สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 54 ทางแคบ
ผ้าคลุมตัวโคร่งเนื้อโปร่งที่ยาวมาถึงข้อเท้าก็มิอาจบดบังทรวดทรงอันเพรียวบางของนางได้
หญิงสาวในเมืองไม่แต่งองค์ทรงเครื่องจัดเต็มขนาดนี้ จะมีก็แต่พวกคนที่มาจากเมืองหลวงเท่านั้นที่พิถีพิถันเรื่องนี้
มือเรียวที่เกาะไหล่สาวใช้แลดูนวลเนียนราวเนื้อหยก ต้องประคบประหงมดีขนาดไหนถึงจะมีมือสวยๆ
แบบนั้นได้
พอสตรีงามผู้นั้นลงจากรถม้าก็มุ่งหน้าเข้าไปในหุยชุนถังทันที ไม่หยุดเดินแม้แต่ก้าวเดียว ผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพากันตกตะลึงเสียจนมองค้างอยู่นานสองนาน
สตรีเฉกเช่นนางปรากฏอยู่ในเมืองเล็กๆ จนๆ แบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับนางฟ้าที่ลงมาท่องเที่ยวโลกมนุษย์
“บุตรสาวของตระกูลใดรึ ตระกูลฉินใช่ไหม”
“ข้าว่าไม่ใช่ บุตรสาวตระกูลฉินไม่สง่าเท่านี้!”
“หรือว่าจะเป็นตระกูลหลู”
“ก็ไม่น่าใช่”
สองครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคือตระกูลฉินและตระกูลหลู ครอบครัวหนึ่งมีสมาชิกในเรือนได้แต่งงานกับพ่อค้าร่ำรวย ส่วนอีกครอบครอบครัวก็ร่ำรวยอยู่แล้ว เป็นถึงระดับนายอำเภอเมือง มีอำนาจและอิทธิพลใหญ่
แน่นอนว่าบุตรสาวของทั้งสองตระกูลนี้อยู่ในสถานะที่ว่าสูงส่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีโอกาสได้พบเจอพวกนางอยู่แล้ว แต่พวกเขากลับมั่นใจว่าหญิงงามเมื่อครู่นี้ไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน
แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่เคยเห็นหน้าค่าตาลูกสาวของตระกูลฉินและตระกูลหลู และพวกเขากล้าพูดเลยว่าถ้าเทียบกับหญิงงามเมื่อครู่นี้แล้ว ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว เรียกได้ว่าเทียบไม่ติดฝุ่นเลยจริงๆ
ว่าแต่ คนสูงส่งอย่างนางมาทำอะไรที่หุยชุนถังแห่งนี้ เลยกลายเป็นว่าโรงหมอเล็กๆ อย่างหุยชุนถังดูยกระดับขึ้นมาในบัดดล ทั้งๆ ที่เคยรักษาคนไม่สำเร็จจนตายไปก็เคยเกิดขึ้น ไฉนคนระดับนางถึงได้มาเหยียบในที่แบบนี้ เป็นที่นางหูเบา หรือเป็นที่หุยชุนถังแห่งนี้ไปทำดีอะไรไว้กันแน่
“เถ้าแก่อยู่ไหม” สาวงามเดินเข้ามาเอ่ยถามผู้ดูแลหวังที่กำลังยืนนิ่งอึ้งดวงตาเบิกกว้าง
ผู้ดูแลหวังได้แต่อ้ำอึ้งพูดติดๆ ขัดๆ ก็เพราะตั้งแต่เกิดมา เขายังไม่เคยเจอใครงดงามเช่นนางมาก่อนเลย
สาวใช้ทำหน้าไม่พอใจ ขมวดคิ้วถามย้ำ “นายหญิงของข้ากำลังถามเจ้านะ เถ้าแก่อยู่ที่นี่หรือไม่”
นาย นายหญิงงั้นรึ
อย่าบอกนะว่า แม่หญิงงามผู้นี้คือแฝดพี่ของคุณชายจวนโหวน่ะ
สวรรค์โปรด!
ในที่สุดก็ได้มีโอกาสพบปะกับยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งเช่นนี้เสียที!
ผู้ดูแลหวังรีบตั้งสติ เอามือปาดเหงื่อ พลางเอ่ย “ขอรับ ขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะไปตามให้นะขอรับ”
หญิงงามเอ่ยเสียงเบา “ไม่เป็นไร เจ้าแค่ไปบอกเขาก็พอว่า ข้ามาเยี่ยมที่นี่ด้วยตนเอง”
“มิบังอาจขอรับ!”
จะให้หญิงงามจวนโหวรออยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร ว่าไปแล้ว ยังไงตอนนี้ เถ้าแก่รองก็คงไม่ได้มีงานยุ่งอะไร ผู้ดูแลหวังจึงให้คนไปตามเขาที่ห้องหนังสือ
และก็เป็นไปตามคาด นางมาเพื่อมอบค่าตอบแทนให้ ซึ่งนอกจากจะจ่ายราคางามแล้ว นางยังมอบเครื่องเงินแถมให้ด้วย
ด้วยความที่นางไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่ช่วยกู้ชีพคุณชายจวนโหว จึงฟังเรื่องราวตามหลังอีกที ซึ่งทำให้นางพอรับรู้สถานการณ์ได้บ้าง
“น้องชายข้าพอใจการรักษาของหมอเฒ่าและหมอปรุงยาอีกคนมากเลย ครั้งต่อไปหวังว่าจะได้ใช้บริการอีก” หญิงสาวเอ่ยจบก็เดินออกไป
บุตรสาวจวนโหวมาเยี่ยมหุยชุนถังเพื่อมาแสดงความขอบคุณที่รักษาชีวิตคุณชายน้อยจวนโหวได้ ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่าหุยชุนถังจะได้มีโอกาสผูกมิตรกับบุตรสาวจวนโหวเสียหน่อย
เถ้าแก่รองเป็นคนมีไหวพริบ รู้สถานะของตนดี และก็รู้ว่าคงไม่มีทางได้ผูกมิตรกับนาง เลยไม่ได้แสดงท่าทีประจบสอพลอออกไปแต่อย่างใด
เขาน้อมรับคำของนางอย่างถ่อมตัว จากนั้นเดินไปส่งนางที่ประตูด้วยตนเอง
“เถ้าแก่รองเชิญไปทำธุระต่อเถิด” บุตรสาวจวนโหวเอ่ย
เถ้าแก่รองประสานมืออำลา จนกระทั่งรถม้าออกตัวไปจนลับสายตา เขาถึงกลับเข้าไปในหุยชุนถัง
รถม้าเคลื่อนตัวไปได้สักพัก หญิงสาวเหลือบมองไปที่เอวของตน ทำหน้าตกใจ “แย่ล่ะ ป้ายหยกของข้าหายไป!”
“ใช่อันที่โหวเหย่มอบให้นายหญิงใช่ไหมเจ้าคะ ตอนออกจากจวนก็ยังเห็นอยู่เลยนี่นา เหตุใดถึงหายไปได้นะ” สาวใช้พยายามควานหาป้ายหยกทั่วรถม้า แต่สุดท้ายก็ไม่พบ
สาวใช้เอ่ยถามขึ้น “หรือว่าจะ…ทำตกอยู่ที่หุยชุนถัง วันนี้เราไม่ได้ไปที่อื่นกันเลยนะเจ้าคะนอกจากที่นั่น ”
หญิงสาวครุ่นคิดสักพัก จากนั้นพยักหน้า “อืม เจ้าไปหาดูสิ”
รถม้ามุ่งหน้าย้อนกลับไปที่หุยชุนถังอีกครั้ง
สาวใช้เอามือจับชายกระโปรงแล้วรีบเดินเข้าไปในหุยชุนถัง
ผู้ดูแลหวังพอเห็นสาวใช้เดินเข้ามาก็เอ่ยทัก “แม่หญิง เหตุใดจึงกลับมาอีกล่ะ หรือว่า มีเรื่องจะฝากฝังอีกอย่างนั้นหรือ”
สาวใช้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ป้ายหยกของนายหญิงหายไป! เจ้าให้คนช่วยหาทีเร็วเข้า!”
สาวใช้เอ่ยจบ ผู้ดูแลหวังก็พลังตื่นตระหนก พลางเอ่ย “ว่าแต่ ป้ายหยกของแม่หญิงหน้าตาเป็นอย่างไร
เป็นหยกแบบไหนกันรึ”
สาวใช้อธิบายแล้วทำท่าประกอบ “ใหญ่ประมาณนี้ เป็นทรงกลม หยกหยางจื่อ”
ผู้ดูแลหวังเรียกให้ลูกน้องมาช่วยกันค้นหา สาวใช้เองก็ไม่นิ่งนอนใจ รีบพุ่งตัวไปที่ห้องหนังสือของเถ้าแก่รอง
นางจำได้ว่านายหญิงนั่งลงตรงนี้ หรือว่าจะตกอยู่แถวๆ นี้กันนะ
เถ้าแก่รองไม่อยู่ในห้อง นางจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป แต่ไม่ว่าจะหายังไง ก็หาไม่เจอ
จากนั้นนางจึงลองหาตามทางเดินอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของป้ายหยก
ระหว่างที่กำลังหาอยู่นั้น สาวใช้เดินมาเจอกับห้องๆ หนึ่งพอดี นางสังเกตเห็นว่าบานประตูถูกเปิดแง้มอยู่ นางยืนลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปในห้องนั้น
ในห้องนั้นมีโต๊ะอยู่หนึ่งตัว บนนั้นมีตะกร้าสานที่ไม่เข้ากับสถานที่วางอยู่ ในตะกร้านั้นเต็มไปด้วยของป่าและกล่องใส่ของที่ดูยับเยิน
สาวใช้มองกล่องนั้นด้วยสายตาเหยียดหยามอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพลันสังเกตเห็นกระเป๋าที่อยู่ข้างๆ กล่อง
นางรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาดจึงค่อยๆ เปิดกระเป๋าออกมาแล้วคว่ำลงจนของทุกอย่างที่อยู่ในนั้นร่วงหล่นลงมา เศษเงินไหลกลิ้งลงกับพื้น
สาวใช้ไม่ได้ก้มเก็บเงินพวกนั้น แต่สายตาของนางกลับจ้องเขม็งไปที่ป้ายหยกอันคุ้นเคย รวมถึงแหวนหยกขาวที่อยู่ข้างๆ กัน
นางเอ่ยพึมพำด้วยความสงสัย “นี่มันป้ายหยกของนายหญิงไม่ใช่หรือ แถมยังมีแหวนหยกขาวของคุณชายด้วย มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ประจำเดือนของกู้เจียวมาพอดี นางเลยแวบไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็เห็นสาวน้อยแปลกหน้ากำลังล้วงกระเป๋าตน
กู้เจียวค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปในห้อง มองดูข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ จากนั้นเอ่ยถาม “ฝีมือเจ้ารึ”
สาวใช้เงยหน้ามองกู้เจียว
กู้เจียวแต่งกายแบบเด็กสาวชนบททั่วไป ทั้งยังมีปานสีแดงบนใบหน้าของเธอ สาวใช้จึงมองกู้เจียวด้วยสายตาดูถูกอย่างออกนอกหน้า “ข้าทำเอง แล้วยังไงล่ะ ของพวกนี้เป็นของเจ้ารึไง”
กู้เจียวยืนกอดอก มองคนตรงหน้าด้วยสายตาแน่วแน่และไม่เกรงกลัว
สาวใช้คิดในใจ ถึงแม้นางจะเป็นคนใช้ของจวนโหว แต่ของกินของใช้ดีกว่าคนทั่วไปแน่นอน เวลาไปที่ใด ทุกคนต่างก็มองด้วยสายตาอิจฉา แล้วนี่อะไร เด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ อย่างเจ้าบังอาจใช้สายตาแบบนี้มองตนได้อย่างไรกัน
สาวใช้ตะโกนอย่างไม่พอใจ “หูหนวกหรือ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึไง”
“หึ”
“เจ้า…” ท่าทีของกู้เจียวยั่วโมโหสาวใช้สำเร็จ นางจึงบันดาลโทสะ “ขโมยของของนายข้าแล้วไม่ยอมรับอีก”