สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 111.2 ตบหน้า (2)
กู้จิ่นอวี้หลบตาลง “ท่านพี่กับคุณหนูจวงพูดจาเข้าใจผิดกันเล็กน้อย…อันที่จริงต้องโทษข้าเองที่พูดไม่ชัดเจน เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ท่านพ่ออย่าได้ถือโทษท่านพี่เลยเจ้าค่ะ”
ท่านโหวกู้โมโหจนแทบลมจับ “หากพูดเช่นนั้นก็แปลว่านางเป็นคนตบจริงๆ หรือ”
บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว นางหนูนี่สามหาวนัก ทุบตีพ่อก็แล้วไป แต่แม้กระทั่งน้องสาวกับน้องสาวของจิ้นอ๋องก็ยังลงไม้ลงมือด้วย นางคิดว่าตัวเองมีกี่หัวกัน
นางไม่กลัวว่าคนทั้งจวนโหวจะต้องลงหลุมไปพร้อมกับนางหรืออย่างไร!
ท่าวโหวกู้ยกมือขึ้นคำนับ “จวิ้นอ๋อง…”
ทว่าท่านอ๋องกลับหันไปมองกู้จิ่นอวี้ “พูดจาเข้าใจผิดกันเรื่องใด”
กู้จิ่นอวี้ก้มหน้าก้มตาเอ่ย “ข้าบอกว่านี่คือพี่สาวของข้า ไม่ได้พูดให้ชัดเจน จนคุณหนูจวงเข้าใจผิดว่าท่านพี่เป็นลูกสาวนอกสมรสของท่านพ่อ”
คุณหนูจวงถลึงตามองกู้เจียวด้วยความโกรธ “เข้าใจผิดอะไรกัน แล้วนางไม่ใช่เช่นนั้นหรืออย่างไร”
ท่านโหวกู้กัดฟันกรอด ยกมือคำนับอันจวิ้นอ๋อง “นางคือเลือดเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงของข้ากับภรรยาพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาน่าสงสัยของอันจวิ้นอ๋องทอดมองไปบนร่างของกู้จิ่นอวี้ กู้จิ่นอวี้รู้สึกเหมือนมีชนักติดหลัง แต่อันจวิ้นอ๋องกลับมิได้ถามซักไซ้
ทว่าเป็นคุณหนูจวงเองที่อดปากออกมาไม่ได้ “หากนางเป็นลูกแท้ๆ แล้วนางเล่า”
คนแรกที่นางพูดถึงคือกู้เจียว คนที่สองนั้นหมายถึงกู้จิ่นอวี้
กู้จิ่นอวี้กำหมัดแน่น
เหงื่อเย็นผุดซึมไปทั่วกายท่านโหวกู้ ก่อนจะเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “จิ่นอวี้…จิ่นอวี้ก็เป็นลูกสาวของข้ากับภรรยา”
คุณหนูจวงเอ่ยถาม “เช่นนั้นมิใช่แฝดชายหญิง แต่เป็นแฝดสามอย่างนั้นหรือ”
ท่านโหวกู้อยากบอกว่าไม่ใช่ พอเหลียวมองไปก็เห็นกู้จิ่นอวี้ขอบตาแดงก่ำ สีหน้าแสนน่าสงสารนั้นพาให้เขาใจอ่อนยวบในทันใด
เขาไม่พูดไม่จา คุณหนูจวงจึงคิดไปเองว่าตนนั้นเดาถูก
คุณหนูจวงมองกู้จิ่นอวี้อย่างเย็นชา “พี่สาวของเจ้าแท้ๆ เหตุใดเจ้าไม่พูดให้ชัดเจน!”
กู้จิ่นอวี้เอ่ยเพียงพึมพำ “ข้าอยากจะพูด แต่คุณหนูจวงไม่เปิดโอกาสให้ข้า…”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ย “เพราะเข้าใจผิดว่านางเป็นลูกสาวนอกสมรส น้องสาวข้าจึงพูดจาหยาบคายกับนางอย่างนั้นหรือ”
กู้จิ่นอวี้เอ่ยอย่างรู้สึกผิด “แล้วก็…คุณหนูจวงคิดว่าข้าถูกท่านพี่รังแก จึงทวงความยุติธรรมแทนข้า เลยด่าทอท่านพี่ไปบ้าง”
อันจวิ้นอ๋องหันไปทางคุณหนูจวง “เจ้าพูดอะไรออกไปบ้าง”
แววตาของคุณหนูจวงสั่นไหว “ข้า…ไม่ได้พูดอะไร…พูดแค่ไม่กี่คำ…”
“คำว่าอะไรบ้าง” อันจวิ้นอ๋องถามเสียงจริงจัง
คุณหนูจวงเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม “ก็ลูกนอกสมรสอะไรทำนองนั้น”
อันจวิ้นอ๋องหันไปมองผู้คนที่รายล้อม พลางชี้ไปที่ชาวบ้านคนหนึ่ง “ไหนเจ้าว่ามาซิ”
คนผู้นั้นถูกองครักษ์ของอันจวิ๋นอ๋องพาตัวมาข้างหน้า สีหน้าตื่นกลัว เมื่อครู่เขาได้ยินขุนนางเฒ่าผู้นั้นเรียกเขาว่าจวิ้นอ๋อง คนคือจวิ้นอ๋องที่มาจากเมืองหลวงผู้นั้น!
“นางพูดว่าอะไรบ้าง” อันจวิ้นอ๋องหันไปมองชาวบ้านคนนั้น ก่อนสายตาจะเบนไปทางน้องสาวของตน
คนผู้นั้นไม่กล้าปริปาก
“ข้าจะไม่ลงโทษทัณฑ์ใดกับเจ้า” อันจวิ้นอ๋องเอ่ยไม่ช้าไม่เร็ว
คนผู้นั้นมองไปทางคุณหนูจวง คุณหนูจวงใช้สายตาข่มขู่เขา แม้น้ำเสียงของอันจิ้นอ๋องจะฟังดูนุ่มนาว แต่อันจวิ้นอ๋องกลับดูอันตรายยิ่งกว่าคุณหนูจวงอย่างน่าประหลาด
เขายอมปริปากทั้งที่หวาดกลัว “นาง…นางด่าแม่นางผู้นั้นว่าเป็นลูกนอกสมรส…เป็นพวกไม่เอาไหน…ด่าแม่แท้ๆ ของแม่นางผู้นั้นว่าแพศยา…แล้ว…แล้วก็ด่าอีกคนหนึ่งว่า…ว่า ‘ติ้งอันโหวมีลูกชายขี้โรคใกล้ตายอยู่คนหนึ่ง เจ้าคงไม่ใช่เจ้าขี้โรคคนนั้นหรอกกระมัง’ ”
อีกคนหนึ่งเป็นใครนั้นคงไม่สำคัญ ที่นางพูดว่า ‘ติ้งอันโหวมีลูกชายขี้โรคใกล้ตายอยู่คน’ ใครได้ยินเข้าก็ฟังออกว่านางด่ากู้เหยี่ยน
กู้เหยี่ยนป่วยตั้งแต่ยังเล็ก หมอหลวงบอกว่าเขาคงอยู่ไม่ถึงสิบห้าปีแน่นอน แต่เรื่องที่หมอหลวงวินิจฉัยก็อีกเรื่องหนึ่ง ถูกคนถากถางว่าเป็นคนขี้โรคใกล้ตายก็อีกเรื่องหนึ่ง
แม่นางพูดนั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของท่านโหวกู้กับแม่นางเหยา เช่นนั้นก็เป็นพี่สาวแท้ๆ กู้เหยี่ยนด้วยเช่นกัน
ด่าคนอื่นว่าเป็นลูกนอกสมรส เป็นคนไม่เอาไหน ด่าแม่คนอื่นว่าแพศยา แถมยังด่าน้องชายคนอื่นว่าเป็นพวกขี้โรคใกล้ตาย ถ้าไม่ตบหน้านางจะให้ตบหน้าใคร
ในตอนนั้นท่านโหวกู้ไม่เอ่ยคำใด
อันจวิ้นอ๋องประสานมือพร้อมทั้งโค้งคำนับให้กับท่านโหวกู้และกู้เจียว “น้องสาวข้าเอ่ยวาจาจาบจ้วง ข้าไม่รู้จะชดเชยท่านโหวและแม่นางกู้เช่นไร”
ท่านโหวกู้รีบพยุงเข้าขึ้น “หามิได้! หามิได้! แค่เด็กสาวมีปากเสียงกันเท่านั้น จวิ้นอ๋องอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยขอรับ”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ยจากใจจริง “กลับไปแล้วข้าจะอบรมน้องสาวข้าให้ดี”
ท่านโหวกู้เอ่ยอย่างลำบากใจ “จวิ้นอ๋องพูดเกินไป…”
เขาเอ่ยพลางส่งสายให้กู้เจียว เวลาเช่นนี้นางเองก็ควรจะเอ่ยขอโทษเช่นกัน บอกว่าตัวเองหุนหันพลันแล่นลงไม้ลงมือไป
แต่กลับกลายเป็นว่ากู้เจียวนั้นหันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ท่านโหวกู้ “…”
คุณหนูจวงเอ่ยด้วยความเดือดดาล “เจ้า เจ้า…ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่! ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของจวนโหวหรือไม่! เจ้าตบข้า! ข้าจะจำไว้! ทางที่ดีตอนนี้เจ้ารีบมาก้มหัวยอมรับผิดกับข้าเสีย! บางทีข้าอาจจะเมตตาปล่อยเจ้าไป! ไม่เช่นนั้นหากเจ้ากลับเมืองหลวงเมื่อใด ข้ากับเจ้าจะได้เห็นดีกัน!”
ท่านโหวกู้หนังตากระตุกรัวไม่หยุด!
กู้เจียวยังคงเพิกเฉย ก้าวเดินไปทางโรงเรียนเอกชน
คุณหนูจวงโกรธจนควันออกหู “มีอย่างที่ไหนกัน! เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ราชครูจวงคือพ่อของข้า! ไทเฮาคือท่านย่าของข้า! รอข้ากลับเมืองหลวงเมื่อไหร่ ข้าจะให้ไทเฮาประหารชีวิตเจ้า!”
เหงื่อเย็นซึมไปทั่วกายท่านโหวกู้
จวงฮองเฮาผู้โหดเหี้ยมขึ้นชื่อเรื่องลำเอียงเป็นที่สุด หากผู้ใดรังแกหลานสาวนาง นางคงเด็ดหัวคนผู้นั้นออกจากบ่าได้จริงๆ …
นาวตัวดี เจ้าจะยอมเอ่ยประนีประนอมสักทำไม่ได้เชียวหรือ
หากถูกลงโทษมีหวังหัวหลุดเข้าจริงๆ!
“เจ้าหุบปาก!” ท่านโหวกู้ตวาดเสียงเย็น พลางบอกกับองครักษ์ข้างกาย “พาคุณหนูกลับไปที่จวง!”
“ขอรับ!”
คุณหนูจวงกระทืบเท้ารัว “ข้าไม่กลับ! ข้าไม่ยอม! เจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องข้า! ข้าจะตัดมือเจ้า!”
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
องครักษ์รับเสื้อคลุมมาจากนางใช้แล้วคลุมลงบนท่อนแขนของคุณหนูจวง ก่อนจะยุดยื้อพานาง “ส่ง” ขึ้นรถม้าจนได้
อันจวิ้นอ๋องพยักหน้าให้ท่านโหวกู้ กวาดสายตามองกู้จิ่นอวี้ กู้จิ่นอวี้ก้มหน้า อันจวิ้นอ๋องไม่เอ่ยคำใดก่อนจะขึ้นนั่งบนรถม้า
คุณหนูจวงเห็นพี่ชายของตัวเองก็โมโหจนแทบหายใจไม่ทัน “ไม่รักษาคำพูด! ไหนท่านบอกว่าจะไม่ช่วยคนนอกรังแกข้าอีก!”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ให้พี่ดูหน่อย”
คุณหนูจวงหันหลังให้เขา “ไม่ต้องมายุ่ง! ท่านไม่สนใจข้าเลยสักนิด!”
อันจวิ้นอ๋อง “พี่ให้เจ้า…”
คุณหนูจวงปิดหู “ไม่อยากได้ ไม่อยากได้ ข้าไม่อยากได้ของขวัญ! ท่านอย่าหวังว่าจะซื้อข้าได้อีกเลย! ข้าจะกลับเมืองหลวง ข้าจะไปหาท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮา! ข้าจะบอกพวกเขา ว่าท่านร่วมหัวกับคนนอกกลั่นแกล้งข้า!”
อันจวิ้นอ๋องลอบถอนหายใจ “เดิมทีตั้งใจว่าจะพาเจ้าไปเที่ยวในตัวอำเภออีกสักสองสามวัน ในเมื่อเจ้ายืนยันเช่นนั้น ก็เตรียมเดินทางกลับเมืองหลวงเถิด ท่านลุงสี่เองก็ใกล้กลับเมืองหลวงแล้ว ในเขาทดสอบวิชาความรู้เจ้า ดูว่าเจ้าก้าวหน้าบ้างหรือไม่”
พอได้ยินว่าจะถูกผู้ตรวจการจวงทดสอบ คุณหนูจวงก็ไม่ส่งเสียงโวยวายอีกต่อไป
นางลดมือที่ปิดหูลง ก่อนจะเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มว่า “เช่น…เช่นนั้นก็…อยู่เที่ยวต่ออีกสักสองสามวันก็ได้”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็ห้ามก่อเรื่องอีก”
“รู้แล้ว รู้แล้ว” คุณหนูจวงยกยิ้ม ทว่าในใจกลับแอบสาบานกับตัวเอง รอกลับเมืองหลวงก่อนเถอะ นางจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาทันที ให้ไทเฮาเรียกตัวนางตัวดีแห่งจวนติ้งอันโหวออกมา แล้วตบบ้องหูนางสักหนึ่งร้อยหนต่อหน้าชาวเมือง!