เกรงว่าเธอคงจะต้องเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตาที่เคยคุ้นเคยจำนวนไม่น้อยแน่นอน
หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอก็ก้าวเท้าและเดินตรงไปยังห้องโถงในทันที ขณะที่เธอกำลังมองไปที่ทางเดินตรงไปยังบริเวณหน้าลิฟต์นั้น จู่ๆ เธอก็หยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเสื้อในทันที
บัตรขนาดเล็กสีน้ำเงินยังคงแขวนอยู่บนกุญแจนั้นเหมือนดังเช่นเดิม ตลอด 6 ปีที่ผ่านมานี้ เธอพกบัตรผ่านเข้าออกที่แสนเล็กจิ๋วใบนี้ไว้ข้างกายและติดตัวอยู่เสมอ ราวกับว่ามันคือเครื่องประดับที่เธอจำเป็นต้องสวมใส่ก็ไม่ปาน
เธอไม่รู้ว่าหมายเลขพนักงานของเธอจะถูกลบออกไปจากระบบการบันทึกเข้าออกแล้วหรือยัง ถ้าเกิดว่าถูกลบออกไปแล้ว บัตรผ่านเข้าออกที่อยู่ในมือของเธอตอนนี้ก็คงจะใช้การไม่ได้ และหมดประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ทันใดนั้น มือที่ถือพวงกุญแจเอาไว้ก็กำแน่นขึ้นเล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์รวบรวมความกล้าและเดินเข้าไปลองดู ในที่สุด เธอวางบัตรผ่านเข้าออกนั้นลงไปที่ด้านหน้าเซ็นเซอร์ด้วยความกล้า เมื่อเสียง “ติ๊ด…….” ดังขึ้น ประตูที่กั้นอยู่ข้างหน้าเธอก็เปิดออกในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอรีบเดินเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอก้มลงมองดูบัตรใบจิ๋วที่ถืออยู่ในมือของเธอ เธอก็รู้สึกใจหายเล็กน้อยไปครู่หนึ่ง
แม้จะผ่านไปเป็นเวลา 6 ปีเต็ม แต่บัตรผ่านเข้าออกของเธอก็ยังคงใช้การได้อย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าเผยลี่เชินยังคงเก็บหมายเลขพนักงานและประวัติการทำงานของเธอไว้เสมอ…….
ภายในหัวใจของเธอนั้นก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จากนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบเร่งฝีเท้าของเธอ และก้าวเข้าไปในลิฟต์ทันที
เมื่อถึงยังห้องทำงานของประธานบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองไปตามทางเดินและห้องทำงานที่มีการตกแต่งและปรับเปลี่ยนใหม่เล็กน้อย ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหนอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าเกิดเธอเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ ผู้ช่วยฝึกหัดจางที่เผยลี่เชินพูดถึงนั้นคงจะเป็นเสี่ยวจางอย่างแน่นอน
หลังจากถามทางอยู่สักพัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หาห้องทำงานของเสี่ยวจางเจอในที่สุด เวลาหกปีผ่านไป เสี่ยวจางในตอนนี้ไม่ใช่สาวน้อยที่มาขอฝึกงานคนนั้นเหมือนเมื่อ 6 ปีก่อนอีกต่อไปแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่บริเวณหน้าประตู พร้อมกับมองดูเสี่ยวจางที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ ครู่หนึ่งนั้น เธอก็หวนย้อนนึกไปถึงตัวเองเมื่อหกปีที่แล้วโดยไม่รู้ตัว…
ช่วงเวลาหกปีนี้ จะบอกว่านานก็นาน จะบอกว่าสั้นก็สั้น แต่มันก็นานพอที่จะเปลี่ยนให้คนคนหนึ่งกลายเป็นอีกคนคนหนึ่ง
เสี่ยวจางเงยหน้าขึ้นมาอย่างบังเอิญ และเมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตั้งสติได้ในไม่กี่วินาทีต่อมา และรีบลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ “พี่เสว่เอ๋อร์ ใช่พี่หรือเปล่าคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าและยิ้มให้กับเธอ “ใช่แล้วจ้ะ”
เสี่ยวจางทั้งตกใจทั้งมีความสุข เธอรีบเดินไปหาด้วยความตื่นเต้นในทันที
เมื่อเพื่อนเก่าได้มาพบหน้ากัน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหวนย้อนรำลึกถึงความหลังกันเสียหน่อย ไป๋เสว่เอ๋อร์เองก็ไม่ได้ขัดจังหวะอะไร เธอรอให้เสี่ยวจางนิ่งลงก่อนสักพักถึงจะค่อยพูดถึงเรื่องงานขึ้นมา “เสี่ยวจางจ๊ะ พี่มาหาหนูเพื่อจะมาเอาเอกสารจำนวนหนึ่งที่ต้องแปลกลับไปน่ะ ประธานเผยบอกให้พี่มาเอาเอกสารนั้นกับหนูที่นี่น่ะ”
“ใช่ค่ะ อยู่ที่หนูเอง เดี๋ยวหนูเอาให้ค่ะ!”
เสี่ยวจางรีบหันหลังไป และหยิบเอกสารจำนวนหนึ่งจากตู้เก็บเอกสารด้านข้างออกมา พร้อมกับส่งให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอยิ้มและเอ่ยปากพูดออกไปว่า “ประธานเผยบอกหนูว่าจะมีคนมารับเอกสารตัวนี้ไป แต่หนูนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพี่ พี่เสว่เอ๋อร์ พวกเรานานๆ เจอกันที วันนี้ไปกินข้าวและรำลึกความหลังด้วยกันหน่อยดีไหมคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้กับหญิงสาว “วันอื่นแล้วกันนะ วันนี้พี่ยังมีธุระต้องทำน่ะ”
“ได้เลยค่ะ ไว้พวกเราว่างเมื่อไร ค่อยไปกินข้าวด้วยกันนะคะ พี่เสว่เอ๋อร์ เดี๋ยวหนูไปส่งพี่เอง!”
ขณะที่เสี่ยวจางพูดอยู่นั้น เธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าและคล้องแขนของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองคนคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับเดินออกไปจากสำนักงาน
เมื่อเดินออกไปได้ไม่นาน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องทำงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก เธอคนนั้นรีบสาวเท้าและเดินไปที่ลิฟต์อย่างรวดเร็ว
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เพ่งมองดูให้ชัดๆ อีกครั้ง เธอก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นคือสวี่เยว่หรู!
ครั้งก่อนที่เธอเจอสวี่เยว่หรูนั้น ก็คือตอนที่เธอมาเอาเอกสารที่บริษัทกับเผยลี่เชินในตอนเย็นวันนั้น และในตอนนั้น เธอก็กำลังอยู่กับเสิ่นหรูเฟิงพอดีด้วย……
เมื่อเห็นว่าสวี่เยว่หรูกำลังสะพายกระเป๋าอยู่ และดูรีบร้อนเดินออกไปจากบริษัทมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบมองไปที่เสี่ยวจางที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับกระซิบถามเธอออกไปว่า “เสี่ยวจาง ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นใช่สวี่เยว่หรูเหรือเปล่า”
เมื่อเสี่ยวจางเห็นผู้หญิงคนนั้นเข้า เธอก็พยักหน้า จากนั้น เธอก็พูดพึมพำขึ้นมากับตัวเองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ตอนนี้ยังเป็นเวลาทำงานอยู่เลย แล้วพี่เยว่หรูจะไปไหนของเขากันนะ หนูจำได้ว่าวันนี้พี่เขาไม่ได้ขอลางานนี่นา……”
เมื่อได้ยินเสี่ยวจางพูดขึ้นมาแบบนี้เข้า ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ภายในสมองของเธอก็นึกไปถึงภาพเมื่อตอนค่ำของวันนั้นเข้า ทำให้ภายในจิตใจของเธอนั้นรู้สึกว้าวุ่นขึ้นมาไม่น้อยทีเดียว
เธอหยุดยืนอยู่กับที่ และหันไปมองเสี่ยวจาง “เสี่ยวจาง หนูกลับไปทำงานเถอะจ้ะ อย่าปล่อยให้สำนักงานไม่มีคนอยู่ แล้วทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงานขึ้นเลย งานน่ะสำคัญมากนะ”
เสี่ยวจางพยักหน้าด้วยความรู้สึกลังเลเล็กน้อย “ค่ะ พี่เสว่เอ๋อร์ ถ้าอย่างนั้นหนูคงไม่ไปส่งพี่แล้วนะคะ ไว้พวกเราค่อยนัดกันอีกทีก็แล้วกันค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า และยิ้มให้กับหญิงสาว เมื่อเห็นว่าเสี่ยวจางเดินจากไปแล้ว ทีนี้ เธอก็หันกลับมาและรีบเดินเข้าลิฟต์ไปอย่างรวดเร็วในทันที
คราวก่อนนั้น ทั้งเธอและเผยลี่เชินต่างก็รู้สึกสงสัยในตัวของสวี่เยว่หรู แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่สามารถเอามาใช้ปรักปรำเธอได้เลยสักนิดเดียว แต่ในวันนี้เมื่อได้เห็นสวี่เยว่หรูรีบเดินออกไปจากบริษัทแบบนี้เข้า บางทีเธออาจจะมีธุระบางอย่างที่ต้องไปจัดการก็ได้
ขอแค่เธอตามสวี่เยว่หรูไป และหาให้ได้ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหนและกำลังจะไปทำอะไรแค่นี้ บางทีเธออาจจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างเข้าก็เป็นได้