สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 158.2 เด็กเรียน (2)
ด้วยความที่ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันหลายวัน แม่นางเหยาเลยเริ่มคิดถึงลูกชายลูกสาวแล้ว และด้วยความที่ช่วงนี้อนุหลิงถูกยึดอำนาจ แม่นางเหยาจึงต้องรับหน้าที่เตรียมงานปีใหม่แทน
วันๆ นางมัวแต่ยุ่งกับงานชนิดที่ว่าเท้าแทบไม่แตะพื้นกันเลยทีเดียว
“ฮูหยิน คนของตระกูลเหยามาถึงแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมฝางเข้ามารายงาน
แม่นางเหยาวางตารางงานที่อยู่ในมือลง “มีใครบ้าง”
“ท่านชายใหญ่กับแม่นางซินเจ้าค่ะ”
เหยาหย่วนกับเหยาซินสินะ
เหยาหย่วนเป็นพี่ชายของแม่นางเหยา ส่วนเหยาซินเป็นหลาน
พวกเขาไม่ได้เจอกันเป็นเวลาสิบปี ตั้งแต่แม่นางเหยาย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านเวินเฉวียนซาน
แม่นางเหยาสังเกตว่าเหยาหย่วนเปลี่ยนไปมาก เขาดูชราลงไปเยอะ แม้ว่าตัวเขาจะอายุน้อยกว่าท่านโหว แต่กลายเป็นว่าท่านโหว กลับดูอ่อนวัยกว่าเขาเสียอีก
ส่วนแม่นางเหยาซินเติบโตมาอย่างดี บริเวณคิ้วและดวงตามีส่วนคล้ายกับแม่นางเหยา โดยรวมแล้วก็คือสาวงามคนนึง
หากเทียบกันแล้ว แม่นางเหยาแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยังคงสวยสง่าดังเดิม เพียงแต่ท่าทางและบุคลิกของนางดูแข็งกร้าวมากขึ้นเท่านั้นเอง
“เหยาเอ๋อร์…” เหยาหย่วนดีใจจนพูดไม่ออก
“พี่ใหญ่ เข้ามานั่งก่อนสิ” แม่นางเหยาพาพวกเขาไปนั่งที่ห้องอุ่น แล้วให้คนมารินชาให้พวกเขา “พวกเจ้าออกไปก่อน ยกเว้นแม่นมฝาง”
“เจ้าค่ะ” เหล่าสาวใช้ทยอยเดินออกไป
แม่นมฝางน้ำตาอาบแก้มด้วยความปีติ
แม่นมฝางอยู่รับใช้แม่นางเหยาตั้งแต่นางยังอยู่กับตระกูลเหยา
“แม่นมฝางแทบไม่เปลี่ยนไปเลย” เหยาหย่วนหัวเราะ
“ข้าอายุมากแล้วเจ้าค่ะ!” แม่นมฝางเอ่ย
แม่นางเหยามองไปทางสาวน้อยที่ยืนเหนียมอายหลบอยู่ด้านหลังเหยาหย่วน “เหยาซินโตขนาดนี้แล้วหรือ ตอนที่ข้าย้ายออกไปยังจำได้อยู่เลยว่าเจ้าตัวเล็กนิดเดียวเอง นี่ก็ใกล้จะสิบห้าแล้วใช่ไหม”
เหยาซินไม่กล้าคุยกับนาง
เหยาหย่วนจึงพยายามดึงตัวเหยาซินมาด้านหน้าพลางเอ่ย “น้าเจ้าถามคำถามอยู่น่ะ!”
“หลังปีใหม่จึงจะครบสิบห้าเจ้าค่ะ” เหยาซินเอ่ยอย่างเขินๆ
แม่นางเหยาจึงกวักมือเรียกเด็กสาว “มานั่งนี่สิ กินอะไรก่อน”
เหยาซินหันไปขอความเห็นจากคนเป็นพ่อ พอเหยาหย่วนพยักหน้าไฟเขียว เด็กสาวจึงค่อยๆ เดินย่องเข้าไปนั่งข้างๆ แม่นางเหยา จากนั้นคว้าชิ้นขนมที่แม่นางเหยายื่นให้ ค่อยๆ กินอย่างละเมียดละไม
แม่นางเหยาไม่ได้กลับเรือนตระกูลเหยามานานสิบปี พวกเขาเองก็ไม่เคยมาหานางถึงที่เลยสักครั้ง แต่ทุกปีใหม่ พวกเขาจะส่งของขวัญมาให้กู้จิ่นอวี๋ ท่านโหวกู้เองก็มักจะส่งของขวัญกลับไปให้ตระกูลเหยาเช่นกัน
เหยาซินรู้สึกได้ถึงความใหญ่โตอลังการของจวนโหว แม้แต่เรือนของท่านน้าเองก็โอ่อ่าไม่แพ้กัน!
แถมขนมยังรสชาติดีเลยทีเดียว คนครัวตระกูลเหยาไม่มีทางทำรสชาติแบบนี้ออกมาได้แน่นอน
“ท่านน้า แล้วท่านพี่จิ่นอวี๋อยู่ไหมเจ้าคะ” เหยาซินเอ่ยถาม
“จิ่นอวี๋ไม่อยู่ที่จวน ออกไปเรียนหนังสือแล้ว”
“ออ” เหยาซินรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กๆ
นางเองก็อยากมีโอกาสไปเรียนหนังสือด้วยเช่นกัน แต่ทั้งท่านย่ารวมถึงท่านพ่อท่านแม่สนับสนุนการเรียนแค่กับพี่ชายเท่านั้น
แม่นางเหยาหันไปทางแม่นมฝาง “พาซินซินไปเดินชมรอบๆ สวนทีสิ”
ทิวทัศน์รอบจวนติ้งอันโหวถือว่าสวยความติดอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง
และที่สำคัญ แม่นางเหยารู้ดีว่าพี่ชายผู้นี้มีเรื่องจะคุยกับนางเป็นการส่วนตัว
“เจ้าค่ะฮูหยิน! คุณหนูเชิญทางนี้เจ้าค่ะ” แม่นมฝางพาเหยาซินเดินออกไป
ณ ตรงนั้นไม่มีใครอื่น แม่นางเหยาจึงเลิกวางตัวเป็นเจ้าบ้านแสนดี แล้วเอ่ยถามเหยาหย่วนอย่างตรงไปตรงมา “มีเรื่องอะไรรึพี่ใหญ่ ถึงได้มาหาข้าถึงที่นี่”
เหยาหย่วนหัวเราะเจื่อนก่อนจะให้คำตอบ “ข้าก็แค่อยากมาพบเจ้า ตั้งแต่เจ้ามาอยู่นี่ ก็ไม่เคยกลับไปเยี่ยมที่เรือนอีกเลย ไหนจะไม่มีการส่งข่าวเรื่องที่จิ่นอวี้ทำพิธีปิ่นปักมาบ้างเลย ทุกคนเลยเข้าใจว่าเจ้ากลัวตระกูลพวกเราทำเรื่องอับอายขายหน้า แต่ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้คิดเช่นนั้น หรือเจ้ายังฝังใจเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่”
แม่นางเหยาจิบชาหนึ่งคำก่อนเอ่ย “เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป ท่านพี่ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก ที่ข้าไม่กลับไปหา รวมถึงไม่ส่งข่าวเรื่องกู้จิ่นอวี๋ไปให้ ท่านพี่ใหญ่เองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ก็ให้พวกเขามองข้าเช่นนั้นต่อไปเถิด”
เหยาหย่วนแสดงสีหน้าปวดร้าว “เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของพวกเราเองที่ไม่ควรยกเลิกงานแต่งของเจ้า แล้วบังคับให้เจ้าแต่งเข้าจวนโหว”
ความจริงแล้ว แม่นางเหยาจะต้องได้แต่งงานกับชายอีกคน ก่อนที่จะแต่งงานกับท่านโหวกู้เสียอีก ฐานะของฝ่ายชายสู้ท่านโหวกู้ไม่ได้ พวกตระกูลเหยาจึงตกลงให้แม่นางเหยาแต่งงานกับท่านโหวกู้ทันที
เรื่องนี้ท่านโหวกู้ไม่เคยรู้มาก่อน พวกตระกูลเหยาไม่ยอมปริปาก และแน่นอนพวกเขาบังคับให้แม่นางเหยาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ณ ตอนนั้น พอเหยาหย่วนรู้ว่าน้องสาวตนเองเตรียมจะหนีตามผู้ชายคนนั้น ก็รีบไปตามนางกลับมา แถมยังสั่งให้คนทำร้ายชายผู้นั้นจนขาหัก
“ที่ท่านพ่อท่านแม่ทำไปก็เพื่อตระกูล…”
“หารู้ไม่ ข้าไม่คิดจะกลับมาเกื้อกูลตระกูลเหยาเลยแม้แต่นิด พวกท่านคิดผิดแล้ว”
เหยาหย่วนนิ่งไป
นั่นสินะ
พอน้องสาวของตนได้ออกเรือนก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเหยาในทันใด แม้แต่วันที่ท่านพ่อกำลังจะลาโลก นางก็ไม่ยอมมาให้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
แต่เรื่องนี้ก็โทษนางมิได้หรอก
เหยาหย่วนได้แต่เอ่ยโทษตัวเอง “เรื่องตอนนั้น เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ข้ามิอาจปกป้องเจ้าได้ ไม่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจ้า หากจะโทษใคร ก็คงต้องเป็นข้าคนนี้!”
ทั้งตระกูลเหยา จะมีก็แค่เหยาหย่วนคนเดียวที่แม่นางเหยายอมพูดคุยด้วย
เหยาหย่วนเป็นคนรักน้อง ที่ตอนนั้นเขาพยายามแยกคู่รักออกจากกันมิใช่เพราะเขาต้องการผลประโยชน์จากตัวนาง แต่เป็นเพราะเขามองว่าชายคนนั้นไม่คู่ควรกับน้องสาวตนเองเลยสักนิด
เขานึกว่าพอแม่นางเหยาแต่งเข้าจวนโหวแล้วชีวิตของนางจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี
แต่กลับกลายเป็นว่า เขากำลังผลักน้องสาวตัวเองลงเหวต่างหาก
“ก่อนท่านพ่อจะหมดลมหายใจ ท่านรู้สึกเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมา บอกว่าหากวันไหนข้าได้พบเจ้า วานฝากเอ่ยคำขอโทษแก่เจ้าด้วย ท่านแม่เองก็เหมือนกัน นางรู้แล้วว่านางทำพลาดไป เจ้าอภัยให้นางได้หรือไม่ ร่างกายนางก็เริ่มเสื่อมถอยลงทุกวัน ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่วัน…”
…
แม่นมฝางพาเหยาซินเดินรอบๆ จวนโหว เหยาซินรู้สึกเหมือนได้เข้ามาสู่โลกใบใหม่ นางเองเคยได้ยินว่าท่านน้าแต่งเข้าตระกูลใหญ่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะใหญ่ถึงเพียงนี้!
พอเหยาซินกลับมายังเรือนของแม่นางเหยา เหยาหย่วนก็ขอลากลับ
แม่นางเหยาให้คนเตรียมของขวัญไว้ให้พวกเขา โดยของขวัญที่มอบให้เหยาซินนั้นเป็นหินทับทิมสีแดง
เหยาซินชอบของขวัญชิ้นนี้มาก
แต่ถูกเหยาหย่วนปฏิเสธรับของขวัญเสียก่อน
เขามาที่นี่เพื่อมาขอความเห็นใจจากน้องสาวของตน มิได้มาเพื่อสิ่งของ
หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว แม่นางเหยานั่งลงข้างหน้าต่าง ถอนหายใจยาว “แม่นมฝาง ข้าควรกลับไปเยี่ยมพวกเขาไหม”
แม่นมฝางพยายามเอ่ยโน้มน้าว “ต่อให้โกรธเคืองกันแค่ไหน แต่อย่างไร พวกท่านก็เป็นแม่ลูกกันอยู่ดี ในเมื่อคุณท่านอยากเห็นหน้าหลานก่อนสิ้นใจ ก็พาคุณหนูกับท่านชายไปเยี่ยมเสียเลยสิเจ้าคะ อย่างน้อยคุณท่านก็มีศักดิ์เป็นยายแท้ๆ ของพวกเด็กๆ นะเจ้าคะ”
จากนั้น แม่นางเหยาจึงไปขอความเห็นจากกู้เจียว “…ข้าไม่ได้จะบังคับให้เจ้าไปเจอกับท่านยายของเจ้า แต่พอรู้ว่าใกล้จะถึงเวลาของท่านแล้ว ข้าเห็นว่าเจ้าเก่งเรื่องการรักษา เลยอยากให้เจ้าไปช่วยดูอาการให้ด้วย”
กู้เจียวไม่ออกความเห็นอะไร
พรุ่งนี้กู้เหยี่ยนเองก็ไม่มีเรียน ก็น่าจะไปด้วยกันได้
แม่นางเหยารู้ว่าพรุ่งนี้กู้จิ่นอวี๋เองก็ไม่มีเรียน จึงตัดสินใจรอกู้จิ่นอวี๋เลิกเรียน
แต่กู้จิ่นอวี๋กลับเอ่ยขอโทษปฏิเสธ “ข้าสัญญากับพระสนมซูเฟยแล้วว่าจะเข้าพบนางที่วัง เป็นวันอื่นแทนจะได้หรือไม่เจ้าคะ”
เดิมแม่นางเหยาจะตอบว่ายังไม่ต้องไปหาซูเฟยก็ได้ เพราะพวกนางเจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว
แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยออกไป กู้จิ่นอวี๋ก็ให้คำตอบ “ไม่ก็ท่านนำหน้าไปก่อนเลย หากข้าเข้าพบซูเฟยเสร็จแล้วค่อยตามไปทีหลัง”