สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 67 ต้มตุ๋น
ไม่ใช่ว่าป่วยเป็นโรคอะไรหรอกนะ
กู้เจียวอุ้มเสี่ยวจิ้งคงเข้าไปตรวจในห้อง แต่กลับไม่พบสิ่งใด
เป็นคนแล้วสองชาติ เคยเห็นคนกลัวเลือด เคยเห็นคนกลัวเข็ม แต่คนที่เป็นลมเพราะเห็นเนื้อ เกิดมานานขนาดนี้ก็เพิ่งเคยเห็ย
คนอื่นเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน พอได้ยินเจ้าเด็กนอนกรน ก็รู้ว่าเขาคงไม่เป็นอะไรมาก
ยามเสี่ยวจิ้งคงตื่นขึ้นมา เนื้อบนโต๊ะก็หายไปแล้ว เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะก่อนจะร้องไห้ฟูมฟาย!
“เนื้อของข้า! เนื้อของข้า! เนื้อของข้า…”
ทุกคน ‘ไม่ใช่ว่าพวกข้าไม่อยากให้เจ้ากินเนื้อ แต่เจ้ากินไม่ได้ต่างหาก’
กู้เจียวไม่ถนัดเรื่องปลอบคนสักเท่าไหร่ หญิงชราจึงรับหน้าที่นี้แทน นางเคยกล่อมคนที่มีอำนาจสูงสุดบนแผ่นดินนี้มาแล้ว กับแค่เด็กจอมซนสักคน นางไม่หวั่นแม้แต่นิด!
หญิงชราปลอบได้พักหนึ่ง เขาก็สงบลง
เสี่ยวจิ้งคงเดินออกมาจากห้องของหญิงชรา เดินมายังห้องของกู้เจียว ก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มกับกู้เจียว “เนื้อบอกว่า ไม่อยากถูกข้ากิน”
กู้เจียวอ้าปากค้างตกตะลึง “อ๋อ… พวกมันไม่อยากถูกเจ้ากินสินะ…”
เสี่ยวจิ้งคงพยายามกลั้นน้ำตา ก่อนจะเอ่ยต่อ “ท่านย่าบอกว่าข้ายังเด็กเกินไป รอข้าโตแล้ว
พวกมันก็จะยอมให้ข้ากินเอง”
กู้เจียวอยากจะหมอบกราบคารวะให้กับท่านย่าผู้นี้เหลือเกิน คิดข้ออ้างแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน นางคือนักกล่อมมือฉมัง แต่ก่อนคงกล่อมเด็กมาไม่น้อยสินะ
หญิงชราเองก็จำไม่ได้สักเท่าไหร่ นางเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองปลอบคนมันต่อนัก คนที่ยิ่งใหญ่กว่านาง คนที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่านาง ล้วนแต่ถูกนางกล่อมจนเชื่องทั้งนั้น
หลังจากเซียวลิ่วหลังอาบน้ำให้เสี่ยวจิ้งคงเสร็จ เสี่ยวจิ้งคงก็ใส่ชุดน้อยตัวน้อยเดินกลับไปห้องเซียวลิ่วหลัง เฮ้ย ไม่ใช่สิ ห้องของเขาต่างหาก!
กู้เจียวอาบน้ำเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอนแล้ว
ทว่าเสี่ยวจิ้งคงกลับกอดหมอนเดินเข้ามา
“เป็นอะไรไปหรือ” กู้เจียวมองไปทางเขา “ไม่สบายตรงไหนหรือ”
เสี่ยวจิ้งคงเบิกตาน้ำตาไหลเอ่อ “เตียงข้าบอกว่า วันนี้มันไม่อยากให้ข้านอน”
กู้เจียวชะงักไป ทำไมคำนี้ถึงได้คุ้นหูนัก
ไม่ใช่แล้ว เพิ่งจะเรียนรู้เล่ห์กลมา เจ้าก็รู้จักต่อยอดวิชาแล้วหรือ
กู้เจียวยกสองแขนขึ้นกอดอก “เตียงของเจ้าไม่ได้พูดเช่นนั้น”
เสี่ยวจิ้งคง “มันพูดแบบนั้น”
กู้เจียว “มันไม่ได้พูด มันพูดไม่ได้”
เสี่ยวจิ้งคงยืดหลังตรงเอ่ย “เจียวเจียวรู้ได้อย่างไรว่ามันพูดไม่ได้ เนื้อของข้ายังพูดได้เลย เช่นนั้นเตียงของข้าก็พุดได้เช่นกัน!”
กู้เจียว “…” ไม่รู้โต้กลับอย่างไรจริงๆ
กู้เจียวหน้านิ่วเดินไปหาหญิงชรา
ใครสอนเล่ห์กลนี้ คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ!
หญิงชราลงกลอนประตูอย่างไม่ลังเล เอนตัวนอนแล้วยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง “หลับแล้ว!
หลับแล้ว!”
กู้เจียว “…”
ท่านจะไม่รับผิดชอบเช่นนี้ไม่ได้นะ ปลอบเสร็จแล้วไม่มีบริการหลังการขายเลย รีวิวหนึ่งดาว!
กู้เจียวไม่คิดจะบังคับเด็กน้อย สุดท้ายแล้วนางก็พาเสี่ยวจิ้งคงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ระหว่างนั้นเซียวลิ่วหลังไม่เอ่ยคำใด
เสี่ยวจิ้งคงโบกมือให้เซียวลิ่วหลังด้วยสีหน้าของผู้ชนะ “คืนนี้ห้องฝั่งตะวันตกยกให้ท่านนอนก็แล้วกัน! ไม่ต้องคิดถึงข้าให้มากล่ะ!”
เสี่ยวจิ้งคงผู้ลิงโลดกอดหมอนกระโดดโลนเต้นอยู่บนเตียงของกู้เจียว กระโดดจนเหนื่อยแล้วก็ล้มตัวลงนอนในทันใด
หากเสี่ยวจิ้งคงคิดว่าเพียงแค่นี้ก็จะได้นอนกับกู้เจียวแล้วก็คงจะไร้เดียงสาจนเกินไป
เมื่อเขาผล็อยหลับไป เซียวลิ่วหลังก็เดินค้ำไม้เท้ามา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะอุ้มเขากลับห้องฝั่งตะวันตกไป
ไม่มีแผนที่แยบยลที่สุด มีเพียงแผนที่แยบยลยิ่งกว่า พี่เขยเจ้าก็คือพี่เขยเจ้าอยู่วันยังค่ำ!
ยามเสี่ยวจิ้งคงตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องฝั่งตะวันตก ก็เศร้าอกเศร้าใจอย่างไม่ต้องสงสัย!
เขารู้สึกว่าตัวเองนอนอย่างสูญเปล่าไปหนึ่งตื่น!!!
แน่นอนว่าเขาไม่คิดว่าเจียวเจียวไม่ต้องการเขา ใช้หัวแม่เท้าเดายังเดาออกเลยว่าตนเองต้องถูกใครคนนั้นลักพาตัวกลับห้องมา!
แม้เสี่ยวจิ้งคงจะเป็นเด็กรู้ความมากเพียงใด แต่คราวนี้เขายอมไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้น ร้องแรกแหกกระเชอกระทืบเท้าตึงตัง ฟูมฟายเสียงดัง “พี่เขยนิสัยเสีย! พี่เขยนิสับเสีย! เขากล้าลักพาตัวเด็ก!
เขาลักพาตัวข้ามาตอนกลางดึก! เจาคือโจรผู้ร้าย!”
หญิงชราที่แทะเมล็ดทานตะวันอยู่กลางโถงถึงกับมือสั่น เมล็ดทานตะวันหกกระจาย!
โจรผู้ร้ายอย่างนั้นหรือ แบบนี้ก็เรียกได้หรือ
เซียวลิ่วหลังไปเรียนหนังสือแล้ว ส่วนกู้เจียวก็ไปเก็บของป่า ในบ้านจึงเหลือเพียงเสี่ยวจิ้งคงและหญิงชรา
หญิงชราใช้ยอดวิชาเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เสี่ยวจิ้งคงไม่ได้รับมือได้ง่ายๆ อีกต่อไป
“ข้าอยากให้ฟ้ามืด! ข้าอยากให้ฟ้ามืด!”
“กลางคืนฟ้าก็มืดแล้ว…”
“ไม่ได้ ไม่ได้! ข้าอยากให้มืดตอนนี้ ให้ฟ้ามืดเดี๋ยวนี้! ฮือ”
เด็กที่รู้ความมักจะไม่ร้องไห้ แต่พอร้องไห้แล้วใครที่ไหนก็เอาไม่อยู่
เสี่ยวจิ้งคงร้องไห้เสียงดัง ดังจนคนทั้งหมู่บ้านพากันแห่ออกมาดู สายตาสงสัยราวกับว่า
หญิงชรากำลังทารุณเณรน้อยที่บ้าน
หญิงชราซวยเข้าให้แล้ว
หญิงชราที่ไม่ยอมให้บริการหลังการขายเมื่อคืน ในที่สุดก็ได้ต้องรับกรรมทั้งหมดคนเดียว
…
กู้เจียวยังไม่รู้เรื่องที่เสี่ยวจิ้งคงร้องไห้งอแงยกใหญ่หลังตื่นนอน นางไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็ก นางเองก็พ่อแม่ไม่เหลียวแลมาตั้งแต่เล็ก จึงไม่ค่อยมีประการณ์ด้านนี้เช่นกัน
หากนางเก็บเห็ดอยู่หลังเขา คงได้ยินเสียงร้องไห้ของเสี่ยวจิ้งคง แต่วันนี้นางดันเดินออกมาไกลกว่าเคย ไปยังอีกฟากหนึ่งของเขาเพื่อขุดหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิ
ตอนที่นางรับเลี้ยงเสี่ยวจิ้งคงในตอนนั้น จึงพบว่าป่าระแวกวัดมีหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิ
ตอนนี้นางขายของที่ตลาด เคยมีคนเอาหน่อไม้ฤดูหนาวมาแลกกับเห็ดหูหนูสองกำ นางนำหน่อไม้ฤดูน้ำไปตุ๋นน้ำแกงไก่ เซียวลิ่วหลังซดหมดทุกหยดแม้กระทั่งน้ำแกง
แต่ตอนนี้ไม่มีหน่อไม้หน้าหนาว แต่หน่อไม่ฤดูใบไม้ผลิก็รสชาติไม่เลวเหมือนกัน
เส้นทางในป่านั้นเดินยากนัก เพราะอย่างนั้นจึงมีคนมาขุดหน่อไม้ไม่มากนัก ไม่นานกู้เจียวก็เก็บได้จนตะกร้าใบน้อยบนหลังหนักอึ้ง
ขณะที่นางกำลังจะลงเขาไป ก็มีเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังขึ้นมาจากในป่าลึก
สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในหัวของกู้เจียวคือคงมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บเป็นแน่ นางไม่ลังเลแม้แต่นิด เดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก
ยามนางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้พบว่ามีชายคนหนึ่งตกลงไปในหลุมกับดักที่ลึกถึงสองเมตร
ทว่ากับดักนี้คุ้นตายิ่งนัก…
เอ่อ… เหมือนจะเป็นหลุมที่นางขุดไว้เมื่อปีก่อน
เพราะไม่มีสัตว์ใดเข้ามาติดกับ นางจึงลืมเรื่องกับดักนี้ไปเสียสนิท
นึกไม่ถึงเลยว่าผ่านมานานขนาดนี้ แต่ยังจับสัตว์ไม่ได้สักตัว แต่ดันเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่มาติดกับดักเสียได้
ผู้ใดกันได้กล้าเข้าไปในป่าลึกขนาดนั้น
กู้เจียวชะโงกหน้าออกไปในหลุมลึก
คนผู้นั้นสัมผัสได้ว่าแสงด้านบนมืดในทันใด จึงเงยหน้าขึ้นในทันที
ดวงตาทั้งสองคู่มองกันและกัน ทั้งสองฝ่ายจึงชะงักไป
“เจ้านี่เอง”
“เจ้านี่เอง”
ทั้งสองเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง!
ท่านโหวกู้ ‘นั่นไม่ใช่ท่านโหวที่องครักษ์ออกมาแหวกทางสัญจรบนท้องถนนหรือ ไม่ใช่จอมป่วนที่คืนเงินด้วยการปาใส่หัวเขา’
สีหน้าของท่านโหวกู้สงบลง ความดีใจที่ถูกใครบางคนใส่ใจนั้นก็มลายหายไปจนสิ้น
กู้เจียว “อะแฮ่ม”
กู้เจียวหันหลังเดินจากไป!
คนผู้นี้อย่างนั้นหรือ นางไม่ช่วยยังจะดีกว่า!