สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 29 กลั่นแกล้ง
หลังจากตื่นนอนในวันต่อมา กู้เจียวนั่งพิงหัวเตียงเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่
คราวนี้เธอไม่ได้ตกตะลึงกับภาพในความฝันของตนเอง แต่ที่เหม่อลอยก็เพราะโชคชะตาของสามี
ทำไมถึงได้เป็นชายหนุ่มที่ดวงซวยขนาดนี้กันนะ
ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรขนาดนั้น
แถมผลร้ายของเหตุการณ์ครั้งนี้ยังทำให้ใบหน้าอันงดงามของเขาต้องเสียโฉมอีกต่างหาก แบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!
…
ขณะที่กู้เจียวและเซียวลิ่วหลังกำลังกินข้าวเช้า ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่ หญิงชรายังคงหลับใหลอยู่ในห้อง กู้เจียวส่งเซียวลิ่วหลังออกจากบ้านไปด้วยเสียงแผ่วเบา
“วันนี้หิมะจะตก ใส่เสื้อหลายตัวหน่อย” กู้เจียวหยิบเสื้อคลุมตัวนอกให้เขา
เซียวลิ่วหลังมองดูหมู่ดาวบนฟากฟ้า ไม่มีวี่แววว่าหิมะจะตกได้เลย แต่ก็ยังคงรับเสื้อคลุมจากนางมา “ขอบใจนัก”
กู้เจียวไปส่งเขาถึงหน้าหมู่บ้านเหมือนดั่งเคย
เซียวลิ่วหลังขึ้นนั่งบนเกวียน กู้เจียวยืนคอยเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้าง จนกระทั่งกู้เสี่ยวซุ่นหอบถุงตำราวิ่งมาเข้ามาอย่างสะลึมสะลืม นางถึงได้หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
กู้เจียวรู้ว่าวันนี้ตอนบ่ายเซียวลิ่วหลังจะไปที่หอสมุด และรู้ว่าเขาจะถูกใส่ร้าย แต่นางไม่ได้เตือนเขาแต่อย่างใด
นางจำรายละเอียดที่เซียวลิ่วหลังใช้ไขคดีได้อย่างชัดเจน เพราะอย่างนั้นนางถึงได้รู้ว่าหัวขโมยนำของกลางไปซ่อนไว้ที่ไหน
…
“ข้าอุ่นอาหารไว้ให้บนเตาแล้ว หากหิวก็กินเองได้เลย แล้วก็ยา ห้ามขาดแม้แต่มื้อเดียว หากท่านเททิ้งข้าก็รู้อยู่ดี” กู้เจียวบอกกับหญิงชราภายในห้องโถง
หญิงชราไม่ใช่คนแก่สติเลอะเลือนอย่างที่คิดไว้ เพราะอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้า อีกอย่างตอนนี้นางก็ไม่แพร่เชื้อแล้ว แต่ต้องกังวลว่าจะไปทำให้ใครเดือดร้อน ส่วนใครจะทำให้นางเดือดร้อนนั้น คงไม่มีหรอก
หญิงชราเบ้ปากส่งเสียงฮึดฮัด
กู้เจียวสะพายตะกร้าเดินออกไป ระหว่างทางนางเดินผ่านหน้าเรือนตะกลูกู้ก็บังเอิญพบกับกู้เย่ว์เอ๋อที่กำลังออกมาเทน้ำล้างหน้า
“อรุณสวัสดิ์น้องเย่ว์เอ๋อ” นางเอ่ยทักทาย
กู้เย่ว์เอ๋อซึบซับเรื่องราวมาจากท่านแม่ของตนและครอบครัวบ้านรอง ทำให้ไม่สนิทสนมกับ
กู้เจียวนัก พอเห็นกู้เจียวทักทายตนก่อน ก็ไม่เอ่ยคำใดก่อนจะเดินหน้าบูดบึ้งกลับเขาไปในเรือน
“เสียงใครพูดอะไร” แม่นางโจวที่อยู่ภายในเอ่ยถาม
“กู้เจียวน่ะเจ้าค่ะ” กู้เย่ว์เอ๋อเอ่ยเสียงแผ่วเบา
แม่นางโจวผลักประตูเปิดออก
กู้เจียวเอ่ยทักทายนาง “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านป้า”
“เอ่อ… อรุณ…อรุณสวัสดิ์” แม่นางโจวยกย่องตนเองว่าเป็นถึงมารดาของซิ่วไฉ กิริยาจึงสำรวมกว่าแม่นางหลิวนัก นางมองกู้เจียวที่แบกตะกร้า ก่อนจะยิ้มเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “เจียวเหนียง เจ้าจะไปไหนตั้งแต่เช้า”
กู้เจียวตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะไปเก็บของป่าบนเขา แล้วก็จะเอาไปขายในอำเภอ”
แม่นางโจวสายตาลอกแลกก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขายของป่าอย่างนั้นหรือ ข้าได้ยินมาว่าของป่ามีพิษ…”
“ข้ารู้ว่าสิ่งใดมีพิษหรือไม่มีพิษ สามีข้าสอนมา” หากพูดออกไปว่าตัวเองรู้ ใครจะเชื่อกัน
หลายวันก่อนแม่นางโจวยกพวกสามคนไปหาเรื่องนางถึงบ้าน ตอนนั้นนางเห็นของต่างๆ ในตะกร้าของกู้เจียวแล้ว มีทั้งเมล็ดทานตะวันและผลไม้แช่อิ่ม แถมยังมีน้ำตาลแดงกับถั่วลิสงอีก นั่นมันคิดเป็นเงินตั้งเท่าไหร่ ดูท่าแล้วนางบ้านี่คงขายของป่าได้เงินเยอะไม่เลวนี่
แววตาของแม่นางโจวเป็นประกายขึ้นมา ก่อนเอ่ยพลางหัวเราะ “กู้เจียว พาป้าไปด้วยได้หรือไม่ เจ้าไปคนเดียวคงเก็บได้ไม่เยอะใช่หรือไม่ ป้าจะช่วยเจ้าเก็บเอง!”
“ได้สิเจ้าคะ” กู้เจียวตอบอย่างดีใจ
แม่นางโจวแอบยิ้ม คนบ้าก็คือคนบ้า แสร้งทำเป็นเอาอกเอาใจนิดหน่อยก็ได้ผลแล้ว รอให้ตนรู้จักของป่าทั้งหมดก่อนเถอะ จะไม่เหลืออะไรให้นางเก็บเชียวละ
เรื่องดีๆ แบบนี้แม่นางโจวไม่มีทางบอกให้แม่นางหลิวรู้แน่นอน ทว่าแม่นางหลิวได้ยินเข้าเองเสียแล้ว จึงรีบคว้าตะกร้าเดินออกมาในทันใด “ป้ารองไปด้วยคนสิ!”
“เจ้าค่ะ” กู้เจียวยิ้ม
กู้เจียวและป้าสะใภ้ทั้งสองขึ้นเขาไปเก็บเห็ด
ความจริงแล้วตั้งใจว่าจะหลอกให้พวกนางเก็บเห็ดหูหนูและเห็ดพิษไปขาย แต่หากทำเช่นนั้น คงเป็นการทำร้ายคนบริสุทธิ์ นางเองก็ไม่ได้ไร้คุณธรรมถึงขนาดนั้น
นางพาทั้งสองคนไปเก็บเห็ดฤดูหนาวที่พบเห็นได้ทั่วไป จนกระทั่งตะกร้าบนหลังและตะกร้าหิ้วเต็มแล้วถึงจะลงเขากันอย่างอิ่มเอมใจ
“ของพวกนี้ขายได้เงินจริงหรือ” แม่นางโจวเคลือบแคลงใจ
“ท่านป้าใหญ่ตามข้าไปดูก็รู้แล้ว ขายดีเชียวล่ะ” กู้เจียวเอ่ย
แม่นางโจวอยากจะไปคนเดียว แบบนี้แล้วจะขายราคาเท่าไหร่นางเป็นผู้กำหนด ไม่ต้องส่งเงินเขากองกลางของตระกูล โชคร้ายที่แม่นางหลิวก็มีความคิดเช่นเดียวกัน สุดท้ายทั้งสองจึงตามกู้เจียวไปยังตลาด
“เจียวเหนียง นี่ไม่ใช่ทางไปตลาดนี่” ระหว่างทาง แม่นางหลิวถามกู้เจียวอย่างสงสัย
กู้เจียวตอบ “ตลาดเช้าใกล้จะวายแล้ว พวกเราไปตลาดฝั่งตะวันออกกันเจ้าค่ะ ที่นั่นขายได้ราคาสูงกว่า”
พอได้ยินว่าขายได้ราคาแพงกว่า ทั้งสองก็ไม่เอ่ยคำใดอีก
ยามเดินผ่านตรอกแห่งหนึ่ง จู่ๆ กู้เจียวก็โพล่งขึ้นมา “ข้าขอไปถ่ายเบาสักครู่ ท่านป้าทั้งสองรอข้าประเดี๋ยว”
“ไปเถิด ไปเถิด” แม่นางโจวกล่าว
แม่นางหลิวเบ้ปากบ่นพึมพำ “คนเกียจคร้านก็ถ่ายบ่อยเช่นนี้แล!”
กู้เจียวลัดเลาะไปตามตรอก เดินไปถึงประตูหลังของหุยชุนถังก่อนจะเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไป
หนึ่งเค่อผ่านไป กู้เจียวถึงได้กลับมา
เหตุใดถึงได้นานนัก
กู้เจียวยิ้มบาง “ข้าท้องเสียน่ะ”
แม่นางโจวรีบเอ่ยในทันใด “เอาละ เจียวเหนียง ตลาดอยู่ที่ใดกัน พวกเรารีบเอาขายป่าไปขายกันเถิด ประเดี๋ยวจะไม่สดเอา!”
“เจ้าค่ะ” กู้เจียวยิ้มพลางพยักหน้า
กู้เจียวพาทั้งสองเดินมุ่งหน้าไป
ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็พรวดพราดออกมาจากตรอกที่อยู่ด้านข้าง กู้เจียวไม่หลบเลี่ยงจนทำให้ชนกับคนผู้นั้นเข้าอย่างจัง
กู้เจียวชักเคียวออกมา “เจ้ากล้าชนข้าหรือ”
คนผู้นั้นมึนงงไปหมด แม่นาง เราสองคนใครชนใครกันแน่
ชายหนุ่มถูกชนจนล้มลงไปกับพื้น ทั้งสองตะลุมบอนกัน กู้เจียวไม่สนใจ นางง้างเคียวขึ้นพลางฟาดฟันไปยังคนผู้นั้น ห่อผ้าของเขาถูกกู้เจียวฟันจนขาด ทว่ายังไม่ทันได้เก็บ ก็ถูกกู้เจียววิ่งถือมีดไล่ไปไกลกว่าร้อยเมตร
แม่นางโจวและแม่นางหลิวคันไม้คันมือเปิดผ้านั้นออก ก่อนจะเห็นเงินมากมายภายใน
ความโลภก่อตัวขึ้นมาในจิตใจของทั้งสองในทันใด
พวกนางไม่ได้ขโมยและไม่ได้จี้ปล้นเงินนั้นมา แต่พวกนางเก็บได้กลางถนนต่างหาก
เก็บได้ก็เท่ากับเป็นของพวกนาง!
ทั้งสองเห็นพ้องต้องกันโดยมีได้นัดหมาย ก่อนจะตัดสินใจเก็บเงินนั้นไป ไม่เหลือไว้ในนางบ้านั่นหรอก!
…
ทางฟากสำนักบัณฑิต เซียวลิ่วหลังกินข้าวเสร็จก็นำหนังสือที่คัดเสร็จแล้วไปยังหอสมุด
อำเภอชิงเฉวียนมีหอสมุดมากมาย แต่หอสมุดใหญ่มีเพียงแห่งเดียว แม้แต่ยามเที่ยง กิจการก็ยังคงคึกคักไม่เบา
หนังสือที่เซียวลิ่วหลังเป็นผู้คัดนั้นขายดีมาก คนในหอสมุดต่างรู้จักเขา
เด็กต้อนรับคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับอย่างนอบน้อม “ท่านผู้ดูแลไม่อยู่ เชิญท่านขึ้นไปรอบนห้องบัญชีชั้นสองสักครู่”
เซียวลิ่วหลังเพิ่งเดินเข้าประตูไป ทันใดนั้นคนงานคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก็เอ่ยเรียกเขา
“ท่านชายเซียวใช่หรือไม่”
เซียวลิ่วหันหลังกลับไป
“ท่านชายเซียวจำข้าน้อยได้หรือไม่” คนงานยิ้มถาม
“จำได้สิ” เซียวลิ่วหลังพยักหน้า “เจ้ามาจากหุยชุนถังนี่ มีเรื่องอันใดหรือ”
คนงานเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม “เรื่องเป็นเช่นนี้ขอรับ ยาคราวก่อนที่จัดให้ท่านผิดตำรับไปหลายแขนง ผู้ดูแลหวังจึงให้ข้ามาตามหาท่านชายเซียว ไม่ทราบว่าท่านชายเซียวว่างหรือไม่ ขอเชิญท่านตามข้ากลับไปที่หุยชุนถังด้วย จะได้ให้…หมอดูอาการอีกครั้งด้วย”
โดยปกติแล้ว หากจัดยาผิดก็แค่จัดยาใหม่มาส่งให้ก็พอ แต่หุยชุนถังเสนอให้หมอรักษาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ฟังดูแล้วคงจะอยากแสดงความขอโทษกระมัง
ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่
เซียวลิ่วหลังออกไปพร้อมกับคนงานของหุยชุนถัง กู้ต้าซุ่นที่อยู่หลังชั้นหนังสือเก็บสายตาเกลียดชังนั้นไว้
เซียวลิ่วหลังกลับไปรับยาที่หุยชุนถังพร้อมทั้งตรวจอาการขา คนงานส่งเขากลับมาถึงสำนักบัณฑิต ขณะที่ทั้งสองลงจากม้า ก็ได้ยินเหล่าบัณฑิตซุบซิบนินทากันอยู่ที่นอกสำนัก
“ได้ข่าวหรือไม่ ที่หอสมุดเกิดเหตุขโมยขึ้นน่ะ หัวขโมยคือนักเรียนใหม่ห้องหนึ่งเทียนจื้อของสำนักเรา”
“นักเรียนใหม่ห้องหนึ่งเทียนจื้ออย่างนั้นหรือ ชื่ออะไรเล่า”
“กู้ต้าซุ่น!”