สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 69 โชคดี
เจ้าแบกมันได้เหตุใดเมื่อครู่ไม่บอกเล่า ทำท่าทางละล้าละลังเช่นนั้น หรือว่ากำลังตัดสินใจว่าจะใช้มือข้างไหนแบกอย่างนั้นรึ
ท่านโหวกู้รู้สึกว่าหากตัวเองตายไวตั้งแต่ยังหนุ่ม จะต้องทำให้นางหนูนี่โมโหจนตายแน่นอน
คิดไปถึงลูกสาวตนว่าน่ารักอ่อนโยนเพียงใด แล้วมาดูเด็กสาวนางนี้สิ ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าไม่มีอะไรดีเลย!
โชคดีที่ไม่ใช่ลูกสาวของเขา!
กู้เจียวไม่รู้ความคิดในใจของท่านโหวกู้แม้แต่น้อย นางแบกหมาป่าเดินอยู่ข้างหน้า เพียงไม่นานก็ออกจากป่ามาแล้ว
นางมาถึงบนบันได ชี้ไปด้านบนของบันไดนั้น เอ่ยว่า “เดินขึ้นไปตามบันไดก็จะเห็นวัดแล้ว”
พูดจบ นางก็หันหลังเดินไปทางเขา
ท่านโหวกู้เรียกนางเอาไว้ “ช้าก่อน เจ้าไม่พาข้าขึ้นไปหรือ”
กู้เจียวชะงักฝีเท้า หันมามองเขาด้วยความแปลกใจ “เหตุใดข้าต้องพาท่านขึ้นไปด้วยล่ะ”
“เจ้า…” ท่านโหวกู้ลมหายใจสะดุด สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ปากยิ้มตาไม่ยิ้มถามว่า “เจ้าคิดว่าเหตุใดข้าจึงซื้อหมาป่าของเจ้ากันล่ะ ซื้อแล้วข้าก็ไม่เอา ซ้ำยังโยนทิ้งไว้ตรงนั้น”
กู้เจียวครุ่นคิดแล้วเอ่ยด้วยความจริงจังว่า “เพราะท่านเป็นคนโง่ผู้ร่ำรวยรึ”
ท่านโหวกู้แทบจะกระอักเลือดออกมา!
หนอย!
ช่างเป็นเด็กสาวที่น่าโมโหจนอกแตกตายอะไรเช่นนี้!
เดิมทีเขาคิดว่าเด็กกู้เหยี่ยนนั่นน่าโมโหแล้ว ทว่าตั้งแต่มาเจอเด็กสาวนางนี้ เขาก็เริ่มคิดว่าลูกชายคนเล็กของตัวเองน่ารักเป็นพิเศษเสียแล้ว!
สุดท้ายท่านโหวกู้ก็ไม่สามารถข่มขู่ให้กู้เจียวนำทางได้ อันที่จริงตอนเห็นบันไดเข้าเขาก็รู้แล้วว่าขึ้นเขาอย่างไร เพียงแต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ อยากจะใช้เด็กสาวก็เท่านั้น แต่นางดันไม่กลัวทั้งไม้อ่อนไม้แข็งเสียนี่…
ท่านโหวกู้เดือดดาลหนัก ทว่าไม่อาจลงมือกับเด็กสาวคนหนึ่งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นไปได้มากที่เขาจะสู้นางไม่ได้…
“ครั้งหน้าอย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก มิฉะนั้นข้าจะคิดบัญชีทบต้นทบดอกกับเจ้าแน่!”
กู้เจียวไม่สนใจเขา สะบัดท้ายทอยให้เขา ลงจากเขาไปอย่างเอ้อระเหย!
ท่านโหวกู้กุมหน้าอกที่แทบจะระเบิดแตกเอาไว้ หลังจากปรับอารมณ์ให้สงบลงแล้ว ก็เดินขากะเผลกขึ้นเขาไป
เขาตรงไปหาเจ้าอาวาส เปิดเผยตัวตนของตัวเอง
เจ้าอาวาสเห็นชายชาตรีใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือดตรงหน้า เกือบจะนึกว่าเป็นโจรป่าอับจนหนทางอะไรเสียอีก กำลังจะร้องเรียกบรรดาลูกศิษย์ให้ตั้งกระบวนสิบแปดอรหันต์ทำลายโจรอยู่แล้ว…
“ทะ…ที่แท้ก็เป็นติ้งอันโหวนี่เอง อาตมาไม่ได้ไปต้อนรับ เสียมารยาทแล้ว” เจ้าอาวาสเอ่ยด้วยสีหน้าเหยเก
โหวฮูหยินเป็นฆราวาสที่มักจะมาที่วัดเป็นประจำ ท่านโหวกู้กลับมาที่นี่เป็นครั้งแรก ด้วยเหตุนี้เจ้าอาวาสจึงไม่รู้จักเขา
ท่านโหวกู้เอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “เจ้าอาวาสไม่ต้องมากพิธี ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะสอบถามเจ้าอาวาส”
เจ้าอาวาสมองด้านหลังของเขา “ท่านโหวมาคนเดียวหรือ”
ท่านโหวกู้เอ่ยว่า “ถูกต้อง”
หากไม่ได้มาคนเดียว เขาจะหลงทางได้อย่างไร
ความจริงแล้วก็ผิดที่เขาไม่ยอมลงจากม้า ตอนมาถึงตีนเขาก็ได้สอบถามเส้นทางขึ้นเขาแล้ว แต่เพราะเขาขี่ม้า ไม่สะดวกเดินขึ้นบันได ดังนั้นเขาจึงกะว่าจะทะลุผ่านทางป่าแทน
ไม่คิดว่าจะเจอหลุมกับดักเข้า เขาโดนขังไว้ยังไม่ต้องพูดถึง ม้าก็วิ่งเตลิดไม่เห็นตัวแล้ว สุดท้ายก็ยังคงเดินขึ้นเขามาอย่างดี
เจ้าอาวาสสัมผัสได้ถึงความสำคัญของธุระนี้ จึงให้ลูกศิษย์เฝ้าหน้าประตูไว้ ไม่อนุญาตให้ใครมาใกล้ “ตอนนี้ท่านโหวว่ามาได้เลย”
ท่านโหวกู้เอ่ยเข้าเรื่องว่า “ภรรยาข้าคลอดที่วัดนี้ ข้าอยากถามว่า คืนนั้นยังมีสตรีรอคลอดคนอื่นคลอดลูกที่วัดนี้เช่นกันใช่หรือไม่”
เจ้าอาวาสตระหนกขึ้น ลางสังหรณ์ร้ายๆ ถาโถมมา “เหตุใดท่านโหวจึงถามเช่นนี้เล่า”
ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเรียบว่า “เจ้าอาวาสไม่ต้องสนใจว่าเหตุใดข้าจึงถามเช่นนี้หรอก แค่ตอบคำถามข้ามาก็พอ มี หรือว่าไม่มี”
เจ้าอาวาสไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง บีบลูกประคำในมือไปมา “…มี”
ท่านโหวกู้ดวงใจเครียดเขม็งขึ้น “เจ้าอาวาสทราบหรือไม่ว่าเด็กคนนั้นยามนี้อยู่ที่ใด”
เจ้าอาวาสส่ายหน้า “ไม่ทราบ โยมคนนั้นมาแค่ครั้งเดียว ไม่ได้บอกชื่อแซ่เอาไว้ คลอดลูกได้ไม่ถึงสองวันก็ลงเขาไปแล้ว เป็นเด็กผู้หญิง”
ท่านโหวกู้ไม่ได้เกินความคาดหมายกับลูกสาว อย่างไรเสียหากไม่ใช่ ก็คงไม่มีทางอุ้มผิด
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถามขึ้นอีกว่า “สตรีออกเรือนนางนั้นดูแล้วเหมือนคนสูงศักดิ์ร่ำรวยหรือไม่”
เจ้าอาวาสส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่เหมือน บนเสื้อผ้านางมีรอยเย็บปะด้วย”
เขาเห็นโยมนางนั้นอยู่ไกลๆ กระทั่งรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายก็ยังเห็นไม่ชัด อาศัยจากความทรงจำอันน้อยนิดว่านางสวมเสื้อผ้าหยาบๆ ไม่ประณีตอย่างยิ่ง
หากจะบอกว่าโยมที่วัดมากมายเพียงนี้ เหตุใดจึงได้จดจำโยมนางนั้นได้ สาเหตุหลักๆ เป็นเพราะนางแบกท้องโตๆ ซ้ำยังขึ้นเขามาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีก
ที่ไม่มีใครคาดคิดเลยก็คือ คล้อยบ่ายฝนเทกระหน่ำ นางกับโหวฮูหยินจึงจำต้องรั้งอยู่ค้างคืนที่วัด
ใครน้ำเดินก่อนก็จำไม่ได้แล้ว อย่างไรเสียโหวฮูหยินก็มีคนปรนนิบัติรับใช้ โยมนางนั้นกลับอยู่ในห้องภาวนาตัวคนเดียว ตอนที่หมอตำแยมาจึงได้พบว่านางก็ใกล้คลอดแล้วเช่นกัน
นั่นเป็นราตรีที่วุ่นวายอย่างยากจะหาใดเปรียบได้คืนหนึ่งเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าอาวาสยังถูกคนหลอกให้ดื่มสุรา…
สุดทานทน รำลึกอดีต เจ้าอาวาสเก็บงำความคิดกลับไป มือสองข้างประกบกันพลางเอ่ยว่า “อมิตาพุทธ”
ท่านโหวกู้เงียบงันไป
เขาเคยคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะไม่ได้ถูกตระกูลขุนนางอย่างพวกเขาอุ้มไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นตระกูลยากจนที่สวมใส่เสื้อผ้าปะชุน
ตระกูลเช่นนั้นจะเลี้ยงเด็กออกมาเป็นเช่นไร เขานั้นไม่กล้าคิด
ดูจิ่นอวี๋ก็รู้แล้ว ถูกเลี้ยงดูอย่างดีอยู่ในจวนโหวเช่นนี้ จะเห็นได้ว่าชาติกำเนิดของคนเราไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ครอบครัวที่เติบโตต่างหากจึงจะสำคัญ
เด็กที่เติบโตมาจากตลาด จากชนบทคนหนึ่ง จะกลายเป็นคุณหนูจวนโหวที่เชิดหน้าชูตาได้จริงๆ น่ะหรือ
ทว่าสถานการณ์ของเด็กคนนั้นก็ค่อนข้างน่าเวทนาอยู่จริงๆ ดีร้ายอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของจวนโหว วันข้างหน้าต่อให้เขาไม่ยอมให้นางกลับมาก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อนางไม่ดี
เขาจะชดเชยแก่นางในส่วนอื่นๆ แน่นอน
หลังจากสนทนากับเจ้าอาวาสเสร็จ ท่านโหวกู้ก็ลุกขึ้นขอตัวลา “เรื่องที่ข้ามาที่วัด ขอเจ้าอาวาสโปรดอย่าได้บอกกับใคร”
เจ้าอาวาสแม้จะไม่รู้ว่าท่านโหวกู้มาสอบถามเรื่องลูกของโยมนางนั้นด้วยเพราะเหตุใด ทว่าก็ยังคงพยักหน้าตอบรับให้
ท่านโหวกู้มุ่งหน้ากลับจวน
ไม่มีม้าช่างเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่งจริงๆ
โดยเฉพาะขาข้างหนึ่งของเขาที่บวมจนกลายเป็นอุ้งเท้าหมูเช่นนี้
กว่าจะลงมาถึงตีนเขาได้ เรี่ยวแรงสุดท้ายของเขาก็ถูกสูบจนเกลี้ยง เขานั่งลงหอบหายใจตรงบันไดขั้นสุดท้าย
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าแสงเหนือศีรษะพลันมืดลง คล้ายมีบางอย่างขนาดใหญ่มาปกคลุมเขาเอาไว้
เขากดกริชตรงบั้นเอว เงยหน้าด้วยความระแวดระวัง พลันเห็นม้าตัวสูงใหญ่กำยำแข็งแรงตัวหนึ่ง
ม้าตัวนี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง…
ช้าก่อน นี่มันมิใช่ม้าตัวนั้นที่วิ่งหนีทิ้งเขาไปหรอกหรือ
บนหลังม้ามีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ ด้านหน้าคนๆ นั้นยังมีหมาป่าวางอยู่หนึ่งตัว
“เป็นเจ้า!” ท่านโหวกู้ตกใจจนลุกพรวดขึ้น!
กู้เจียวขี่ม้าโบราณเป็นครั้งแรก แปลกใหม่อยู่ไม่น้อย รูปร่างเล็กนั่งอยู่บนม้าพันธุ์ดีตัวสูงใหญ่ จู่ๆ ก็ให้ความรู้สึกของราชาโอหังเหนือคนทั้งแผ่นดิน!
นางดึงบังเหียนไว้ในมือ กดตามองต่ำไปยังท่านโหวกู้ พยักหน้าเอ่ยด้วยความจริงจังว่า “อืม ข้าเอง”
ท่านโหวกู้ “…”
ท่านโหวกู้มองท่านั่งของนางด้วยความฉงน “เจ้าเอาม้ามาจากไหน”
กู้เจียวตอบไปตามตรงว่า “เก็บได้น่ะ”
ท่านโหวกู้สีหน้าพลันทะมึนขึ้น ม้าเจ้ายังเก็บมาได้ นี่มันโชคดีอะไรกันหนอ