สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 102 ฝัน
ผู้ดูแลโจวอธิบายต่อ “เมื่อคืนข้าลองกลับไปนอนคิด แล้วตกตะกอนได้ว่า ข้อเสนอที่ให้ศิษย์น้องเซียวลิ่วหลังอาจดูเยอะเกินไป โบราณกล่าวไว้ คนเป็นครูสอนได้ แต่สุดท้าย ขึ้นอยู่กับนักเรียน ท่านชายหกจะสอบได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเขา แต่ที่พวกเราต้องการให้เขามาสอนนั้นคือความตั้งใจจริงนะขอรับ! นายท่านเองก็บอกไว้ ว่าขอแค่ศิษย์น้องเซียวมาที่หัวเมือง เขาจะจัดการทุกอย่างให้!”
“เช่นนั้นก็แปลว่า หากสอบไม่ติดขึ้นมา พวกท่านจะไม่ถือโทษพวกเราใช่หรือไม่” กู้เจียวเอ่ยถาม
“ไม่ถือโทษขอรับ!” ผู้ดูแลโจวรีบตอบ
“แล้วเรื่องเงินละ”
“ให้อยู่แล้วขอรับ! ขอแค่เดินทางไปที่หัวเมือง! ไม่คืนคำแน่นอนขอรับ!”
“ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกสามีข้าเลยจะดีกว่า”
ผู้ดูแลโจวทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก พลางเอ่ย “เหตุใดจะไม่เคยไปเล่าขอรับ ก็ไปหามาแล้ว แต่ศิษย์น้องเซียวไม่ยอมให้พวกเราเข้าพบเลย! เลยอยากจะขอความช่วยเหลือจากแม่นางเซียว เงินพวกนี้ท่านเอาไปได้เลย จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จอย่างไร ท่านเอาไปได้เลยขอรับ”
กู้เจียวยื่นมือรับกล่องเงินมา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องเงินข้าไม่สนหรอก แค่เป็นธุระให้เจ้าเท่านั้น”
ผู้ดูแลโจวถึงกับพูดไม่ออก “…”
บอกว่าเขาติดสินบนมาตรงๆ เช่นนั้นก็ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลโจวรู้สึกขอบคุณนาง กู้เจียวย้ำกับเขาอีกครั้งว่านางทำหน้าที่แค่ส่งสารให้เท่านั้น
ผู้ดูแลโจวยิ้มหน้าบาน “แน่นอนขอรับ! แน่นอนอยู่แล้ว!”
กู้เจียวและเสี่ยวจิ้งคงกลับเรือนพร้อมกับกล่องเงิน
กู้เจียวนับดูแล้ว ในนั้นมีเงินทั้งหมดห้าร้อยตำลึง
เงินไม่น้อยเลยนะเนี่ย
พอเซียวลิ่วหลังเลิกเรียนกลับมาที่เรือน กู้เจียวก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างละเอียด และไม่มีการใส่ไข่ใส่สีใดๆ ทั้งสิ้น เซียวลิ่วหลังพอฟังจบก็เลิกคิ้ว เขามิอาจถือโทษโกรงเคืองที่นางไปพูดคุยกับผู้ดูแลโจว แต่เขาไม่พอใจที่พวกเขาไม่ยอมเลิกตามราวีง่ จนถึงขั้นบุกมาถึงเรือนของเขา
“วันหลังถ้ามีใครมาหาถึงที่ อย่าออกไปเด็ดขาด ครั้งนี้เป็นผู้ดูแลโจวยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าวันข้างหน้า…”
กู้เจียวมองเขา ทำหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม “ดูเหมือนเจ้ากำลังกังวลอยู่นะ หรือว่าจะมีคนมาตามหาเจ้าอีก”
เมื่อได้ยินดังนั้น เซียวลิ่วหลังถึงกับชะงักงันจนพูดไม่ออก สักพัก พอได้สติ ก็รีบเอ่ย “ข้าก็แค่อยากให้เจ้าระวังตัวน่ะ”
“รู้แล้วน่า” กู้เจียวยิ้มให้เขา พลางมองไปที่กล่องเงินที่เพิ่งได้มา “แล้วเจ้าว่าอย่างไร”
เซียวลิ่วหลังรู้เรื่องตระกูลหลินดี เหมือนกับที่ผู้ดูแลโจวเคยเล่าไว้ หากพวกเขาไม่มีลูกหลานในตระกูลที่เข้าทำงานในราชสำนักได้ ต่อไปอีกประมาณสามสิบปีข้างหน้า ตระกูลหลินคงถึงคราววิกฤติจริงๆ
แม้พวกเขาจะใช้เงินซื้อได้ แต่ก็เท่านั้น นอกจากตำแหน่งที่ได้จะไม่ใหญ่พอแล้ว ซ้ำคงไม่มีใครกล้าซื้อขายกับพวกตระกูลหลินแน่นอน ดังนั้น การสอบขุนนางเคอจวี่จึงเป็นหนทางรอดอันเดียวของตระกูล
และเพื่อการนี้ เขายังได้ยินมาว่านายใหญ่หลินยอมผลิตลูกหลานมากมายจนตัวเองแทบจะกลายเป็นหมูพ่อพันธุ์ไปแล้ว
เซียวลิ่วหลังหันไปหากู้เจียว แล้วเอ่ยตอบ “ไปที่นั่นคงไม่เสียหายอะไร ขอแค่ไม่กดดันกับผลลัพธ์มากเกินไปก็พอ”
กู้เจียวเองก็คิดเช่นนั้น ว่าไปแล้ว เงินรางวัลที่ได้มาก็เยอะใช่เล่น ตั้งสองพันสองร้อยตำลึงเชียว
อีกทั้งการเดินทางไปยังหัวเมืองต้องใช้เวลานานพอสมควร ต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้าเป็นเดือน ไปถึงที่นั่นใช่ว่าจะหาที่พักดีๆ ได้ง่ายๆ
ถ้าได้พักที่จวนหลินคงจะสะดวกสบายไม่น้อย
กู้เจียวถามเขา “ถ้าทำเช่นนี้ จะเป็นการรบกวนการเรียนของเจ้าไหม”
“ไม่หรอก” เซียวลิ่วหลังตอบ
กู้เจียวจำคำพูดของเจ้าสำนักได้ว่า เซียวลิ่วหลังเป็นคนฉลาด เสียก็แค่ไม่ยอมเข้าไปสอบในเมืองหลวง ให้เขาเดินทางไปเรื่อยๆ อาจเป็นทางเลือกที่ดี
“เช่นนั้นก็ว่าตามนี้” กู้เจียวพยักหน้า
“อืม”
กู้เจียวยังนึกอยู่เลยว่าให้เขาไปที่นั่นคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในคืนนั้นเอง กู้เจียวเกิดฝันประหลาดขึ้นอีกครั้ง
นางฝันว่าเซียวลิ่วหลังตอบตกลงผู้ดูแลโจว เขาจึงเดินทางไปยังหัวเมืองภายใต้ความดูแลของตระกูลหลิน
พวกตระกูลหลินตั้งใจเชิญให้เขาไปเป็นครูจริงๆ อย่างไรก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด แต่ทันใดนั้น ฟ้าฝนกลับไม่เป็นใจ พวกเขาเดินทางไปได้แค่ครึ่งทาง ก็เจอกับพายุฝนครั้งใหญ่ในรอบสิบปี
เซียวลิ่วหลังหยุดพักอยู่ที่จุดพักม้า จู่ๆ เกิดน้ำท่วมขึ้น กลุ่มคนที่เดินทางมากับเขาถูกกระแสน้ำพัดพาไป เซียวลิ่วหลังเองก็ด้วย เขาคว้าท่อนไม้แล้วลอยคออยู่อย่างนั้น แม้จะเอาชีวิตรอดได้ แต่ดันป่วยหนักเป็นไข้ ผู้ดูแลโจวและคนของตระกูลหลินมาเจอเขาแล้วพาเขาไปยังจวนหลินด้วยสภาพปางตาย
โชคยังดีที่พวกเขาเดินทางล่วงหน้าสองเดือนก่อนวันสอบ แม้จะเกิดเรื่องจนผิดแผน แต่เขายังมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการติวหนังสือให้ท่านชายหก
ช่วงที่เซียวลิ่วหลังอยู่ในจวนหลิน เขาทั้งรักษาไข้ ทั้งติวหนังสือให้ท่านชายหลินหก
ท่านชายหกแห่งตระกูลหลินเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ แม้จะกล่าวไม่ได้เต็มปากว่าเขาหัวไว แต่นับว่าเป็นคนขยันหมั่นเพียรคนหนึ่ง พวกเขาจึงค่อนข้างเข้ากันได้ดี
ช่วงก่อนถึงวันสอบ มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น หลานสาวของฮูหยินหลินมาเข้าพักที่จวนพอดี
หลานสาวคนนั้นเกิดชอบพอเซียวลิ่วหลัง
ขนาดเขาขาเป๋ขนาดนั้นก็ยังมีคนมาตกหลุ่มรักเขาได้ นับว่าเสน่ห์แรงใช่เล่น
แต่ด้วยความที่นางยังต้องห่วงภาพลักษณ์ของตนเอง เลยมิอาจแสดงออกนอกหน้า และบังเอิญว่าช่วงนั้นท่านชายหกเกิดเป็นหวัดพอดี
หลานสาวคนนั้นจึงคิดแผนอะไรบางอย่างออก เลยบอกกับฮูหยินหลินว่า “ในเมื่อสภาพท่านพี่เป็นเช่นนี้ มีหวังได้หมดสิทธิ์สอบแน่ ข้าว่าให้เซียวลิ่วหลังไปสอบแทนเขาดีกว่า ให้เขาเขียนชื่อของท่านพี่ โอกาสที่ท่านพี่จะสอบติดก็ยิ่งมีมากขึ้นหลายเท่า”
หลานสาวยังบอกอีกว่า เพื่อแสดงความขอบคุณ นางยอมออกเรือนกับเซียวลิ่วหลัง
ฮูหยินหลินอาบน้ำร้อนมาก่อน ไม่มีเรื่องอะไรที่นางมองไม่ทะลุ เพียงแต่ว่าครั้งนี้ หลานสาวเอ่ยตรงกับสิ่งที่นางคิดไว้พอดี
แม้ท่านชายหกจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง แต่การสอบครั้งนี้มีชื่อตระกูลเป็นเดิมพัน นางจึงตกลงกับหลานสาว
เซียวลิ่วหลังปฏิเสธเสียงแข็ง แถมยังด่าพวกเขาจนยับเยิน
ฮูหยินหลินก็แค่อยากรู้ว่าจะทำได้หรือไม่ได้เท่านั้น นางเลยไม่ติดใจอะไร
แต่หลานสาวคนนั้นกลับทำตัวราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ นางจึงวางยาเซียวลิ่วหลัง!
หากว่ากันตามเนื้อผ้า หลานสาวคนนั้นจัดว่าหน้าตาสะสวยไม่น้อย แต่สุดท้าย เซียวลิ่วหลังก็แข็งใจจนเอาชนะฤทธิ์ของยาเสียสาวได้
แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เขากลับล้มป่วยหนักกว่าเดิม
กู้เจียวตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกเดือดดาล!
นางหลานสาวบ้าบออะไรนั่น ริอาจเอาความคิดสกปรกๆ ยัดเยียดให้เขาอย่างนั้นรึ แถมยังกล้าใช้วิธีต่ำทรามทำร้ายเขารวมถึงอนาคตข้างหน้าของเขา!
และแน่นอนว่าไม่ได้มีเขาแค่คนเดียวที่จะเดือดร้อนจากเหตุการณ์นั้น!
อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด!
จวนหลินอะไรนั่นชักจะไม่น่าไปแล้วสิ
หลานสาวของตระกูหลินที่ว่าเป็นแขกประจำจวนอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้เจอกับนางเข้าให้อยู่ดี
ฟ้าเริ่มสาง กู้เหยี่ยนกับหญิงชรายังคงนอนหลับอยู่ในห้องของตัวเอง คนที่เหลือกำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ในห้องโถง
เสี่ยวจิ้งคงกินข้าวหมดก่อน จากนั้นเข้าไปในห้องแล้วจัดกระเป๋าหนังสือของตน
กู้เจียวกินข้าวต้มเสร็จ ก็เกิดลังเลว่าจะเริ่มบอกเขาอย่างไรดี
เซียวลิ่วหลังตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมสัมภาระสำหรับเดินทาง กู้เจียวมองดูกระเป๋าสองใบใหญ่ที่เขาเตรียมไว้ พลางทำหน้าลังเล
“คือว่า…” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องตระกูลหลิน ข้าไปคิดๆ ดูแล้ว ข้าว่าเจ้าควรพิจารณาเสียใหม่นะ”
“ทำไมรึ” เซียวลิ่วหลังมองนางด้วยสายตางุนงง
กู้เจียวเอ่ยอย่างจริงจัง “เจ้าไปนานขนาดนั้น ใครจะช่วยดูเรือนล่ะ”
“เรือนพวกเราก็ไม่ได้ทำนาทำไร่สักหน่อย เหตุใดต้องช่วยดูด้วยล่ะ” เซียวลิ่วหลังเกิดชะงักงัน
กู้เจียวยังคงเอ่ยต่อ “ไม่ได้ทำนาทำไร่ก็จริง แต่เรือนของพวกเรามีเด็กเล็ก มีคนแก่ ข้าคนเดียวไม่ไหวหรอก! แถมข้ายังต้องออกไปขึ้นเขาด้วย!”
เซียวลิ่วหลังเริ่มสับสน ปกติเขาก็ไม่ได้ช่วยงานบ้านอะไรอยู่แล้ว หลักๆ ก็เพราะนางแย่งงานเขาทำไปหมดทุกอย่าง กล่าวคือ นางคงสบายกว่านี้ถ้าเขาไม่อยู่ที่เรือน…
“ข้ารบกวนเซวียหนิงเซียงไปตลอดไม่ไหวหรอก!
“เช่นนั้น…จ้างสาวใช้มาช่วย”
บัดนี้พวกเขาสามารถจ้างสาวใช้มาช่วยงานบ้านได้แล้ว เขาเป็นผู้ชาย ถ้าเขาอยู่ด้วย สาวใช้คงทำงานไม่สะดวก ถ้าเขาไม่อยู่ที่เรือน ทุกอย่างน่าจะราบรื่นมากขึ้น
กู้เจียวแย้ง “แต่ข้าไม่ชินที่ให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้านนี่นา”
เหตุผลพวกนี้รั้งเขาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งเมื่อวานที่นางทำท่าสนับสนุนให้เขาไปที่หลินจวนอีก
กู้เจียวพอเข้าใจ ก็เลยเตรียมคำพูดอีกชุดนึงไว้แล้ว “กู้เหยี่ยนเล่าให้ข้าฟังว่าตระกูลหลินมีลูกสาวที่สวยมากหน้าหลายตา ใครจะไปรู้ว่าเจ้าจะไปที่นั่นและสร้างปัญหาให้ข้าโดยการพาหญิงสาวกลับมาที่เรือน”
กู้เหยี่ยนเป็นถึงคุณชายของจวนโหว จึงรู้ข่าวคราวก่อนใครเพื่อน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเคยได้ยินเรื่องของตระกูลหลินมาก่อน
และแน่นอนว่าเซียวลิ่วหลังคงไม่ไปสืบถามจากกู้เหยี่ยนอยู่แล้วว่าได้ยัดเยียดความคิดอันแสนประหลาดให้พี่สาวตนเองอยู่หรือไม่
“แปลว่าเจ้าหึงข้าสินะ” เซียวลิ่วหลังมองหน้ากู้เจียว
กู้เจียวนึกในใจ ตอบปฏิเสธไปได้ไหมเนี่ย
เซียวลิ่วหลังตักโจ๊กใส่ถ้วย พลางตอบ “เอาละ ข้าไม่ไปแล้ว”
เดี๋ยวก่อนนะ ง่ายๆ อย่างนี้เลยรึ
กู้เจียวเปรยตามองเขา “ข้าก็แค่พูดขึ้นมาเฉยๆ การตัดสินใจทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า…เงินสองพันสองร้อยนั่น เจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดที่จะทิ้งมันไปรึ”
“คนที่เจ็บปวดดูเหมือนจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า” เซียวลิ่วหลังเอ่ย
“ชัดขนาดนั้นเลยรึ”
สักพักนางเอ่ยต่อ “ที่จริงเรื่องเงินข้าไม่สนใจหรอก ก็แค่มีใจอยากช่วยเหลือคนก็เท่านั้น ช่างเถอะ พูดไปก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี”
ในเมื่อตัดสินใจไม่ไปแล้ว เลยตัดสินใจว่าจะไม่รับเงินนี้
เซียวลิ่วหลังเหลือบมองนางแวบนึง หึ ทำเป็นนิ่งไม่สนใจ หารู้ไม่ว่ามุมปากเจ้าน่ะยกขึ้นจนแทบจะถึงลูกตาอยู่แล้ว
เซียวลิ่วหลังกับจิ้งคงเดินทางเข้าเมือง เขาส่งจิ้งคงเข้าโรงเรียนก่อน แล้วค่อยเข้าเรียนที่สำนักบัณฑิต
ผู้ดูแลโจวมาดักราเขาอยู่นานแล้ว
พอเห็นเซียวลิ่วหลัง เขาก็รีบทำหน้ายิ้มแย้มต้อนรับ “เป็นอย่างไรบ้าง ตัดสินใจได้หรือยังขอรับ”
เซียวลิ่วหลังเอ่ยเสียงเบา “ข้าสอนท่านชายหลินให้ได้ แต่มีข้อแม้อยู่อย่าง”
ผู้ดูแลได้ยินดังนั้นก็เกิดดีใจจนออกนอกหน้า “อย่าว่าแต่ข้อเดียวเลย ขอมาสิบข้อก็ยังได้ขอรับ!”
“ข้าจะไม่เดินทางไปหัวเมือง หากเขาตั้งใจอยากจะมาเรียนกับข้าจริงๆ ให้เขามาที่นี่ ข้าจะจัดแจงให้เขาเรียนห้องเดียวกันโต๊ะเดียวกันกับข้าเอง”
ผู้ดูแลโจวตกตะลึงจนอ้าปากค้า “อ่า…คือว่า…ข้าต้องเพิ่มเงินให้ท่านอีกเท่าไหร่หรือ”
“เพิ่มเงินข้าก็ไม่สนใจ ถ้าเขามา ข้าจะสอนให้ แต่ถ้าเขาไม่ยอมมา พวกเจ้าก็ไปหาอาจารย์ท่านอื่นช่วยสอนเถิด”