สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 5 อันธพาล
กู้เจียวคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะฝันแบบนั้น ไม่นึกเลยว่าเธอจะฝันถึง ซ้ำคนที่ฝันถึงยังเป็นผู้ชายคนหนึ่งด้วย
“ห่วงหาเขาขนาดนั้นเลยหรือ” กู้เจียวลูบคางด้วยความแปลกใจ
แต่อย่างไรเสียก็เป็นแค่ฝันเท่านั้น กู้เจียวกลับไม่ได้เอามาใส่ใจ
ยามนี้ท้องฟ้ามีแสงรำไร ขอบฟ้ายังมีดวงดาวประดับอยู่ ดูท่าแล้วอากาศจะแจ่มใส
กู้เจียวจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองตื่นเช้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด ชาติก่อนแม้เธอทำงานที่สถานบันวิจัยไม่เลว
แต่คนที่คุ้นเคยกับเธอต่างรู้ดีว่า เธอเป็นมนุษย์ค้างคาวโดยสมบูรณ์ วิจัยและการผ่าตัดของเธอส่วนใหญ่จัดอยู่ยามบ่าย ส่วนภารกิจที่ทีมให้เธอมาก็น้อยนักที่จะทำตอนเช้าแล้วพักตอนกลางคืน
วันนี้กู้เจียวสวมเสื้อผ้าของตัวเองแล้ว
เมื่อคืนเธอเอากระถางไฟไปไว้ในห้องเซียวลิ่วหลังแล้วก็ล้อมกระถางไฟผิงเสื้อผ้าอยู่พักใหญ่
แต่การเคลื่อนไหวของเธอแผ่วเบามากจึงไม่ได้ทำให้เซียวลิ่วหลังตื่น
กู้เจียวไปท้ายเรือนเอาน้ำมาล้างหน้าล้างตา
ประตูห้องเซียวลิ่วหลังเปิดอยู่ แต่ตัวคนไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
คิดว่าตัวเองตื่นได้เช้าแล้วแท้ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนตื่นเช้ายิ่งกว่าตน
กู้เจียวเดินดูหน้าบ้านถึงหลังบ้านจนทั่ว ไม่เห็นเซียวลิ่วหลังแม้แต่เงา พบเพียงถังน้ำใบหนึ่งที่หายไปจากข้างโอ่งน้ำ
กู้เจียวเห็นว่าโอ่งน้ำยังเหลือครึ่งโอ่งจึงลูบคางไปมาไม่ได้เอ่ยอะไร
กลอนประตูบ้านด้านหน้ายังลงกลอนไว้ เซียวลิ่วหลังออกไปด้วยประตูหลังห้องครัว พอออกไปแล้วก็ลงกลอนจากด้านนอก เช่นนี้แล้ว คนนอกก็จะไม่อาจเข้ามาได้ตามอำเภอใจ แต่หากกู้เจียวอยากออกไปก็เปิดประตูหน้า
เดินออกไปได้
กู้เจียวล้างหน้าล้างตาเสร็จก็กลับห้องไปทายา กินยาแก้อักเสบ
ตอนนี้เซียวลิ่วหลังยังไม่กลับ เธอเอาแป้งข้าวโพดที่เหลืออยู่นิดหน่อยออกมาหมัก นี่เป็นเสบียงสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้ว
กู้เจียวต้องคิดหาวิธีเอาไก่ป่าที่เอากลับมาจากเขาไปขายในเมือง แล้วเปลี่ยนมาเป็นเสบียงกลับมาให้ที่บ้าน แต่เจ้าของร่างเดิมไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลย ดังนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเส้นทางไปในเมืองนั้นมันไปอย่างไร
หมักแป้งยังคงต้องใช้เวลาสักพัก กู้เจียวเอาไม้กวาดมากวาดท้ายเรือน ห้องโถงและห้องของตัวเอง
เซียวลิ่วหลังไม่อยู่ เธอจึงไม่ได้เข้าไปห้องเขา
เสื้อผ้าเมื่อวานซักไปได้เพียงครึ่งเดียว ยังมีอีกหลายตัวที่ยังอยู่ในตู้ กู้เจียวหอบพวกมันออกมาวางไว้ในกะละมังไม้ใบใหญ่ตรงท้ายเรือนทั้งหมด
ยุคสมัยนี้มีสบู่แล้ว เจ้าของร่างเดิมเคยเห็นบนแคร่ของพ่อค้า แต่คนในหมูบ้านยากจน ส่วนใหญ่ซื้อกันไม่ได้ จึงใช้ใบของต้นตั๊กแตนผึ้งแทน
กู้เจียวทุบใบตั๊กแตนผึ้งแล้วทาลงบนเสื้อผ้าให้ทั่ว ใช้ท่อนไม้ทุบตีไม่หยุด จนกระทั่งมีฟองหอมๆ ออกมาจึงได้เริ่มซักขยี้ซ้ำๆ
ความสามารถในการขจัดคราบสกปรกของใบตั๊กแตนผึ้งนั้นไม่ได้มากมายอย่างที่คิด แต่ความตั้งใจที่จะซักเสื้อผ้าให้สะอาดของกู้เจียวมีมากยิ่ง
สุดท้าย เสื้อชั้นในก็ถูกขยี้เสียจนเป็นรูเล็กๆ รูหนึ่ง
กู้เจียว “…”
กู้เจียวซักผ้าเสร็จ น้ำครึ่งโอ่งก็ใช้ไปพอควรแล้ว
ยามนี้แป้งก็หมักได้ที่แล้ว กู้เจียวทำหมั่นโถวแป้งข้าวโพดวางไว้ในหม้อนึ่ง
เซียวลิ่วหลังยังคงไม่กลับมา
ภายในหมู่บ้านมีบ่อน้ำทั้งหมดสองบ่อ บ่อเก่าอยู่ท้ายหมู่บ้าน ห่างจากบ้านพวกเธอค่อนข้างใกล้
แต่ใกล้จะแห้งขอดหมดแล้ว กู้เจียวเดาว่าตอนเซียวลิ่วหลังไปเอาน้ำน่าจะไปที่บ่อใหม่หน้าหมู่บ้าน
เช่นนั้นก็ไกลกว่าบริเวณที่กู้เจียวตกน้ำเมื่อวานไปประมาณสิบก้าวเท่านั้น คนธรรมดาไปกลับไม่ถึงเค่อ
เซียวลิ่วหลังแข้งขาไม่อำนวย รวมถึงต้องหิ้วถังน้ำอีก กู้เจียวคำนวณว่าเขาน่าจะใช้เวลาสองเค่อ แบบนั้นก็น่าจะกลับมาตั้งนานแล้วนี่นา
กู้เจียวยืนอยู่หน้าครัว มองไปทางหน้าประตู สุดท้ายจึงผลักประตูเดินออกไป
เธอหาเซียวลิ่วหลังเจอตรงหลังต้นไหวต้นใหญ่ใกล้ๆ บ่อน้ำเก่า
เซียวลิ่วหลังกำลังถูกอันธพาลท่าทางโหดเหี้ยมหลายคนล้อมไว้ ถังน้ำหกลงพื้น น้ำในบ่อสาดกระเซ็นไปทั่ว
บรรดาอันธพาลบนศีรษะของแต่ละคนมีขนไก่สองเส้นเสียบไว้
ทรงผมสมาร์ท แบบโบราณอย่างนั้นรึ
กู้เจียวจำได้ว่าอันธพาลกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่ในหมู่บ้านนี้เท่านั้น ยังมีหมู่บ้านข้างๆ ด้วย วันๆ เอาแต่ทำเรื่องชั่วๆ ไม่ถึงขั้นฆ่าคน วางเพลิง แต่ก็ก่อเรื่องก่อราวให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย
ไม้เท้าของเซียวลิ่วหลังถูกอันธพาลน้อยคนหนึ่งแย่งเอาไป อันธพาลน้อยคนนั้นอายุไม่มาก มองจากใบหน้าด้านข้างแล้วไม่เกินสิบสามสิบสี่ปี แต่วางอำนาจอวดดียิ่ง
เขาผลักเซียวลิ่วหลังล้มลงพื้น ใช้ไม้เท้าชี้หน้าเซียวลิ่วหลัง “ข้าเตือนเจ้าไปตั้งเท่าใดแล้วว่าไม่อนุญาตให้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอีก! แม่เจ้ามารดามันเถิด เจ้าหูหนวกรึ ยังไม่รีบไสหัวออกจากหมู่บ้านชิงเฉวียนของข้าอีก!”
อันธพาลน้อยคนนั้นเห็นได้ชัดว่าอยู่ในช่วงวัยเสียงเปลี่ยน เสียงคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย
อันธพาลน้อยคนนั้นใช้ไม้เท้าฟาดไปทางเซียวลิ่วหลัง กู้เจียวไม่มีเวลามาคิดให้มาก ย่างสามขุมเดินเข้าไป
ยกมือมาบังเซียวลิ่วหลังไว้ ถีบบั้นท้ายอันธพาลคนนั้นไปทีหนึ่ง
“โอ๊ย! ใครมันกล้าถีบข้าวะ” อันธพาลน้อยถูกถีบจนหน้าคะมำ หันหน้ามาหมายจะด่าทอ กลับสำลักไปโดยพลัน
กู้เจียวไม่สนใจว่าเขาจะสำลักหรือไม่ เดินไปแย่งไม้เท้าในมือเขามา เอามือเขาไขว้หลัง คล้องไม้เท้าไว้บนคอเขา
อันธพาลน้อยถูกคล้องคอไว้เจ็บเจียนตาย ทันใดนั้นก็ร้องขึ้นเสียงดังว่า “ท่านพี่! ท่านพี่! ท่านพี่ทำอะไรน่ะ!”
กู้เจียวนิ่งอึ้ง
บรรดาอันธพาลด้านข้างเห็นพี่ใหญ่ถูกคนรังแกก็กรูกันมายังกู้เจียวราวกับผึ้งแตกรัง
อันธพาลน้อยตวาดอย่างเดือดดาลว่า “มารดามันเถิดแม่เจ้า หยุดเดี๋ยวนี้! นี่พี่สาวข้า!”
บรรดาอันธพาลหยุดชะงัก
กู้เจียว…กู้เจียวนึกขึ้นได้แล้วว่าอันธพาลน้อยผู้นี้เป็นใคร เขาคือลูกชายคนเล็กของลูกชายคนรองตระกูลกู้
กู้เสี่ยวซุ่น
กู้เสี่ยวซุ่นปีนี้อายุสิบสาม เป็นหลานในตระกูลกู้ที่อายุน้อยที่สุด และเป็นคนที่สนิทสนมจริงใจต่อ
เจ้าของร่างเดิมเพียงคนเดียวเช่นกัน เขาไม่รังเกียจเจ้าของร่างเดิมว่าเป็นคนสติไม่ดี และไม่รังเกียจที่นางอัปลักษณ์
สาเหตุอาจเพราะกู้เสี่ยวซุ่นอันธพาลเกินไป ไม่ยอมเรียนหนังสือให้ดีๆ วันๆ เอาแต่ก่อเรื่อง บรรดาพี่ชายพี่สาวมักจะด่าเขา พ่อแม่ก็มักจะตีเขา มีเพียงเจ้าของร่างเดิมสติไม่สมประกอบที่จูงมือเขาไว้ ใช้ลูกอมที่เหลืออยู่ในปากของตัวเองมาปลอบเขาว่า ‘เสี่ยวซุ่นต่อสู้เป็น เสี่ยวซุ่นเก่งกาจยิ่ง’
กู้เสี่ยวซุ่นรู้ว่ากู้เจียวทำเช่นนี้เป็นเพราะนางสติไม่สมประกอบ แต่เขาก็คนฉลาดนี่นา
เขารู้สึกว่าใครดีกับเขา เขาก็ดีด้วย
“ท่านพี่! ท่านพี่! ข้าเจ็บ!” กู้เสียวซุ่นร้องเสียงดังด้วยความน้อยใจ
กู้เจียวปล่อยเขา เอามือขวาไพล่หลังไว้ ใช้มือซ้ายหิ้วเขาขึ้นมา ถามเสียงเรียบว่า “เหตุใดจึงต้องรังแกพี่เขยตัวเองด้วย”
“พี่เขยรึ” กู้เสียวซุ่นสงสัยว่าตัวเองหูฝาด “ท่านพี่ให้ข้าตีเขาไม่ใช่หรือไร”
“ข้าน่ะรึ” กู้เจียวฉงน
“ใช่น่ะสิ!” กู้เสี่ยวซุ่นมองเซียวลิ่วหลังแวบหนึ่ง กดเสียงเบาเอ่ยว่า “ท่านพี่บอกกับข้าว่า ท่านพี่ไม่ต้องการไอ้เป๋นี่แล้ว ให้ข้าไล่เขาหนีไป เช่นนั้นแล้วท่านพี่ก็จะได้อยู่ด้วยกันกับบัณฑิตเสี่ยวฉินได้!”
เขาคิดเองว่าเสียงไม่ดัง แต่คน ณ ที่นั้นต่างได้ยินกันหมด
เซียวลิ่วหลังสีตาเย็นชา
ไม่ได้สนใจบรรดาอันธพาลแม้แต่น้อย
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยว่า “ท่านพี่ ท่านพี่คงไม่ได้ลืมไปหรอกกระมัง ท่านพี่บอกข้าเองเลย!”
กู้เสี่ยวซุ่นไม่มีทางหลอกเธอ ดูท่าแล้วเจ้าของร่างเดิมจะพูดคำเหล่านี้จริงๆ แต่ว่าตัวเจ้าของร่างเดิมเอง
จำไม่ได้แล้ว น้องชายคนนี้ของนางกลับไม่ลืมแม้แต่คำเดียว!
“ข้าก็แค่…พูดไปอย่างนั้น เจ้าเอามาเป็นจริงเป็นจังด้วยรึ”
กู้เจียวปวดฟัน
“แล้วตอนนี้ควรทำอย่างไร” กู้เสี่ยวซุ่นรู้ตัวว่าตัวเองเหมือนจะทำผิดไป หูลู่หางตกก้มหน้าลงยืนอยู่ตรงนั้น
ราวกับนกกระทาตัวน้อย