สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 128 โอ้อวด
แม่นางเหยาเปิดผ้าที่คลุมกรงนกไว้ออก ปรากฏในนั้นมีลูกนกอินทรีย์อยู่หนึ่งตัว
แม่นางเหยาสงสัยว่าเหตุใดจิ้งคงน้อยถึงรู้จักกับกู้ฉังชิงได้ จึงได้คำตอบมาว่า “…ข้ากำลังจะไปช่วยเสี่ยวชี แต่เกือบถูกรถม้าชนเข้า ท่านพี่ใหญ่เข้ามาช่วยข้าไว้ได้ทัน! เขาเก่งมากจริงๆ!”
สายตาของจิ้งคงตอนพูดถึงกู้ฉังชิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและเคารพนับถือ
แม่นางเหยากับกู้ฉังชิงไม่ได้อยู่เรือนเดียวกันมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ความทรงจำที่นางมีต่อเขายังคงหยุดอยู่ที่ตอนเขาอายุได้สิบเอ็ดขวบ ไม่รู้ว่าเขาไปฟังมาจากไหน ถึงได้เชื่อว่าแม่นางเหยาเป็นคนที่ทำให้มารดาแท้ๆ ของเขาต้องตาย
กู้ฉังชิงประกาศกร้าวว่าจะเป็นอริกับนาง สายตาที่เขามีให้นางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
และเขาเองก็ไม่ชอบกู้เหยี่ยนด้วย
กู้เหยี่ยนผู้ไม่รู้ประสีประสาอะไร สมัยเด็กๆ เขามักจะไปหาพี่ชายทั้งสามอยู่บ่อยครั้ง กลายเป็นว่ากลับมาที่ไรจะต้องมีรอยฟกช้ำดำเขียวตามเนื้อตัวทุกที
พอเรื่องถึงหูท่านโหวกู้ เขาก็ไปทำโทษเด็กสามคนนั้น แต่พอมีคนไปบอกเหตุผลเรื่องฮูหยินคนเก่า แต่อย่างไรคนที่ต้องมารับกรรมสุดท้ายก็เป็นแม่นางเหยาและกู้เหยี่ยนอยู่ดี
แม่นางเหยารู้ดีกว่ากู้ฉังชิงไม่เคยลงมือทำร้ายกู้เหยี่ยน แต่อย่างน้อยก็ควรห้ามน้องชายอีกสองคนไม่ให้ทำร้ายกู้เหยี่ยน
ทีคนแปลกหน้าอย่างจิ้งคงเขายังออกตัวช่วยเหลือได้ แต่กับคนในครอบครัวอย่างกู้เหยี่ยน เหตุใดเขาถึงไม่คิดจะช่วยบ้าง แม่นางเหยารู้สึกปวดใจ
ช่างเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาสิบปีแล้ว แม่นางเหยาปลงได้แล้ว
อย่างน้อยตอนนี้กู้เหยี่ยนก็ได้อยู่กับเจียวเจียวอย่างมีความสุขที่นี่ ไม่ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับคนอื่นๆ ที่จวน และสร้างบาดแผลอันไม่จำเป็นขึ้นมาอีก
“ท่านพี่ใหญ่ช่างเป็นคนดีจริงๆ!” จิ้งคงน้อยกอดกรงนกแล้วเอ่ย
แม่นางเหยาได้แต่ยิ้มฝืนๆ ให้
กู้ฉังชิงเป็นชายชาติทหารแห่งแคว้นเจา เขามีหน้าที่ที่ต้องปกปักรักษาราษฎรในแคว้น เขาทำดีกับทุกคน เว้นก็แต่นางและกู้เหยี่ยนที่เขาเกลียดเข้าไส้เข้ากระดูก
แม่นางเหยารู้จากจิ้งคงว่ากู้เจียวเคยเจอกับกู้ฉังชิงแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างยังไม่รู้ตัวตนของกันและกัน
แม้กู้ฉังชิงจะยังไม่เจอกับกู้เหยี่ยน แต่ต่อให้เจอทั้งคู่พร้อมๆ กัน กู้ฉังชิงก็คงยังเดาความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ออกอยู่ดี
“พี่ใหญ่ของเจ้าเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวรึ” แม่นางเหยาเอ่ยถามจิ้งคง
“อืม…ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่เจอเขา!” จิ้งคงเอ่ยตอบ
ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันคือตอนที่กู้ฉังชิงช่วยจิ้งคงไว้แล้วพาเขามาส่งถึงเรือน ครั้งนี้เขาคงแค่ผ่านมาแถวนี้จริงๆ และคงเอ็นดูจิ้งคง เลยมอบนกน้อยให้เป็นของขวัญ
ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น จริงไหม
เขาคงไม่ถ่อมาถึงนี่เพื่อจะมาฉลองวันเกิดให้เจียวเจียวหรอก
ในเมื่อเขาเคยช่วยน้องชายของเจียวเจียวไว้ ไม่ใช่ว่าเจียวเจียวเคยช่วยชีวิตเขาไว้เสียหน่อย
อีกทั้งคงไม่มีใครคิดซื้อลูกนกอินทรีย์เป็นของขวัญวันเกิดหรอกจริงไหม
ใช่แล้ว กู้ฉังชิงเอาลูกอินทรีย์มาให้จริงๆ
ว่ากันว่าลูกนกอินทรีย์นั้นหายากเสียยิ่งกว่านักพันธุ์ดีสิบตัวรวมกันเสียอีก
จิ้งคงน้อยไม่รู้ว่านกอะไรเป็นนกอะไร รู้แค่ว่าลูกนกตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก “เอาละ ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสียวจิ่ว!”
“เจียวเจียว เจียวเจียว! เมื่อกี้ท่านพี่ใหญ่มาหาแหนะ! แถมยังเอานกให้ข้าด้วย!”
จิ้งคงอุ้มกรงนกวิ่งเข้าไปหากู้เจียว
ตรอกเล็กแห่งนี้วันนี้ช่างครึกครื้นยิ่ง กู้ฉังชิงออกไปไม่นาน อู่หยางก็พลันมาเยือน
เขารับคำสั่งจากอันจวิ้นอ๋องให้นำของขวัญมามอบให้กู้เจียวและกู้เหยี่ยน
เหตุผลของอันจวิ้นอ๋องชัดเจนแจ่มแจ้ง “จวิ้นอ๋องได้รับบัตรเชิญจากท่านโหวกู้ เดิมนายท่านตั้งใจจะมาอวยพรวันเกิดด้วยตัวนายท่านเอง แต่ด้วยสภาพร่างกาย เลยฝากให้ข้านำของขวัญเหล่านี้มามอบให้พวกท่านขอรับ”
จริงอยู่ที่ว่าอันจวิ้นอ๋องได้รับเทียบเชิญจากท่านโหวกู้
แต่แม่นางเหยาสงสัยว่า ที่อยู่บนเทียวเชิญคือจวนโหว แล้วเหตุใดอันจวิ้นอ๋องถึงส่งคนมาถึงที่นี่ได้
กู้เจียวสงสัย จึงเอ่ยถาม “อันจวิ้นอ๋องรู้ได้อย่างไรว่าข้ามาถึงเมืองหลวงแล้ว”
อู่หยางหัวเราะ “ท่านจวิ้นอ๋องเองก็เป็นหนึ่งในบัณฑิตของกั๋วจื่อเจียนนะขอรับ ถึงได้ทราบว่าท่านเซียวลิ่วหลังเองย้ายมาเรียนที่กั๋วจื่อเจียนแล้ว ที่เหลือก็แค่สืบหาข้อมูลเพียงเล็กน้อย ถึงทราบว่าพวกท่านพำนักกันอยู่ที่นี่ขอรับ”
กู้เจียวร้องอ๋อ จากนั้นชำเลืองอู่หยางหัวจรดเท้า พลันนึกสงสัย “ข้ารู้สึกคุ้นตาท่านยิ่งนัก หรือว่า คืนก่อนหน้า ท่านคือโจรที่เข้ามาบุกเรือนของข้า”
อู่หยางรีบส่ายหัว “ไม่ใช่! ไม่ใช่ขอรับ!”
หัวใจอู่หยางแทบจะตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เรื่องก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว แม่นางยังจำได้อีกหรือนี่
เกือบถูกจับได้แล้วไหมล่ะ!
ตอนที่อันจวิ้นอ๋องมาเยี่ยมที่เรือนกู้เจียว เซียวลิ่วหลังไม่ได้อยู่ด้วย เลยรู้เรื่องจากที่ฟังๆ มาเท่านั้น พอเซียวลิ่วหลังได้เจอกับอู่หยาง ก็ปราดตามองเขาเป็นพักๆ จนอู่หยางเกิดตะขิดตะขวงใจเลยกระแอมขึ้นแล้วเอ่ยถามถึงหญิงชรา “นางอยู่ไหม ว่าจะเข้าไปทักทายเสียหน่อยขอรับ”
แววตาเซียวลิ่วหลังแฝงไปด้วยนัยยะบางอย่าง
อู่หยางเดินไปหาหญิงชราที่ด้านหลังเรือน พลางมอบขนมกุ้ยฮวาสองกล่องให้เป็นของฝาก
หญิงชราพอใจมาก
อู่หยางควบคุมสีหน้าและท่าทางของตัวเองไว้ได้ดีเลยทีเดียว
ที่จริง กู้เจียวเองก็รู้สึกได้ว่าอู่หยางทำดีกับหญิงชราจนเกินไป นางนึกสงสัยตั้งแต่ครั้งที่อันจวิ้นอ๋องมาเยือนที่เรือนครั้งแรก เขาออกตัวว่ามาขอโทษเรื่องจวงเมิ่งเตี๋ย แถมยังดั้นด้นมาโดยที่ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือมาให้ วันถัดมาถึงคิดจะเอาของมาให้
อันจวิ้นอ๋องเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองมีพิรุธ แต่ ณ เวลานั้น เขาไม่มีคำแก้ตัวอื่นที่สมเหตุสมผลไปมากกว่านี้แล้ว เขาภาวนาให้กู้เจียวไม่รู้ทันเรื่องของพวกเขา
คืนนั้นที่มีโจรบุกเข้ามาในเรือน กู้เจียวติดใจมาตลอดว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวพันกับอันจวิ้นอ๋อง
ยิ่งได้เห็นอู่หยาง กู้เจียวยิ่งรู้สึกมั่นใจว่าเขานั่นแหละคือคนที่ยิงธนูใส่หญิงชราในคืนนั้น
แต่กู้เจียวไม่รู้ว่าตอนนั้นอู่หยางเล็งพลาด เลยคิดว่าพวกโจรจะมาฆ่าหญิงชรา
จึงไม่แปลกที่กู้เจียวระแวงอู่หยางเป็นพิเศษ และคอยตามติดประชิดเขาไปทุกฝีก้าว ไม่มีแม้แต่โอกาสที่อู่หยางจะแอบส่งข่าวให้ไทเฮา!
แม้ระหว่างนั้นกู้เจียวจะถูกจิ้งคงเรียกออกไป แต่ครู่เดียวนางก็กลับมาคุมเขาต่อ
อู่หยางได้แต่ถอนหายใจ และขอตัวกลับ
“จวิ้นอ๋องขอรับ” อันจวิ้นอ๋องนั่งรออยู่ในรถม้าที่จอดอยู่ในตรอกบริเวณใกล้ๆ กับกั๋วจื่อเจียน
“นางชอบของขวัญที่ข้าให้ไหม” อันจวิ้นอ๋องเอ่ยถาม
อู่หยางทำหน้างุนงง พลางเอ่ยถามกลับ “เหตุใดพระองค์ถึงไม่มอบของขวัญให้นางด้วยตัวพระองค์เองขอรับ”
อันจวิ้นอ๋องหัวเราะแบบขอไปที แล้วอธิบาย “ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีสายตามากมายหลายคู่คอยจับจ้องมาที่ข้า ดังนั้น ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร ข้าต้องระวังเป็นพิเศษ หากใครล่วงรู้เข้า อาจเป็นอันตรายต่อไทเฮาได้”
และแล้ว วันเกิดของคู่แฝดก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
แม่นางเหยากลับมาถึงจวนในช่วงตกดึกก่อนหมดวัน
ที่จวนเองก็วุ่นวายมาทั้งวัน ทุกคนต่างเหนื่อยล้า พวกท่านหลานเธอทั้งหลายแยกย้ายกลับกันไปพักผ่อนนานแล้ว เหลือแค่บ่าวทั้งหลายที่ต้องมาคอยเก็บกวาด ทำงานไปก็อ้าปากหาวหวอดๆ ไป
พอแม่นางเหยาเดินเข้ามาด้านใน ก็แปลกใจที่เห็นกู้จิ่นอวี้นั่งรอตนอยู่ในห้อง
แม่นางเหยาลืมเสียสนิทเลยว่าวันนี้ก็เป็นวันเกิดของกู้จิ่นอวี้ด้วย วันนี้ทั้งวันนางเอาเวลาไปให้กู้เจียวกับกู้เหยี่ยน ตอนนี้เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างแล้ว
นางเดินเข้าไปลูบหัวกู้จิ่นอวี้ พลางเอ่ย “ขอโทษที่กลับมาดึกนะลูก”
เดิมทีแม่นางเหยาวางแผนจะกลับหลังทานอาหารกลางวันเสร็จ แต่ด้วยความที่นางคิดถึงคู่แฝดมาก อยากอยู่กับเจียวเจียวและเหยี่ยนเอ่อร์ให้นานกว่านี้ เลยลืมเวลาไปเสียสนิท หากไม่ใช่เพราะแม่นมฝางเอ่ยทักว่าดึกมากแล้ว แม่นางเหยาก็คงไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยมามากขนาดไหน
แต่ดูเหมือนกู้จิ่นอวี้จะไม่ได้แสดงท่าทีน้อยใจหรือขุ่นเคืองแต่อย่างใด กลับกัน นางเอ่ยทักด้วยความดีใจ “ท่านแม่รู้ไหมว่าวันนี้มีแขกมาเยอะมากแค่ไหน”
“หืม” แม่นางเหยาแปลกใจกับท่าทีของจิ่นอวี้ พลางนึกในใจ ที่นางไม่ยอมเข้านอนไม่ใช่เพราะมัวแต่รอตนกลับมาจนรู้สึกน้อยใจ แต่เป็นเพราะนางตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับลงอย่างนั้นหรอกหรือ
“แขกมากันเยอะมากเลยหรือ” แม่นางเหยาเก็บซ่อนความเหนื่อยล้าของตนเอง แล้วนั่งลงข้างๆ กู้จิ่นอวี้
“ใช่แล้ว!” กู้จิ่นอวี้ค่อยๆ ไล่รายชื่อแขกที่มางานวันเกิดของตนเองให้ฟัง แล้วก็จะมีบางคนที่นางเอ่ยย้ำเป็นพิเศษ “…วันนี้ท่านชายเจิ้งเองก็มาเยือนด้วยเช่นกัน! เขาเป็นรองเจ้าสำนักบัณฑิตกั๋วจื่อเจียน ซึ่งก็แปลว่าเขาจะได้เป็นผู้อำนวยการราชวิทยาลัยของกั๋วจื่อเจียนคนต่อไปด้วย!”
“ช่างดีเสียจริง” แม่นางเหยาหัวเราะแล้วพยักหน้า
กู้จิ่นอวี้ยังคงพูดต่อ “ท่านอันจวิ้นอ๋องไม่ได้เสด็จมาร่วมงาน แต่ทรงมอบของขวัญให้ข้าตั้งมากมายก่ายกอง! ดูสิ ของพวกนี้ทรงให้ข้าหมดเลย! วันนี้ข้าได้รับของขวัญเยอะเหลือเกิน เกรงว่าชาตินี้ใช้ยังไงก็ใช้ไม่หมด ข้าเห็นว่าท่านพี่ไม่กลับมาฉลองที่จวน วันเกิดของนางคงผ่านไปอย่างจืดชืดเป็นแน่แท้ ไว้พรุ่งนี้ข้าจะคัดของขวัญล้ำค่าพวกนี้แล้วเอาไปส่งให้ท่านพี่ดีกว่า”
แม่นางเหยานึกในใจ คงไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกกระมัง พลางหันไปมองของขวัญที่อันจวิ้นอ๋องมอบให้กู้จิ่นอวี้ เป็นของมูลค่ามหาศาลอย่างที่จิ่นอวี้ว่าไว้จริงๆ แต่ถ้าเทียบกับของที่กู้เจียวและกู้เหยี่ยนได้รับละก็ เกรงว่าคงเทียบไม่ติด
ดังนั้น ไม่จำเป็นหรอก
กู้จิ่นอวี้ที่ไม่รู้เรื่องราวยังคงโอ้อวดต่อ “ไท่จื่อเฟยมอบของขวัญวันเกิดให้ข้าด้วยล่ะ!”
นี่คงเป็นเรื่องที่กู้จิ่นอวี้ภูมิใจนำเสนอมากที่สุด แต่แม่นางเหยากลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
วันนี้ตอนที่อู่หยางเข้าไปหาหญิงชรา ดูเหมือนว่าเขาจะเรียกนางว่า…ไทเฮา
แม้เสียงของเขาจะเบามากเสียจนแม้แต่หญิงชราก็อาจจะไม่ได้ยิน แต่แม่นางเหยาที่กำลังเดินผ่านดันได้ยินเข้าพอดี
หรือว่าจะ…หูฝาดไปก็ได้
ท่านย่าของลิ่วหลังจะกลายเป็นไทเฮาไปได้อย่างไรกันล่ะ
เป็นไปไม่ได้หรอกที่เทาไฮจะมานั่งเย็บกระเป๋าหรือหวีเกล้าผมให้ลูกสาวของตัวเอง แม้แต่องค์หญิงในวังยังไม่มีทางได้อภิสิทธิ์แบบนั้นเลย!
“สงสัยข้าจะคิดมากไปแล้วล่ะ” แม่นางเหยาเอ่ยพลางส่ายหัว
“ท่านแม่ว่าอย่างไรนะ” กู้จิ่นอวี้ฟังไม่ชัด
แม่นางเหยาเรียกสติตัวเองกลับมา “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่จะบอกว่า ในเมื่อของขวัญพวกนี้เป็นของเจ้าแล้ว ก็ควรเก็บไว้กับตัวให้ดี”
กู้จิ่นอวี้เอ่ยอย่างดื้อรั้น “ได้อย่างไรกัน ข้าจะแบ่งให้ท่านพี่ด้วย!”
แม่นางเหยารู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ จึงตบเข้าไปที่มือของจิ่นอวี้เบาๆ “ไม่ต้องหรอก เจ้าเก็บไว้เองเถอะ เรือนของนางไม่มีห้องให้เก็บของเยอะขนาดนั้นหรอก”
กู้จิ่นอวี้ยังคงมีความคิดดังเดิม นางอยากให้กู้เจียวรับรู้ว่า ถึงแม้นางจะเป็นเด็กที่อุ้มมาผิด แต่ก็ยังได้รับความรักมากมายขนาดนี้ และไม่มีใครจะมาดูถูกนางได้!
“เฮ้อ” กู้จิ่นอวี้จู่ๆ นึกอะไรขึ้นได้ ก็พลันถอนหายใจ “น่าเสียดายวันนี้ท่านพี่ใหญ่ไม่ได้มาร่วมงานวันเกิดของข้า”
แม่นางเหยาไม่กล้าบอกกับนางว่า วันนี้พี่ใหญ่ของนางน่ะไปที่เรือนของกู้เจียวมา…
กั๋วจื่อเจียนตั้งอยู่ไม่ไกลจากจวนติ้งอันโหวมากนัก หากเขามีใจจะมาอวยพรวันเกิดจริงๆ ก็คงจะมาตั้งนานแล้ว
นั่นก็แปลว่า จนถึงป่านนี้แล้ว กู้ฉังชิงก็ยังไม่ยอมรับกู้จิ่นอวี้เป็นน้องได้สักที
สำหรับแม่นางเหยาแล้ว กู้ฉังชิงก็คือเด็กไร้หัวใจคนหนึ่งเท่านั้น “ต่อไปถ้าไม่มีธุระอะไรก็อย่าไปยุ่งกับพี่ใหญ่ของเจ้าให้มากนัก”
“ทำไมล่ะ” กู้จิ่นอวี้ทำหน้างุนงง
“ฟังข้าไว้น่ะดีที่สุด พี่ใหญ่ของเจ้าไม่มีทางยอมรับพวกเราหรอก” แม่นางเหยาเอ่ยปลง พลางคว้ามือกู้จิ่นอวี้
“อ้อ” กู้จิ่นอวี้ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น
แม้จะรับปากกับแม่นางเหยาแล้ว แต่วันต่อมา พอนางได้ยินข่าวว่ากู้ฉังชิงกลับมาที่จวนแล้ว กู้จิ่นอวี้ก็รีบพาตัวเองไปเดินเล่นรอบๆ เรือนของกู้ฉังชิง
กู้ฉังชิงที่เพิ่งจะฝึกดาบเสร็จ พอเจอกับกู้จิ่นอวี้ ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีเรื่องอันใด”
“คือว่า…” กู้จิ่นอวี้ทำท่าเขินและลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะคว้ากระเป๋าออกมาจากด้านหลัง แล้วยื่นให้คนตรงหน้า “ขอบคุณท่านพี่อย่างยิ่งสำหรับของขวัญ นี่เป็นของตอบแทนที่ข้าตั้งใจมอบให้ท่านพี่! ข้าทำเองกับมือ!”
ของขวัญที่ว่า อนุหลิงเป็นคนจัดการให้ กู้ฉังชิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เขาจึงไม่ยื่นมือออกไปรับ
“ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่เลือดเนื้อของท่านพ่อ ข้าไม่สมควรเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ ข้าเป็นผู้ที่ปล้นชีวิตของพี่สาวไป ถ้าเป็นไปได้ ข้าไม่อยากให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก ความรุ่งโรจน์ของจวนโหวล้วนเป็นของพี่สาวข้า ข้าไม่ควรมาอยู่ผิดรังตั้งแต่แรก!” กู้จิ่นอวี้ตัดพ้อเบาๆ
กู้ฉังชิงยอมรับว่าเขาจงเกลียดจงชังนาง แต่ในเมื่อตอนนี้เขารู้แล้วว่ากู้จิ่นอวี้ไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่นางเหยา เช่นนั้นแล้ว ที่ผ่านมานั้นก็เท่ากับว่าเขาเข้าใจนางผิดมาตลอด
กู้ฉังชิงจึงยื่นมือรับกระเป๋ามา “เจ้าช่างมีน้ำใจ”
กู้จิ่นอวี้ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านพี่ใหญ่จะรับของขวัญจากนาง!
นางพูดอะไรไม่ออก รู้สึกตื่นเต้นไปหมด!
“มีอะไรอีกไหม” กู้ฉังชิงถามต่อ
“ข้าไม่มีอะไรแล้ว! ขอตัวไปทักทายท่านย่าก่อน!” กู้จิ่นอวี้พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้ จากนั้นคำนับลากู้ฉังชิงก่อนจะเดินไปหาฮูหยินใหญ่กู้ด้วยความร่าเริง
…
กั๋วจื่อเจียนจะมีการจัดสอบในวันที่ยี่สิบเจ็ด เฝิงหลินเดินทางมาถึงเมืองหลวงในวันที่ยี่สิบสอง
เขามุ่งหน้าไปรายงานตัวที่กั๋วจื่อเจียนก่อน จากนั้นทำเรื่องหอพัก พอเสร็จก็สืบหาว่าเซียวลิ่วหลังพักอยู่ที่ไหน พอได้ข้อมูลมาก็รีบพุ่งตัวไปหาเซียวลิ่วหลังทันที
ครั้งนี้เฝิงหลินไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีอีกคนตามมาด้วย
จิ้งคงเปิดประตูต้อนรับแขก
พอเห็นหน้าแขกผู้มาเยือนก็ถึงกับร้องตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ “ท่านพี่เฝิงหลิน! ท่านพี่เฉิงเย่!”
ใช่แล้ว ครั้งนี้หลินเฉิงเยี่ยก็ตามมาด้วย
เขาเองก็ได้เป็นบัณฑิตของกั๋วจื่อเจียนด้วยเช่นกัน
เว้นก็เสียแต่ เขาไม่ได้สอบเข้ากั๋วจื่อเจียน และไม่ได้อยู่ในรายชื่อแนะนำด้วย แต่เป็นเพราะตระกูลของเขาบริจาคตึกให้กั๋วจื่อเจียน เขาจึงได้รับโอกาสในการเข้าเรียนไปโดยปริยาย
พวกเขาเจอกันระหว่างทาง แถมรถม้าของทั้งสองก็เข้ามายังเมืองหลวงในเวลาใกล้ๆ กันอีกด้วย
พอหลินเฉิงเยี่ยรู้ว่าเฝิงหลินจะมาหาเซียวลิ่วหลัง ก็เลยขอติดตามมาด้วย เขาอยากจะมาทักทายผู้มีพระคุณของเขาเสียหน่อย
ทั้งสองพอได้เจอกับจิ้งคงน้อยก็รู้สึกดีใจมาก
เฝิงหลินเอามือทาบเข้าไปที่ศีรษะของจิ้งคง พลางเอ่ย “ไม่ได้เจอกันหลายวัน ตัวสูงขึ้นตั้งเยอะเลยนะ!”
จิ้งคงทำหน้าไม่พอใจ
ก็วัดเองอยู่ทุกวัน! ไม่เห็นจะสูงขึ้นเลย!
หลินเฉิงเยี่ยหยิกเข้าที่แก้มของเขา “เจ้าอ้วนขึ้นแล้วนะ”
ครั้งนี้ จิ้งคงทำหน้าไม่พอใจกว่าเดิม!
เขาไม่ได้อ้วน!
เขาไม่เคยอ้วน!
และเขาก็ไม่ได้ตัวสูงขึ้นด้วย!
จิ้งคงน้อยยืนกัดฟันกรอดๆ พลางนึกในใจ นี่พวกเขาอยากแกล้งให้ตนโกรธหรืออย่างไรกัน!