สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - ตอนที่ 98 พี่สาวน้องชาย
ณ ห้องที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยา แม่นางเหยานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงบุตรชาย จากนั้นเอนตัวนอนลงด้วยความเหนื่อยล้า
กู้เหยี่ยนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความพิรุธสอดส่องไปที่แม่นางเหยา ก่อนจะโบกมือตรงหน้าใบหน้านางเพื่อแน่ใจว่านางหลับแล้วจริงๆ
ตามคาด แม่นางเหยาหลับแล้วจริงๆ เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วค่อยๆ เลื่อนผ้าห่มออกก่อนจะลุกออกจากเตียง
โตมาขนาดนี้แล้ว ผ่านอะไรมาก็ตั้งมากมาย ได้มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ พิลึกพิลันแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่ใช่ย่อย
กู้เหยี่ยนเดินย่องๆ ออกจากห้อง
พอเห็นร่างของแม่นางเหยาขยับเล็กน้อย กู้เหยี่ยนถึงกับตกใจจนหน้าซีด โชคยังดีที่แม่นางเหยาไม่ได้ตื่น จัดท่าอยู่สักพักแล้วหลับต่อ
สาวใช้ที่ปกติจะคอยยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องก็ถูกองครักษ์ลับของเขาลากตัวไปแล้วเรียบร้อย กู้เหยี่ยนจึงเดินออกไปได้สบายๆ
แต่เดินออกไปไม่ทันไร ก็โดนอวี้หย่าร์จับได้เสียก่อน
อวี้หย่าร์ที่กำลังหอบผ้านวมที่เพิ่งเย็บเสร็จใหม่ๆ เมื่อเห็นท่านชายน้อยจึงทำหน้าประหลาดใจ จึงเอ่ยถาม “ท่านชายน้อยจะทำอะไรเจ้าคะ ฮูหยินมีคำสั่งให้ท่านพักผ่อนบนเตียงมิใช่หรือเจ้าคะ ไฉนท่านชายน้อยถึงได้ออกมาข้างนอกโดยที่ยังไม่สวมรองเท้าแบบนี้ล่ะเจ้าคะ”
กู้เหยี่ยนกระแอมในลำคอ “ถ้าข้าบอกว่า ข้าออกมาเดินเล่น เจ้าจะเชื่อหรือไม่”
อวี้หย่าร์ทำหน้าตึง มือข้างหนึ่งกอดผ้านวม ส่วนอีกข้างเท้าสะเอว พลางเอ่ย “อย่าบอกนะว่าท่านชายน้อยคิดจะหนีออกไปอีกแล้ว”
กู้เหยี่ยนกระพริบตาปริบๆ อย่างคนรู้สึกผิด
อวี้หย่าร์จ้องท่านชายน้อยเขม็ง พลางเอ่ยต่อ “ว่าแล้ว! ว่าท่านชายคิดจะหนีออกไป ไม่ได้นะเจ้าคะ! ออกไปไม่ได้!”
กู้เหยี่ยนเริ่มหรี่ตาลง จากนั้นพลันส่งสายตาอาฆาตให้คนตรงหน้า “เชื่อหรือไม่ ว่าข้าจะฆ่าเจ้าเองกับมือ!”
อวี้หย่าร์ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต่อให้ข้าน้อยตาย ข้าน้อยก็ไม่ยอมให้ท่านชายหนีออกไปเด็ดขาดเจ้าค่ะ!”
กู้เหยี่ยนเอามือกุมหน้าผาก นางสาวใช้จอมดื้อรั้น ใจกล้าปากเก่งเสียจริง ท่าทีของนางตอนนั้นที่พูดให้กู้เจียว ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนนี้เลย แล้วนี่นางจะกันเขาแบบนี้จริงๆ หรือ!
หากเป็นกู้เหยี่ยนคนก่อน เขาคงไม่ยอมอ่อนข้อให้แน่นอน แต่วันนี้เขาต้องไปพบกับคนสำคัญ เขาจึงพยายามลดทิฐิลง ศักดิ์ศรีอะไรนั่นช่างมันก่อน!
กู้เหยี่ยนที่ตอนแรกทำหน้าอาฆาต จู่ๆ ก็พลันเปลี่ยนเป็นลูกหมาน้อยซะงั้น!
เขาแสดงสีหน้าที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ จ้องมองเข้าไปที่นัยน์ตาอวี้หย่าร์ด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
ถ้ากู้เหยี่ยนเห่าได้ล่ะก็ มีหวังอวี้หย่าร์ได้นึกว่าเขาเป็นร่างอวตารของเจ้าหมาน้อยแน่นอน
“ท่าน ท่านชายน้อย…เป็นอะไรไปรึเจ้าคะ” อวี้หย่าร์ตามลูกไม้ของท่านชายน้อยไม่ทัน!
กู้เหยี่ยนเม้มปากอย่างคนรู้สึกผิด พลางเอ่ย “ข้าแค่อยากออกมาสูดอากาศข้างนอกครู่หนึ่ง ก็เท่านั้นเอง”
อวี้หย่าร์ตกหลุมพรางของเขาเต็มๆ “คะ คะ ครู่…ครู่หนึ่งจริงๆ นะเจ้าคะ”
กู้เหยี่ยนทำหน้าตาอ้อนวอน “อืม”
อวี้หย่าร์เอามือกุมอกตัวเอง พลางเอ่ย “ถ้าเช่นนั้น…ก็ได้เจ้าค่ะ…ข้าน้อยจะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ”
ให้ตายสิ ไม่ได้การ ถ้าอยู่นานกว่านี้ มีหวังแม่สาวใช้คนนี้คงได้ควักสมองออกมาจากกะโหลกของเขาแน่ๆ !
กู้เหยี่ยนหลอกอวี้หย่าร์ได้สำเร็จ พอเดินออกมาสักพัก เขาก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่กระแทกเข้ามาที่ใบหน้า ริมฝีปากของเขาเริ่มสั่น
เขาเดินออกมาหาองครักษ์ลับตรงสวนดอกไม้ได้สำเร็จ พวกเขาจะพากู้เหยี่ยนออกไป โดยให้กู้เหยี่ยนขึ้นรถม้าที่พวกเขาเตรียมการไว้ให้ เดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชิงเฉวียน!
หวงจงที่รู้ความเคลื่อนไหวของกู้เหยี่ยน ก็รีบบึ่งไปที่หอหลันถิงเพื่อรายงานให้ท่านโหวกู้ได้ทราบ
ท่านโหวกู้ให้เขาออกไปพูดด้านนอก
หวงจงเอ่ย “ท่านชายน้อยแอบหนีออกไปขอรับ! ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปทางเมืองนั้นขอรับ!”
“เมืองใดรึ” ท่านโหวกู้ขมวดคิ้ว
กู้จิ่นอวี้หันไปทางบิดา พลางเอ่ย “ท่านพ่อ หรือน้องเขาจะไปหาท่านพี่”
“เป็นไปได้มากว่าเขาไปหานาง” ท่านโหวกู้รู้ดีว่าตนห้ามอะไรเขาไม่ได้ จึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้วท่านพ่อจะตามเขากลับมาไหม”
ท่านโหวกู้ส่ายหัว “เจ้าก็รู้นิสัยของเขาดี ไม่มีใครห้ามเขาได้หรอก นอกจากแม่ของเจ้า”
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ทั้งจวนกู้เหยี่ยนฟังแม่นางเหยาแค่คนเดียว
ถ้าเขาส่งคนไปจับกุมเขา ผลลัพธ์ที่เกิดคือ คนของเขาอาจโดนองครักษ์ลับของกู้เหยี่ยนเล่นงาน หรือไม่ก็กู้เหยี่ยนเกิดโกรธจนโดนร่างกายตัวเองเล่นงาน
ท่านโหวกู้โบกมือปัด “ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป!”
อย่างไรเสีย นางหนูนั่นไม่มีทางทำร้ายกู้เหยี่ยนอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การไปของเขาอาจทำให้นางใจอ่อน
ความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขาจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จนทำให้กู้เจียวอาจเปลี่ยนใจยอมกลับมาที่จวนแห่งนี้ด้วยก็ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เพราะเขาชอบพออะไรนางหนูคนนั้นหรอก แต่แม่นางเหยากับกู้เหยี่ยนโปรดนางมาก เขาจึงได้แต่ทำใจยอมรับนาง
พอพ้นช่วงเที่ยงวัน ผู้คนและรถราบนถนนเริ่มบางตา รถม้าของกู้เหยี่ยนจึงเดินทางมาถึงหมู่บ้านชิงเฉวียนในเวลาอันสั้น
ช่วงนี้มีแต่รถม้าเข้าๆ ออกๆ หมู่บ้าน จนพวกชาวบ้านเริ่มคุ้นชินกันแล้ว อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงตกตะลึงเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามราวกับหยกก้าวลงจากรถม้า
ด้วยความที่กู้เหยี่ยนเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ที่สะอาด หากเปรียบกับอัญมนีล้ำค่า เขาก็เป็นดั่งหยกขาวใสบริสุทธิ์
ถ้าให้ยกตำแหน่งหนุ่มงามประจำหมู่บ้าน ก็ต้องเป็นเซียวลิ่วหลัง รองลงมาคือกู้ต้าซุ่น แต่เมื่อเทียบกันแล้ว กู้ต้าซุ่นยังห่างเซียวลิ่วหลังอยู่อีกเยอะ ส่วนพ่อหนุ่มที่ลงมาจากรถม้าคนนี้ ดูดีๆ ก็พอจะสูสีกับเซียวลิ่วหลังได้เลย
ชาวบ้านต่างพากันจ้องมองเขาตาเป็นมัน
“นี่ นี่ …ท่านชายจากที่ไหนกันมาเยือนหมู่บ้านพวกเรา แล้วมาหาใครล่ะ”
“ยังมีหน้ามาถาม คิดเรอะว่าเขาจะมาหาคนอย่างพวกเรา แน่นอนว่าต้องมาหาเซียวลิ่วหลังกับกู้เจียวอยู่แล้ว!”
พวกชาวบ้านที่กำลังตักน้ำอยู่ตรงปากทางหมู่บ้านต่างพากันพูดคุยซุบซิบนินทากันใหญ่
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนใหญ่คนโตมักจะมีธุระหาพวกตระกูลกู้ แต่ภายหลัง นายใหญ่กู้ไม่ได้เป็นนายอากรแล้ว แม่นางอู๋บอกว่าเขาอายุเยอะแล้ว ไม่มีแรงวิ่งเรื่องให้คนในหมู่บ้านได้แล้ว ก็เลยลาออกมา
แต่มีข่าวลือในหมู่บ้านว่าเป็นเพราะพวกเขาทำให้คนอื่นขุ่นเคือง ก็เลยโดนเล่นงาน
พวกเขาเดาว่าเป็นเพราะพวกตระกูลกู้อิจฉาเซียวลิ่วหลังที่สอบได้คะแนนดีกว่าลูกของตัวเอง นายอำเภอจึงให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ จะสั่งสอนพวกตระกูลกู้เสียหน่อยคงไม่แปลก!
เรือนกู้เจียวกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง อีกทั้งได้สร้างห้องใหม่เพิ่มขึ้นสองห้อง เพิ่งจะทำเสร็จเมื่อเช้านี้ กู้เจียวและคนงานต่างช่วยกันขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน
หลังจากกู้เจียวขนย้ายตู้เสื้อผ้าเสร็จ สักพัก ก็รู้ได้ว่ามีใครบางคนเข้ามาจากทางด้านหลัง
ใครคนนั้นที่ว่า ใช้มือแตะที่หัวไหล่นาง
กู้เจียวสังเกตเห็นเงาของรถแม่นางเหยา นางไม่ต้องคอยวางตัวเหมือนแต่ก่อน จากนั้นหันไปทางด้านหลังช้าๆ ก็พบกับกู้เหยี่ยนที่กำลังจะสะกิดหัวไหล่นางรอบที่สอง
กู้เหยี่ยนคาดไม่ถึงว่ากู้เจียวจะหันมาเร็วขนาดนี้ เลยอึ้งไปสักัพก
ท่าทีอ้ำอึ้งของเขาช่างเหมือนกับเจ้าหมาน้อยตัวนั้นเสียจริง
กู้เจียวฉีกยิ้มให้ พลางเอ่ย “เจ้ามาแล้วรึ”
กู้เหยี่ยนยิ้มตอบ “อือ ข้ามาหาเจ้าน่ะ”
กู้เจียวสังเกตเห็นร่างของกู้เหยี่ยนเต็มไปด้วยเหงื่อ พลางนึกในใจ คงรีบเดินทางมาสินะ จึงผายมือไปที่เก้าอี้ “นั่งก่อนสิ”
กู้เหยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้
“ข้า…รู้เรื่องหมดแล้ว” เขาเอ่ยขึ้น มือไม้เริ่มวางไม่ถูก “เจ้าเป็นพี่สาวของข้า”
“อ่อ” กู้เจียวไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจแต่อย่างใด นางเม้มปากทีสองที ก่อนเอ่ย “เดี๋ยวข้าไปรินชาให้นะ”
กู้เจียวเดินเข้าไปในห้องครัว กู้เหยี่ยนเดินตามนางเข้าไป เขาปราดมองไปรอบๆ ห้องครัว คนที่โตมาบนกองเงินกองทองเช่นเขา ไม่เคยได้พบเจอกับห้องเก่าโทรม คับแคบแบบนี้มาก่อน แม้แต่ห้องเก็บฟืนที่จวนยังจะดูใหญ่กว่าห้องนี้ตั้งหลายเท่า
ความตื่นเต้นดีใจที่ได้มาเจอพี่สาวเริ่มลดลง พลันเปลี่ยนเป็นความปวดใจแทน
และเขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
ความผูกพันที่เกิดขึ้นจากกาที่พวกเขาเป็นพี่น้องฝาแฝด นั่นยิ่งทำให้กู้เหยี่ยนมีความรู้สึกอ่อนไหวมากกว่าคนอื่น
พอกู้เจียวเดินเข้ามาพร้อมกับกาน้ำชา กู้เหยี่ยนก็พุ่งเข้าไปกอดที่เอวของกู้เจียว แนบหน้าของเขาลงไปบริเวณท้องของนาง
พอเขาอายุสามขวบ ก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับแม่นางเหยาแบบที่เขาทำอยู่ตอนนี้อีกเลย
เวลานี้ เขารู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจยิ่งนัก
ชาติก่อนของกู้เจียว เวลาได้รับมอบหมายงาน นางจะต้องคอยระแวดระวังและสังเกตผู้คนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งบางครั้งก็ต้องใช้เวลา แต่พอนางมาอยู่ที่โลกนี้ ก็ได้พบกับคนที่ไม่ต้องคอยลุ้นคอยสังเกต ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาโดยปริยาย
นี่สินะ สายสัมพันธ์ของแฝดพี่น้อง
เขากำลังปวดใจเพราะตนอยู่
กู้เจียววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ลูบหัวของเขาเบาๆ “ข้าสบายดีน่า”
“อืม” กู้เหยี่ยนยังคงหลบหน้าด้วยการซบนาง
เริ่มมีน้ำตาไหลออกมาทางหางตาของกู้เจียว
นางค่อยๆ ใช้นิ้วชี้ปาดน้ำตาออก พลางเอ่ยกับกู้เหยี่ยน “เอ๋ เจ้าร้องไห้รึ”
“ข้าเปล่าซักหน่อย” กู้เหยี่ยนเอ่ยตอบเสียงสะอื้น
กู้เจียวเอามือลูบหัวเขา แล้วให้เขาดูคราบน้ำตาที่อยู่บนนิ้วของตัวเอง “เจ้าร้องไห้นี่นา”
สายตาของนางก็กำลังร้องไห้ไปกับเขา
ไม่น่าเชื่อว่าคนเป็นแฝดจะสามารถร้องไห้แทนแฝดอีกคนได้
กู้เหยี่ยนไม่อยากยอมรับว่าตัวเองกำลังร้องไห้ขี้มูกโป่ง เอามือปาดน้ำตาเสร็จก็เงยหน้าขึ้น ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าหิวแล้ว”
กู้เจียวจึงตอบ “เดี๋ยวข้าทำอาหารให้กิน”
กู้เหยี่ยนถามต่อ “ข้าขอดูหน่อยได้ไหม”
เขาหมายถึงเรือนของกู้เจียว
“อือ” กู้เจียวพยักหน้า พลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบชี้ไปทางห้องของหญิงชรา “นางกำลังหลับอยู่ อย่าทำเสียงดังก็พอ”
กู้เหยี่ยนค่อยๆ เดินวนสำรวจในเรือน แม้ที่แห่งนี้จะดูไม่เหมือนเรือนเสียทีเดียว แต่ก็เป็นเรือนที่มีทางเข้าออกเพียงทาเดียว พอเดินเข้ามาก็เจอกับห้องโถงโล่งโปร่งมีแสงเข้า ส่วนอีกสองฝั่งของเรือนแบ่งเป็นห้องทิศตะวันออก และห้องทิศตะวันตก รวมถึงห้องเล็กๆ ของหญิงชราตรงฝั่งตะวันออก
เดินทะลุห้องโถงไปก็จะเป็นลานหลังเรือน ทิศเหนือเป็นที่ตั้งของห้องครัวและห้องฟืน ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นห้องใหม่ที่เพิ่งทำขึ้น ส่วนด้านทิศตะวันตกจะเป็นบริเวณเลี้ยงไก่และแปลงผักของจิ้งคง
“ห้องนี้ไม่มีคนพักหรือ” กู้เหยี่ยนเอ่ยถามพลางชี้ไปทางห้องที่ตั้งอยู่ตรงทิศตะวันออก
กู้เจียวที่กำลังเก็บผักอยู่เอ่ยขึ้น “นั่นเป็นห้องของเสี่ยวซุ่น เพิ่งทำใหม่น่ะ ตอนนี้เขาพักอยู่ที่หอพักสำนักบัณฑิต เดี๋ยวปิดภาคเรียนก็คงจะกลับมา”
“ลูกชายตระกูลกู้คนนั้นใช่ไหม” กู้เหยี่ยนเอ่ยถามด้วยความรู้สึกอิจฉา
กู้เหยี่ยนได้ยินชื่อเสียของตระกูลกู้มาอยู่บ้าง ก็มีแต่กู้เสี่ยวซุ่นที่สนิทกับกู้เจียว
“ใช่ เขานั่นแหละ” กู้เจียวเอ่ยพยักหน้า
“แล้วนี่ล่ะ” กู้เหยี่ยนชี้ไปทางเล้าไก่ที่ทำขึ้นมาใหม่ ดูเหมือนจะใหญ่กว่าบ้านหมาของเขาเสียอีก!
กู้เจียวตอบ “เล้าไก่ของจิ้งคงน่ะ เขาเลี้ยงไก่อยู่ไม่กี่ตัว ตอนนี้ออกไปเรียนหนังสือแล้ว เดี๋ยวตอนเย็นก็คงกลับมา”
กู้เหยี่ยนรู้เรื่องที่นางไปรับเณรน้อยจากวัดบนเขามาดูแล
กู้เหยี่ยนรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เลยเกิดคำถามขึ้นมา ใครกันแน่ที่เป็นน้องชายแท้ๆ ของนาง
กู้เจียวนิ่งไปสักพัก แล้วเอ่ยขึ้น “เจ้า…อยากมานอนที่นี่ไหม ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะยกห้องของเสี่ยวซุ่น…”
นี่นางจะให้เขานอนในห้องกู้เสี่ยวซุ่นเนี่ยนะ
กู้เหยี่ยนเริ่มทำหน้าโกรธและรังเกียจ พ่นลมหายใจ พลางเอ่ย “ข้าไม่นอนในห้องแบบนี้หรอก!”
กู้เจียวทำหน้าเสียดาย “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”
กู้เหยี่ยนทำท่ากระฟัดกระเฟียดพลางชี้ไปทางห้องที่อยู่ข้างๆ ห้องของกู้เสี่ยวซุ่น “แล้วห้องนั้นล่ะ เป็นห้องของน้องชายคนไหนของเจ้าอีกล่ะ”
“นั่นน่ะ ห้องของน้องชายแท้ๆ ไง” กู้เจียวเอ่ย
“น้องชายแท้ๆ หะ! เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าว่าไงนะ น้อง น้องชายแท้ๆ รึ” กู้เหยี่ยนเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “ห้องของข้ารึ”
ก็ไหนเมื่อกี้ยังให้เขานอนห้องของกู้เสี่ยวซุ่นอยู่เลย แล้วนี่จะให้เขามานอนที่ห้องข้างๆ เนี่ยนะ
“อือ” กู้เจียวพยักหน้า “แต่ถ้าเจ้าไม่อยากก็…”
“อยากสิ อยากสิ อยากสิ อยาก อยาก อยาก”
กู้เจียวยังไม่ทันจะเอ่ยจบกู้เหยี่ยนก็โพล่งรัวออกมาว่าอยากได้ห้องนี้ จากนั้นก็รีบเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปังและลงกลอนในทันใด!
ไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ห้ามลากเขาออกมาจากห้องนี้เด็ดขาด!
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะอาศัยและเติบโตอยู่ที่นี่!!!