สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 159 เยี่ยมบ้านเก่า
ในเมื่อนางเอ่ยเช่นนั้น แม่นางเหยาเองก็มิอาจไปบังคับอะไรนางได้
วันต่อมา แม่นางเหยามารอกู้เหยี่ยนและกู้เจียวที่หน้าตรอกปี้สุ่ย
เสี่ยวจิ้งคงเองก็อยากไปด้วย
ไหนๆ ก็ได้หยุดเรียนแล้ว แน่นอนว่าเขาอยากอยู่ใกล้ๆ กู้เจียว
แม่นางเหยามองเสี่ยวจิ้งคงเหมือนเป็นลูกตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงพาเขาไปด้วย
พวกเขาขึ้นรถม้าของจวนโหว เสียงกึกของก้องเกือกม้าบ่งบอกรถกำลังเคลื่อนตัวออกไป
เสี่ยวจิ้งคงทำท่าดีใจจนเนื้อเต้น โยกหัวไปมาข้างๆ กู้เจียว
“ดีใจขนาดนั้นเชียว” กู้เจียวถาม
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าจะได้พบญาติๆ น่ะสิ!” เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยตอบพลางแกว่งขาและโยกหัวไปมา
ทุกคนในรถพากันทำท่าตะลึง
เสี่ยวจิ้งคงอาศัยอยู่ในวัดมาตลอด ไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาญาติสนิทมิตรสหายมาก่อน แม้กู้เจียวจะนับว่าเป็นญาติคนแรกของจิ้งคงหลังจากที่ลงจากเขา แต่หากว่ากันตามตรงแล้ว เขาก็ไม่เคยจะมีโอกาสพบปะกับญาติๆ มาก่อน
เสี่ยวจิ้งคงเป็นหัวไว รอบคอบ กู้เจียวรวมถึงคนอื่นๆ จึงไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเด็กทั่วไป
และในตอนนั้นเองที่กู้เจียวฉุกคิดได้ว่าเสี่ยวจิ้งคงคาดหวังมาตลอดว่าอยากใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป เหมือนกับเด็กคนอื่น
นางมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของจิ้งคง พลางยื่นมือเข้าไปลูบหัวเหม่งของเขา
“แต่ข้าไม่มีผมแล้ว ท่านยายจะโปรดข้าไหม”
จิ้งคงเรียกชื่อญาติๆ ตามกู้เจียว ขอแค่กู้เจียวอนุญาต เขาก็จะเรียกตาม
แม้กู้เจียวจะไม่เคยเอ่ยปากเรียกแม่นางเหยาว่าแม่เลยสักครั้ง แต่ในใจลึกๆ กู้เจียวยอมรับในตัวแม่นางเหยา จิ้งคงเองก็รู้สึกได้ เขาจึงเข้าไปตีสนิทกับแม่นางเหยาด้วย
แม่นางเหยาบอกกับพวกเขาว่าวันนี้จะไปเยี่ยมท่านยาย จิ้งคงพยายามสังเกตสีหน้าท่าทางของกู้เจียว และดูเหมือนว่ากู้เจียวจะไม่ได้แสดงท่าทีปฏิเสธอย่างใด จิ้งคงเลยมองว่าคงไม่ผิดอะไรที่เขาจะใช้คำว่าท่านย่าด้วย
แม่นางเหยาเอ่ยตอบด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “ไม่หรอกจ้ะ จิ้งคงออกจะน่ารัก ไม่มีผมก็น่ารัก”
“ข้าเองก็คิดว่าตัวข้านั้นน่ารักน่าชังมาก!” เสี่ยวจิ้งคงทำหน้าภูมิใจ
กู้เหยี่ยนทำปากขมุบขมิบ ก่อนจะคว้าหมวกเสือมาสวมให้จิ้งคง “สวมหมวกไปเลยเจ้าน่ะ เดี๋ยวก็หนาวตายหรอก!”
จิ้งคงถึงกับปรี๊ดแตก “เจ้าอิจฉาที่ข้าทั้งเด็กกว่าทั้งน่ารักกว่าเจ้าละสิ!”
กู้เหยี่ยนได้แต่ขำแห้ง “เจ้าเนี่ยนะน่ารัก ข้าว่าเจ้าน่าสงสารที่ไม่มีใครรักต่างหาก”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ! ข้าน่ะ ทั้งหน้าตาน่ารักและเป็นคนน่ารักอีกด้วย!”
ทั้งสองต่อปากต่อคำกันไปสักพัก ไม่นานก็เดินทางมาถึงจวนเหยา
กู้เหยี่ยนไม่เคยมาเยือนที่จวนของท่านยายมาก่อน แม้แม่นางเหยากับสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลเหยาจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าใดนัก แต่แม่นางเหยาไม่เคยเล่าให้กู้เหยี่ยนฟังเลยสักครั้ง กู้เหยี่ยนจึงไม่ได้มีท่าทีรังเกียจตระกูลเหยามากเท่าไหร่
เขาเองก็ใจจดใจจ่อการเดินทางมาเยือนจวนเหยาครั้งนี้ เช่นเดียวกับจิ้งคง
แม่นางเหยาวานให้คนส่งข่าวมาที่จวนเหยาเมื่อคืนก่อนหน้าแล้ว เหยาหย่วนและภรรยาของเขาจึงมายืนรอแม่นางเหยาที่หน้าประตูตั้งแต่เช้าตรู่
ทั้งคู่ยืนรอตัวสั่นท่ามกลางอากาศอันหนาวเหน็บ
และแล้ว รถม้าได้เคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งสองไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปต้อนรับพวกเขา
“น้องพี่!” เหยาหย่วนรีบโบกมือทักทาย
พอรถม้าจอดสนิท แม่นมฝางเดินลงมาจากรถม้าก่อน ตามด้วยแม่นางเหยา
แม่นางเหยาเอ่ยทักทายพี่ชายกับพี่สะใภ้ก่อนจะหันหน้าไปทางในรถม้า
ปรากฏเจ้าหนูเม็ดถั่วกระโดดลงมาจากรถม้าก่อน เหยาหย่วนกับแม่นางเฮ่อยืนมองด้วยความมึนงง สักพักกู้เจียวและกู้เหยี่ยนเดินก็เดินออกมาตามลำดับ
ทุกคนรู้ว่ากู้เจียวและกู้เหยี่ยนเป็นลูกแฝดของแม่นางเหยา แต่เจ้าหนูเม็ดถั่วคนนี้ อย่าบอกนะว่า…
เป็นลูกของแม่นางเหยาเหมือนกัน
เหยาหย่วนหันหน้าไปมองแม่นางเหยาอย่างใคร่สงสัย
แม่นางเหยาเรียกเสี่ยวจิ้งคง “จิ้งคง เรียกท่านลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่สิ”
“ท่านลุงใหญ่! ท่านป้าสะใภ้ใหญ่!” จิ้งคงเอ่ยเรียกเสียงเจื้อยแจ้ว
แม่นางเฮ่อทำหน้ามึนงง พลางคิดในใจหรือเจ้าตัวเล็กนี่จะเป็นลูกของแม่นางเหยาจริงๆ
เมื่อวานแม่นางเหยาได้เล่าให้เหยาหย่วนฟังแล้ว จึงรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้คงจะเป็นเณรน้อยที่เจียวเจียวอุปถัมภ์จากวัดบนเขา นามว่าจิ้งคง
“เสี่ยวจิ้งคงเด็กดี” เหยาหย่วนเอ่ยชมจิ้งคงหนึ่งที
แม่นางเฮ่ออายุมากกว่าแม่นางเหยาสามปี ทั้งคู่เคยเป็นสาวงามเปี่ยมเสน่ห์ สิบกว่าปีผ่านไป แม่นางเหยายังคงสง่าเหมือนเดิม แต่แม่นางเฮ่อกลับเริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พอเห็นว่าจิ้งคงรีบวิ่งเข้าไปตรงรูปปั้นสิงโตที่ตั้งอยู่ด้านหน้าประตู แม่นางเฮ่อก็พลันเปลี่ยนมาให้ความสนใจที่กู้เหยี่ยนและกู้เจียว
ดูเหมือนกู้เหยี่ยนจะได้บุคลิกรูปงามราวกับหยกมาจากท่านโหวกู้ไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนกู้เจียวนั้น…
“นี่…กู้จิ่นอวี๋รึ” แม่นางเฮ่อชำเลืองไปที่รอยปานแดงบนใบหน้าของกู้เจียวก่อนเอ่ยถามตะกุกตะกัก
“นี่เจียวเจียวน่ะ” แม่นางเหยาเอ่ยตอบ
เมื่อวานที่เหยาหย่วนไปเยี่ยมแม่นางเหยาที่จวนโหว ก็ได้รู้ถึงเรื่องที่แม่นางเหยาอุ้มเด็กสลับกัน ซ้ำยังรู้ว่ากู้เจียวไม่ได้กลับเข้ามาพักที่จวนโหว แต่อาศัยอยู่ในเรือนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในตรอกปี้สุ่ย
แม่นางเฮ่อปกปิดสายตาที่แสดงถึงความผิดหวังเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นทำทีเป็นชะเง้อมองเข้าไปในรถม้า “จิ่นอวี๋ไม่ได้มาด้วยหรือ”
แม่นางเหยาเริ่มขมวดคิ้ว พลางนึกในใจ
จิ่นอวี๋นั่น จิ่นอวี๋นี่ เจียวเจียวลูกข้ายืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่คิดจะเอ่ยทักทายกันบ้างเลยหรืออย่างไร
ส่วนเจียวเจียวยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย นางเองก็ไม่คิดจะเอ่ยทักทายแม่นางเฮ่ออยู่แล้ว สักพักก็เดินตามจิ้งคงไปยังรูปปั้นสิงโต
เหยาหย่วนถลึงตาใส่แม่นางเฮ่อ
แม่นางเฮ่อทำปากขมุบขมิบไม่พอใจ ถามนิดถามหน่อยมิได้หรืออย่างไร
สักพัก แม่นางเฮ่อหันไปทางกู้เหยี่ยนพร้อมกับหน้ายิ้มระรื่น “พ่อหนุ่มคนนี้คงจะเป็นกู้เหยี่ยนสินะ”
กู้เหยี่ยนนึกในใจ เฮอะ
บังอาจเมินพี่สาวข้า งั้นข้าก็จะเมินเจ้า!
กู้เหยี่ยนเบือนหน้าหนี ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินไปหากู้เจียวและจิ้งคง
เหยาหย่วนและแม่นางเฮ่อเริ่มทำตัวไม่ถูก
เหยาหย่วนไม่ใช่คนสองมาตรฐานอยู่แล้ว แต่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าภรรยาจะแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา
เขากระแอมออกมาทีสองที ก่อนจะเอ่ยเชิญน้องสาวเข้าไปด้านในจวน “ท่านแม่อยู่ด้านใน เจ้ารีบเข้าไปหาเถิด”
แม่นางเหยาเดินเข้าไปในจวน
โดยมีแม่นางเฮ่อเดินประกบข้าง แต่ก็ไม่วาย แม่นางเฮ่อก็ถามถึงจิ่นอวี๋อีกครั้ง “ไฉนจิ่นอวี๋ถึงไม่ได้มาด้วยเล่า”
แม่นางเหยาหยุดฝีเท้า ก่อนจะหันไปตอบ “นางเข้าวังไปแล้ว!”
“อ้อ…” แม่นางเฮ่อทำหน้ามึนงง “จิ่นอวี๋เก่งจังเลย…เข้าวังได้ด้วย…”
แม่นางเหยาหน่ายจะเสวนาต่อกับพี่สะใภ้คนนี้
จุดประสงค์ที่นางมาที่นี่วันนี้ไม่ใช่เพื่อมาพบพี่สะใภ้สักหน่อย
ทุกคนมุ่งหน้าไปยังเรือนของเหล่าฮูหยินเหยา
ไม่เหมือนกับที่เหยาหย่วนเคยกล่าวไว้ ที่ว่าเหล่าฮูหยินเหยาสภาพอิดโรยราวไม้ใกล้ฝั่ง แต่ที่เห็นตรงหน้าคือสตรีสูงอายุที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเตา แม้ใบหน้าจะดูซีดเผือด แต่ไม่ว่ามองอย่างไรสภาพก็ไม่เหมือนกับคนที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน
แม่นางเหยาขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วหันหน้าไปทางเหยาหย่วน
ซึ่งกำลังก้มหน้าหนีอยู่
“เจ้าไม่ต้องไปมองค้อนเขาหรอก ข้าเองที่วานให้เขาไปตามเจ้ามาให้พบข้า ถ้าข้าไม่พูดเช่นนั้น มีหรือเจ้าจะกลับมาหาข้าบ้าง ตอนนั้นที่เจ้าแต่งเข้าจวนโหว เจ้าก็รีบตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเหยาทันควัน ข้าเลยตามใจเจ้า แล้วเป็นอย่างไรเล่า สิบปีผ่านไป ไม่เคยคิดจะโผล่หัวกลับมาเยี่ยมกันสักครั้ง ข้าเองก็อายุมากแล้วไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน จะขอดูหน้าค่าตาหลานชายหลานสาวของข้าสักหน่อยมิได้เลยหรือ” เหล่าฮูหยินเหยาเอ่ยเสียงเข้ม
แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้คนในตระกูลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่พอแม่นางเหยาได้ยินว่ามารดาตนอยากเจอเด็กๆ ก็พอจะทำให้ตนใจเย็นลงมาบ้าง
แม่นางเหยาเรียกเด็กทั้งสามให้เข้ามาด้านใน
กู้เหยี่ยนเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาก่อน
เหล่าฮูหยินเหยาดวงตาพลันเปล่งประกายพลางกวักมือเรียกหลาน “เหยี่ยนเอ๋อร์ เหยี่ยนเอ๋อร์ใช่ไหม มาเร็ว! ข้าขอดูใกล้ๆ หน่อย!”
กู้เหยี่ยนเห็นว่าฮูหยินโปรดเขาจริงๆ ก็ลังเลอยู่พัก ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้
เหล่าฮูหยินเหยาดีใจจนมือไม้สั่น ยื่นมือข้างนึงเข้าไปคว้าที่มือ ส่วนอีกมือก็ลูบไล้ที่ใบ้หน้า “ในที่สุดยายก็ได้เจอหน้าหลานเสียที… เจ้านี่ช่างเหมือนกับพ่อเจ้าจริงๆ !”
เมื่อตอนที่กู้เหยี่ยนยังอยู่ที่จวนโหว เขาไม่เป็นที่โปรดปรานของเหล่าฮูหยินกู้เท่าใดนัก พอได้รับความเอ็นดูจากเหล่าฮูหยินเหยาในครั้งนี้ เขาจึงรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ไหนลองเรียกยายให้ฟังทีซิ!” เหล่าฮูหยินเหยาเอ่ย
กู้เหยี่ยนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดออกไป ก็เป็นจังหวะที่กู้เจียวเดินจูงมือจิ้งคงเข้ามาพอดี
“นี่ท่านยายใช่ไหม” เสี่ยวจิ้งคงเอียงคอก่อนเอ่ยเรียกฮูหยินด้วยน้ำเสียงดี๊ด๊า
เหล่าฮูหยินเหยาทำท่าตกใจ
เหยาหย่วนที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงกระซิบอธิบาย “เป็นเณรน้อยที่เจียวเจียวรับมาเลี้ยงจากบนเขา นามว่าจิ้งคง เมื่อวานข้าเล่าให้ท่านฟังแล้วนี่นา”
เหล่าฮูหยินเหยารู้เรื่องภูมิหลังของเด็กทั้งสองมาแล้ว พอรู้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าคือจิ้งคง ดังนั้นคนที่กำลังจูงมือเขาอยู่ก็ย่อมต้องเป็นกู้เจียว
ในเมื่อเป็นลูกๆ ของแม่นางเหยา เหล่าฮูหยินจึงไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด เพียงแต่ “จิ่นอวี๋เล่า ไม่เห็นมาเลยนี่” เหล่าฮูหยินทำท่าชะโงกหัวมองไปด้านหลังเหมือนกับแม่นางเฮ่อในตอนแรก
“จิ่นอวี๋เข้าวังไปแล้วฮูหยิน!” แม่นางเฮ่อเอ่ยตอบด้วยสีหน้าชื่นมื่น
แม่นางเหยาจึงขยายความต่อ “เข้าพบซูเฟยเสร็จเดี๋ยวนางคงตามมาทีหลัง”
กู้เจียวสังเกตเห็นสีหน้าผิดหวังของเหล่าฮูหยินเหยา แต่ก็มิได้แสดงท่าทีเมินเฉยตนกับจิ้งคงแต่อย่างใด และเอ่ยเรียกพวกเขาเข้าไปใกล้ๆ “ดูสิ เป็นเด็กดีกันทั้งนั้นเลย รีบมาใกล้ๆ เร็ว!”
จิ้งคงจูงมือเจียวเจียวแล้ววิ่งต๊อกแต๊กเข้าไป
จิ้งคงเอ่ยเรียกท่านยาย แถมยื่นหัวเหม่งเข้าไปใกล้ๆ เพื่อให้ฮูหยินได้ลูบ
กู้เจียวยังคงนิ่งเฉย
เหยาหย่วนอธิบายกับเหล่าฮูหยินเหยา “เจียวเจียวเพิ่งจะเจอกับน้องได้ไม่นาน นางเป็นคนเก็บตัวไม่พูดไม่จา”
“ไม่เป็นไรหรอก” เหล่าฮูหยินเหยาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
แม่นางเหยามองมารดาของตัวเองด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป จนนางเริ่มปักใจเชื่อในสิ่งที่พี่ชายตนพูดเอาไว้เมื่อวาน
ท่านแม่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ นางไม่เลือกปฏิบัติแบบเมื่อก่อนแล้วที่มักจะให้ความสำคัญกับเด็กผู้ชาย แล้วมองเด็กหญิงเป็นแค่เครื่องมือแลกเปลี่ยน
ทว่า แม่นางเหยาอาจดีใจเร็วเกินไปหน่อย
ที่เหล่าฮูหยินเหยามีท่าทีเช่นนี้ เป็นแค่การแสดงละครตบตาเท่านั้น
ในขณะช่วงที่ทุกคนเดินออกไปนอกห้อง เหลือแค่กู้เหยี่ยนและเหล่าฮูหยินเหยาสองคน นางก็รีบให้คนใช้ไปหยิบกล่องใบหนึ่งมาให้ เปิดออกมาเป็นลูกพลับสีแดงขนาดใหญ่อยู่ในนั้น จากนั้นนางก็ยื่นให้กู้เหยี่ยน “นี่เป็นลูกพลับลูกใหญ่ราคาแพงที่ลุงเจ้าควักเงินซื้อเองกับมือ ข้าเก็บลูกนี้ไว้ให้เจ้า เอาไปกินสิ”
“มีแค่ลูกเดียวรึ” กู้เหยี่ยนเอ่ยถาม
เหล่าฮูหยินทำหน้างุนงง
“ถ้าเช่นนั้น ข้าเก็บไว้ให้กู้เจียวกับจิ้งคงดีกว่า”
“พวกเขามีแล้ว นี่เป็นของเจ้า!” เหล่าฮูหยินเหยาเรียกให้สาวใช้นำกล่องลูกพลับอีกกล่องไปให้กู้เจียว “ข้าเอาผลลูกพลับสองลูกที่ใหญ่ที่สุดแบ่งให้เจียวเจียวกับเด็กคนนั้น”
กู้เหยี่ยนพอได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรียกชื่อของจิ้งคง ก็เลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ข้าขอตัวไปหาท่านแม่ก่อน” กู้เหยี่ยนหาข้ออ้างปลีกตัวออกมา
เขาไม่ได้ออกไปหาแม่นางเหยาแต่อย่างใด แต่มุ่งหน้าไปที่สวนดอกไม้ซึ่งเป็นจุดที่กู้เจียวและจิ้งคงอยู่
จิ้งคงกำลังปั้นมนุษย์หิมะอย่างสนุกสนาน โดยมีกู้เจียวยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ
สักพักสาวใช้ของเหล่าฮูหยินก็นำกล่องลูกพลับมามอบให้กับกู้เจียวและจิ้งคง
“โอ้โห โอ้โห โอ้โห! ดูลูกพลับนี่สิ ทั้งใหญ่ทั้งแดงสวย! เจียวเจียว ข้ากินได้ไหม”
กู้เจียวพยักหน้า
จิ้งคงนั่งลงบนพื้นหิมะ ค่อยๆ ปลอกเปลือกลูกพลับอย่างตั้งอกตั้งใจ
กู้เหยี่ยนมองดูลูกพลับในมือตัวเอง แล้วมองไปที่ลูกพลับของอีกสองคน แววตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
ที่จริงเมื่อครู่เขาเห็นแล้วว่า ยังมีลูกพลับใหญ่อีกกล่องนึง เขานึกว่าสาวใช้จะเอาลูกพลับจากกล่องนั้นมาให้กู้เจียวกับจิ้งคงเสียอีก แต่กลายเป็นว่าพวกเขาเก็บกล่องนั้นไป แล้วเอาลูกพลับขนาดเล็กมาให้พวกเขาแทน
ส่วนลูกพลับใหญ่กล่องนั้นเป็นของใคร ไม่บอกก็รู้
ว่าต้องเป็นของกู้จิ่นอวี๋
เหล่าฮูหยินไม่ได้มีใจเอ็นดูลูกของแม่นางเหยาจริงๆ หรอก
หากเป็นคนที่จวนโหวยังว่าไปอย่าง เพราะอยู่ด้วยกันมาก็นาน
แต่เหล่าฮูหยินเหยานี่สิ ขนาดวันนี้พวกเขามาถึงที่นี่ ยังอุตส่าห์เก็บของดีที่สุดไว้ให้คนที่ไม่ได้มาด้วยอย่างกู้จิ่นอวี๋
กู้เหยี่ยนโกรธมาก!
เขาจึงเดินเข้าไปหาจิ้งคง คว้าลูกพลับเล็กของจิ้งคง แล้วยื่นลูกพลับใหญ่ของตัวเองให้แทน
จิ้งคงทำหน้าตกใจ ร้องอ๋อออกมาหนึ่งที ก่อนจะคว้าลูกพลับใหญ่แล้วเอามาปอก
พอปอกเสร็จ ก็ยื่นให้กู้เหยี่ยน “เอ้านี่”
กู้เหยี่ยนทำหน้างง “เจ้าทำอะไรน่ะ”
“อ้าว ไม่ใช่ว่าเจ้าเอาลูกพลับมาให้ข้าปอกหรอกรึ” จิ้งคงเอียงคอถาม
กู้เหยี่ยนคิดในใจ ข้าเอามาให้เจ้ากินต่างหาก!
เขารู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูก
จิ้งคงเอาลูกพลับลูกใหญ่ที่ปอกเสร็จแล้วยื่นให้เขา ก่อนจะคว้าลูกพลับลูกเล็กมาปอกต่อให้เสร็จ
จิ้งคงตั้งใจปอกอย่างมาก
กู้เหยี่ยนได้แต่รู้สึกเจ็บจุกข้างในใจ
เขาคุกเข่าลง เพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกับจิ้งคง “ลูกนี้ใหญ่กว่านะ เจ้าไม่เห็นรึไง ไม่อยากกินลูกที่ใหญ่กว่ารึ”
“ข้ากินไม่หมดหรอก” จิ้งคงเอ่ยตอบ
เสี่ยวจิ้งคงมีความคิดว่าของใหญ่ๆ เหมาะกับคนที่โตกว่า ส่วนเด็กๆ อย่างเขาเหมาะกับของเล็กๆ มากกว่า!
“อาเหยี่ยน” กู้เจียวหัวเราะให้กู้เหยี่ยน
กู้เหยี่ยนรีบลบความคิดที่ว่าจะพูดเรื่องความลำเอียงของเหล่าฮูหยินเหยาออกไป
ที่จริงเขาก็พอเดาทางของเหล่าฮูหยินเหยาออกอยู่บ้าง นางรู้ว่าเขาและจิ่นอวี๋เป็นลูกรักของท่านโหวกู้ ส่วนเจียวเจียวเป็นเด็กที่ไม่เคยอยู่ในจวนมาก่อน
นางจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจียวเจียวและจิ้งคงเท่าใดนัก แต่ขณะเดียวกันนางก็มิกล้าทำให้แม่นางเหยาลำบากใจ ก็เลยต้องทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ไปก่อน