สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 3 กล่องยา
กล่องยานี้ไม่ใหญ่นัก ดูเผินๆ แล้วทั้งเก่าและเยินอยู่ไม่น้อย ราวกับไปกระแทกตกจากที่ไหนมาอย่างแรง
บุบเบี้ยวบู้บี้ สีหลุดลอกไปแล้ว คนไม่รู้จะคิดว่าไปเก็บมาจากกองขยะที่ไหน
แต่ทว่า กล่องยาเก่าๆ เยินๆ ใบนี้กลับทำให้ใจกู้เจียวเกิดความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นเสียเหลือเกิน
กู้เจียวเปิดกล่องนั้นอย่างมึนงง เมื่อเห็นหยูกยาด้านใน สมองเธอก็ขาดผึง
ไม่ใช่หรอกมั้ง
กล่องยาของเธอ!
มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
“ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
กู้เจียวหยิกตัวรอบหนึ่ง เจ็บจริงๆ! ไม่ได้ฝันอยู่!
กล่องนี้ก็ของจริง หยูกยาข้างในก็ของแท้แน่นอน!
กู้เจียวนึกขึ้นได้แล้ว ตอนเกิดเรื่องในเครื่องบิน กล่องยาใบน้อยๆ นี่ก็อยู่ข้างตัวเธอด้วย หรือว่าเพราะเหตุนี้มันจึงได้มาที่นี่ด้วย
แต่ว่า…ทำไมมันถึงได้เยินขนาดนี้ละ สีทองวิบวับสะท้อนแสงจนตาบอดหายไปไหนแล้วล่ะ
เมื่อก่อนตอนที่กล่องยาใบน้อยใบนี้ๆ นี่ยังมีสีทองวิบวับเป็นประกายอยู่ กู้เจียวก็ไม่ชอบเพราะมันไม่สวย
ตอนนี้กลายสภาพยับเยินไปแล้ว กู้เจียวยิ่งรู้สึกว่ามันไม่สวยเข้าไปใหญ่
แต่ทว่า ความรู้สึกเคยคุ้นพรั่งพรูขึ้นมาในใจอย่างห้ามไม่อยู่ กู้เจียวกอดกล่องยานั้นไว้ในอ้อมอกอย่างอดไม่ได้ “พี่จะไม่รังเกียจที่แกไม่สวยอีกแล้ว ต่อไปพี่จะดีกับแกให้มากๆ!”
กู้เจียวเช็ดถูกล่องยาใบน้อยอย่างดีรอบหนึ่ง ดีที่มันแค่เยินเพียงด้านนอก ของด้านในยังปลอดภัยไร้รอย
ขีดชีดข่วน
กู้เจียวหยิบเอาผ้าพันแผลหลายผืนและเบตาดีนขวดหนึ่งออกมาจากกล่องยา ฆ่าเชื้อให้บาดแผลแล้วเลือกครีมต้านเชื้อแบคทีเรียมาทาให้ตัวเอง จากนั้นก็กินยาแก้อักเสบไปสองเม็ด เดิมทีคิดว่าจะต้องพันแผล
แต่ต่อมาพบว่าก็ไม่จำเป็นหรอก
จัดการกับแผลเสร็จเรียบร้อย กู้เจียวก็หิวขึ้นมา เธอเก็บกล่องยาไว้ในตู้ กำลังจะไปหาของกินในครัว
แต่ก่อนหน้านั้น เธอต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสะอาดสะอ้านก่อน
กู้เจียวลังเลครู่หนึ่ง เดินผ่านโถงมา เคาะประตูห้องของเซียวลิ่วหลัง
“มีอะไร”
เสียงเย็นชาของเซียวลิ่วหลังลอยมาจากในห้อง
กู้เจียวเอ่ย “ข้าอยากจะมาขอยืมเสื้อผ้าเจ้าหน่อย ชุดคลุมตัวนอกในตู้ไม่ได้ซักทั้งนั้นเลย ข้าไม่มีชุดเปลี่ยน”
เซียวลิ่วหลังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อยู่นานทีเดียว ในขณะที่กู้เจียวคิดว่าเขาคงไม่ให้ยืมเสื้อผ้าแล้ว
ประตูห้องก็เปิดออก เซียวลิ่วหลังเอาชุดคลุมยาวชุดหนึ่งที่แห้งสบายส่งมาให้ถึงมือเธอ
เนื้อผ้าของชุดคลุมยาวไม่ได้ดีเด่อะไร สีก็เก่าซีดแล้ว แต่ซักเสียสะอาดสะอ้าน
หากเป็นชาติก่อน กู้เจียวไม่มีทางใส่เสื้อผ้าผู้ชายเด็ดขาด แต่ใครให้สถานการณ์มันบีบบังคับกันล่ะ
ไม่ใส่ชุดนี้ แล้วจะให้ใส่ชุดในตู้ที่ขึ้นราพวกนั้นหรือไร
พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้เจียวก็คว้าเอาเสื้อผ้าสกปรกไปซัก จากนั้นก็ไปห้องครัว
ห้องครัวสะอาดสะอ้านไม่น้อย คงเป็นเซียวลิ่วหลังที่มาเก็บกวาด
ข้าวสารในถังว่างเปล่าแล้ว แต่เป็นดังที่เซียวลิ่วหลังว่า ยังมีแป้งข้าวโพดอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น กู้เจียวยังเจอไข่ไก่สองฟองกับต้นหอมกำหนึ่งอยู่ในตู้ด้วย
กู้เจียวหยิบไข่ไก่ออกมา ปิ้งกับแผ่นแป้งข้าวโพดสองแผ่น โรยด้วยต้นหอมที่หั่นแล้ว ยังเหลือแป้งอีกนิดหน่อย ให้เธอได้ต้มน้ำซุปแป้งข้าวโพดอนาถาครึ่งหม้อเล็กๆ
กู้เจียวยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วไปยังห้องโถง
ประตูห้องของเซียวลิ่วหลังปิดไว้แต่ไม่ได้ลงกลอน
ในความทรงจำนั้น ทั้งสองมักจะกินใครกินมัน เซียวลิ่วหลังทำอาหารเสร็จก็จะเหลือไว้ให้เจ้าของร่างเดิมด้วยชามหนึ่ง แต่เจ้าของร่างเดิมส่วนใหญ่ล้วนไปกินที่บ้านตระกูลกู้เสียมากกว่า
กู้เจียวหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไปเคาะประตูห้องของเซียวลิ่วหลัง
“มีอะไร”
เสียงเย็นชาของเซียวลิ่วหลังลอยมาจากในห้อง
กู้เจียวเอ่ยว่า “ข้าทำข้าวเย็นมา จะกินด้วยกันหรือไม่”
กู้เจียวเข้าครัวน้อยมาก ต่อให้เข้าไปก็ไม่ทำเผื่อเขา ดังนั้นเขาจึงกะจะรอให้กู้เจียวออกมาก่อนค่อยไปทำเอาเอง
เซียวลิ่วหลังมองประตูห้องที่ปิดแน่นด้วยความสงสัย
“ไม่กินข้ากินก่อนนะ” กู้เจียวอยากจะรอเขามา แต่จนใจที่เธอหิวเสียจนไส้กิ่วแล้ว เหลือแค่เป็นลมล้มพับไปกับพื้นเท่านั้น
เธอต้องรีบบำรุงร่างกายให้มีกำลัง
กู้เจียวเพิ่งจะนั่งลงยังไม่ทันหยิบตะเกียบมา ประตูห้องก็ส่งเสียง แอ๊ด ขึ้น
เซียวลิ่วหลังเดินออกมา
แต่เซียวลิ่วหลังกลับไม่ได้มาเพื่อกินข้าว
ทว่าเมื่อสายตาเขาตกลงบนร่างของกู้เจียว ทันใดนั้นก็ชะงักไป
ตอนที่เขาหยิบชุดคลุมยาวมาให้กู้เจียวนั้นเป็นชุดที่เขาใส่ไม่ได้แล้ว แต่พอมาอยู่บนร่างกู้เจียวแล้วกลับใหญ่เกินไป ร่างผอมบางขับให้ชุดคลุมยาวหลวมโพรก ดูแล้วเก้งก้างไม่น้อย
เพื่อความสะดวกในการทำงาน นางจะเกล้าผมและถกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นลำคอเรียวขาวผ่องและข้อมือผอมแห้ง
ไร้ซึ่งท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่และบ้าบิ่น ทำเพียงนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ตั้งอกตั้งใจกินอาหารในชาม
ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนนางเลย
เซียวลิ่วหลังแววตาชะงักไปเล็กน้อย ทว่าสุดท้ายก็ยังคงเบนหนีอย่างเย็นชาอยู่ดี
ยามนี้ กู้เจียวเห็นเขาเข้าจึงได้เอ่ยกับเขาว่า “มาแล้วหรือ รีบมานั่งลงกินข้าวเถอะ”
ฝั่งตรงข้ามกู้เจียวมีชามกับตะเกียบวางอยู่ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้พูดขึ้นไปอย่างนั้นทั้งสองรอบ
แต่ทำกับข้าวให้เซียวลิ่วหลังจริงๆ
ทว่าเซียวลิ่วหลังกลับไม่ได้ขยับ
กู้เจียวกระจ่างว่าเขากำลังกังวลอะไร ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของร่างเดิมกับเขาไม่ค่อยดีนัก
จู่ๆ มาทำกับข้าวให้เขา มันน่าสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่กู้เจียวหมดหนทางจะอธิบายได้ว่าตัวเองไม่ใช่คนคนๆ นั้นนี่นา
กู้เจียวครุ่นคิด เอ่ยว่า “ฟืนในบ้านมีไม่มากแล้ว ยามนี้ไม่กิน อีกเดี๋ยวได้เปลืองฟืนไฟอีกมื้อ”
ไม่รู้ว่าเพราะประโยคนี้ทำให้เซียวลิ่วหลังย้อนคิดหรือไม่ ในที่สุดเขาก็นั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ
เจ้าของร่างเดิมยามแรกพบกับเซียวลิ่วหลังนั้นโดนใบหน้าของเขาดึงดูดเอา มิฉะนั้นไม่มีทางเอาเขากลับมาหรอก ความรังเกียจที่เจ้าของร่างเดิมมีต่อเซียวลิ่วหลังนั้นในสายตาคนนอกเกิดจากขาพิการของเขา แต่จากที่กู้เจียวมองนั้นกลับไม่ใช่
เจ้าของร่างเดิมสติไม่สมประกอบ แต่กู้เจียวไม่ใช่ เรื่องบางเรื่องเจ้าของร่างเดิมมองไม่ออก
กู้เจียวรื้อฟื้นความทรงจำดูก็กระจ่างแจ้งทุกอย่างแล้ว
เซียวลิ่วหลังเดิมทีก็ตั้งใจทำให้เจ้าของร่างเดิมโกรธ
เขาไม่อยากเข้าหอกับเจ้าของร่างเดิม ไม่อยากให้เจ้าของร่างเดิมเข้าใกล้
อันที่จริงก็พอดีเลย เธอก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
อย่าเห็นว่าปากเธอเอาแต่เย้าแหย่เขา หากให้เธอลงมือทำอะไรกับเขาจริงๆ เกรงว่าเธอจะทำไม่ได้
กู้เจียวกินอิ่มอย่างรวดเร็ว เอาชามกับตะเกียบของตัวเองไปห้องครัว แบกตะกร้าใบหนึ่งออกมา
เซียวลิ่วหลังไม่ได้ถามว่าเธอจะไปทำอะไร เธอก็ไม่ได้บอก ระหว่างพวกเขายังคงเป็นดังเช่นเคย
ใครจะรู้กู้เจียวเดินไปถึงหน้าประตู จู่ๆ ก็หันกลับมาเอ่ยว่า “เมื่อครู่ไม่ได้หลอกเจ้า ฟืนเผาจะหมดแล้วจริงๆ อาศัยตอนฟ้ายังไม่มืด ข้าจะไปตัดฟืนจากหลังเขามาสักหน่อย อีกเดี๋ยวฝนอาจจะตก หากข้าไม่กลับมา
เจ้าก็อย่าลืมเก็บผ้าด้วย”
เซียวลิ่วหลังจ้องมองเธอนิ่งๆ ครู่หนึ่ง
แต่ก่อนกู้เจียวไม่รู้จักดูฟ้าฝน และไม่มีทางบอกว่าตัวเองจะไปไหน
หลังจากกู้เจียวออกไป ภายในห้องก็เหลือเพียงเซียวลิ่วหลัง รวมถึงอาหารบนโต๊ะที่ไม่รู้ว่าจะสามารถกินได้หรือไม่
วันคืนในบ้านยากจน ต่อให้เซียวลิ่วหลังไม่อยากเห็นหน้ากู้เจียวก็ไม่มีทางปฏิเสธอาหาร
เขาขมวดคิ้ว หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบแผ่นแป้งปิ้งไข่ใส่ต้นหอม