สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 160.1 เปิดเผย (1)
กู้เหยี่ยนหน้าดำคร่ำเครียดหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ กู้เจียว
“โมโหรึ” กู้เจียวยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยถาม
“แล้วเจ้าล่ะ ไม่โมโหบ้างหรือ” กู้เหยี่ยนเอ่ยย้อนอย่างไม่สบอารมณ์
ถามไปก็เหมือนกับไม่ได้ถาม นางโกรธหรือไม่ไยเขาจะไม่รู้
จิ้งคงยังเด็กนัก ยังไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนเช่นนี้ เขายังพอเข้าใจได้ แต่กับกู้เจียวนี่สิ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนางถึงไม่อะไรเลย
กู้เจียวเอนตัวลงบนเก้าอี้ “มีอะไรน่าโมโหรึ ดูจิ้งคงสิ สนุกใหญ่เลย”
“แล้วเจ้าล่ะ” กู้เหยี่ยนหันไปถามนาง
กู้เจียวยกมุมปากขึ้น “อาเหยี่ยน ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอกน่า”
“เจียวเจียว เนื้อตัวข้าเลอะหมดแล้ว” จิ้งคงกินลูกพลับอย่างเอร็ดอร่อยจนน้ำฉ่ำของลูกพลับเปรอะไปทั้งตัว
“ไม่เป็นไร ข้าเอาเสื้อมาเผื่อเจ้าแล้ว” กู้เจียวจูงจิ้งคงเข้าไปในห้องแล้วช่วยล้างหน้าล้างมือให้ จากนั้นก็คว้าชุดผ้ากระสอบมาเปลี่ยนให้จิ้งคง
เหยาหย่วนเองก็มีลูกชายหนึ่งคน และลูกสาวอีกหนึ่งคน ลูกสาวนามว่าเหยาซิน ส่วนลูกชายมีนามว่าเหยาเฟิงอี้
เหยาเฟิงอี้เรียนหนังสืออยู่ที่นอกเมือง ได้ข่าวว่าปีนี้จะยังไม่กลับมา
พอถึงเวลาทานข้าว ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาโดยไม่ได้แบ่งแยกที่นั่งว่าชายหญิงต้องนั่งตรงไหน
เหล่าฮูหยินเหยาคีบน่องไก่ชิ้นโตให้จิ้งคง
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างสุภาพ “ขอบคุณท่านยาย แต่ข้าไม่กินเนื้อสัตว์”
ยายเฒ่าเคยบอกไว้ว่า ต้องรอเขาโตกว่านี้ก่อนจึงจะกินเนื้อสัตว์ได้!
“เช่นนั้นก็กินนี่สิ” นางจึงตักไข่ตุ๋นให้จิ้งคง
ไข่ตุ๋นของจวนเหยาถูกทำออกมาอย่างพิถีพิถัน ผสมไป่เหอลงไปด้วย หน้าตาแลดูน่าทานยิ่งนัก
เสี่ยวจิ้งคงก้มหน้าก้มตากินอย่างไม่รอช้า
มื้อนี้ทุกคนกินกันอย่างอิ่มหมีพีมัน
พอทานข้าวเสร็จ ฮูหยินก็ให้เหยาซินพากู้เจียวและคนอื่นไปเดินเล่นรอบสวน
กู้เหยี่ยนคว้าผ้าห่มออกไปด้วย
พอเดินออกไปได้พักเดียว เสี่ยวจิ้งคงก็เริ่มขยี้ตา
“ง่วงแล้วหรือ” กู้เจียวเอ่ยถาม
เสี่ยวจิ้งคงส่ายหัว “ข้าไม่ง่วงซักหน่อย! ก็แค่กินเยอะเกินไปต่างหาก”
กู้เจียวหัวเราะให้เขาก่อนจะคว้าตัวเด็กน้อยขึ้นมาอุ้ม
เสี่ยวจิ้งคงจ้องเขม็งไปที่กู้เจียว “ข้าไม่ง่วงจริงๆ ข้าไม่ได้อยากหลับสักหน่อย!”
ไม่นาน จิ้งคงน้อยก็เอนหัวแล้วผล็อยหลับไปในอ้อมอกกู้เจียว
ตอนแรกเหยาซินไม่เข้าใจว่าทำไมกู้เหยี่ยนต้องถือผ้าห่มออกมาด้วย แต่พอได้เห็นภาพที่กู้เหยี่ยนห่มผ้าห่มให้เจ้าจิ้งคงน้อย ก็รู้แล้วว่าทำไม
ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ช่างใส่ใจรายละเอียดนัก
“นี่ เมื่อไหร่ท่านพี่จิ่นอวี๋จะมาล่ะ” เหยาซินเอ่ยถาม
กู้เหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อยากรู้ก็ถามนางเองสิ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
เหยาซินอ้ำอึ้งไปพักหนึ่ง นางทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็เอ่ยถามต่อ “ข้าได้ยินมาว่าจิ่นอวี๋ได้เข้าสำนักบัณฑิตสตรีแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือไม่”
กู้เหยี่ยนเดิมรำคาญกู้จิ่นอวี๋อยู่แล้ว ยิ่งเหยาซินเอาแต่เอ่ยปากถามถึงนาง เขาก็ยิ่งโมโห พลางนึกในใจ นี่พี่สาวแท้ๆ ยืนอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ไม่เห็นหัวกันบ้างเลยรึ
“ข้าเองก็ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนล่ะ!” กู้เหยี่ยนเอ่ย ก่อนจะลากกู้เจียวเดินออกไปจากตรงนั้น
เหล่าฮูหยินเหยาแยกเด็กๆ ออกไปตามแผนของนาง จากนั้นก็ให้สัญญาณให้แม่นางเฮ่อ แม่นางเฮ่อจึงเดินเข้าไปหาแม่นางเหยา “ท่านแม่ล้าแล้ว ให้ท่านได้พักผ่อนเถอะ พวกเราไปคุยกันต่อที่ห้องของข้าดีกว่า”
แม่นางเหยาไม่ชอบหน้าพี่สะใภ้คนนี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธนางได้ เลยปล่อยตามเลย
และแม่นางเฮ่อก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นกัน พอพูดคุยกันไปได้สักพัก ก็เริ่มเปิดประเด็น “จิ่นอวี๋จะออกเรือนแล้วหรือยัง”
แม่นางเหยารู้ว่าแม่นางเฮ่อไม่มีทางเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างลอยๆ แน่นอน
นางจึงคิดสงสัย
หรือว่า แม่นางเฮ่อคิดจะจับคู่กู้จิ่นอวี๋กับเหยาเฟิงอี้กันนะ
“ยังเลย เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ของเหล่าฮูหยินกับท่านโหวกู้ ข้าไม่เข้าไปยุ่งเรื่องนี้หรอก” แม่นางเหยาเอ่ยตอบ
“จิ่นอวี๋เป็นเด็กอนาคตไกล เรื่องออกเรือน คงไม่มีทางน้อยหน้าใครแน่นอน จะว่าไปแล้ว ในเมื่อจิ่นอวี๋อายุครบสิบห้าแล้ว แม่อย่างเจ้าควรจะคิดเรื่องนี้ให้ดี”
“อืม” แม่นางเหยาเริ่มสงสัยกว่าเดิม นี่พี่สะใภ้ไม่ได้จะมาคุยเรื่องจิ่นอวี๋หรอกรึ สรุปแล้วนางต้องการอะไรกันแน่
แม่นางเฮ่อทำหน้ายิ้มกริ่ม “เหยาซินเองก็ใกล้จะอายุครบสิบห้าแล้ว แต่ก็ไม่ได้เก่งเท่าจิ่นอวี๋ ข้าเลยอยากจะรีบจัดการเรื่องหาคู่ให้นาง ไม่เช่นนั้นพออายุเยอะเข้าเดี๋ยวจะหาคู่ครองยากเอา”
แม่นางเหยาหันไปมองหนึ่งที ก่อนจะเอ่ยถาม “พี่สะใภ้อยากให้ข้าช่วยหาคู่ให้แม่นางเหยาซินรึ”
เรื่องนี้ไม่ยากเท่าไหร่
หลังจากที่อนุหลิงโดนพักงาน เหล่าฮูหยินเองก็งานเยอะ จึงมอบงานต่างๆ ให้แม่นางเหยาจัดการ ช่วงนี้แม่นางเหยากำลังเตรียมงานปีใหม่ของจวน เลยกะว่าจะใช้โอกาสนี้ในการมองหาคู่ครองที่เหมาะๆ ให้
แม่นางเฮ่อยิ้มกริ่มไม่เอ่ยอะไร
แม่นางเหยาเริ่มใจคอไม่ดี “อย่าบอกนะว่า ถูกใจบุตรชายของจวนโหวเข้าน่ะ ข้าขอบอกเลยว่า เป็นไปไม่ได้!”
แม่นางเฮ่อกำลังจะเอ่ยถึงชื่อจื่อของจวนโหวอยู่พอดี แต่พอเห็นท่าทีของแม่นางเหยา ก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน พลางดึงแขนแม่นางเหยา “แหม แม่นางเหยาก็ เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหนเล่า ข้าเองก็เห็นแก่เจ้านะ หากเหยาซินแต่งเข้าจวนโหว พวกเราสองตระกูลก็ยิ่งปรองดองขึ้น ให้เหยาซินเข้าไปช่วยงานของเจ้า จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาบ้าง แถมเจ้ายังได้เลื่อนสถานะกับตระกูลกู้จากคู่ปรับกลายเป็นคู่บุญยังไงล่ะ!”
แม่นางเหยาไม่เข้าใจเลยว่าแม่นางเฮ่อพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างไร
นางกับกู้เหยี่ยนโดนกระทำจนปางตายขนาดนั้น พี่สะใภ้ยังจะยัดเยียดให้หลานสาวแต่งเข้าจวนโหวอีกอย่างนั้นรึ
คู่บงคู่บุญอะไรกัน
ชั่วชีวิตนี้ นางไม่มีวันให้อภัยสามพี่น้องนั่นเด็ดขาด!
“พวกเจ้า เอาตัวข้าไปขายยังไม่สาแก่ใจพอใช่ไหม ถึงคิดจะลากเหยาซินไปขายด้วยอีกคน”
“เป็นความสมัครใจของเหยาซินเองต่างหาก!” แม่นางเฮ่อเถียงกลับ
แม่นางเหยาหัวเราะ “เหยาซินก็เห็นอยู่ว่าน้าตัวเองโดนกลั่นแกล้งมาขนาดนี้ ยังคิดอยากจะแต่งงานกับคนที่ทำร้ายน้าตัวเองอีกอย่างนั้นรึ พี่สะใภ้สอนลูกแบบนี้สินะ!”
สีหน้าแม่นางเฮ่อเริ่มไม่สู้ดี จึงอธิบายกับแม่นางเหยา “ก็ตัวเจ้าเองได้ดีมาแล้วนี่ ไม่ได้มารู้ร้อนรู้หนาวเลยสินะว่าตระกูลนี้ต้องเจอกับอะไร หากครั้งนั้นพวกเราไม่ได้ให้เจ้าแต่งเข้าจวนโหว คิดหรือว่าเจ้าจะมีวันนี้ สิบกว่าปีที่ผ่านมาเจ้าไม่เคยมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบที่นี่เลยสักครั้ง พวกเราเองก็ไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้า! ในเมื่อวันนี้หลานของเจ้าถึงเวลาต้องออกเรือน เจ้ากลับเห็นคนนอกดีกว่าคนในจวนอย่างนั้นรึ! ทำไม หรือเป็นเพราะเจ้าไม่อยากให้พวกเราได้ดีกว่าเจ้าใช่ไหม”
แม่นางเหยาฟังจบก็แสยะยิ้มใส่ “แล้วพี่สะใภ้จะรู้ได้อย่างไรว่าหากนางแต่งเข้าจวนแล้วจะมีชีวิตดีกว่าข้า”
“เหยาซินเป็นเด็กเรียบร้อยพูดจารู้เรื่อง ต้องเป็นที่โปรดปรานของน้องเขยกับเหล่าฮูหยินอย่างแน่นอน”
หากเป็นเมื่อก่อน แม่นางเหยาคงต่อปากต่อคำไม่หยุด ดึงเหตุผลต่างๆ นานามาอธิบาย แต่ต่อมา นางก็ตระหนักได้ว่า คนบางคนไม่สามารถใช้เหตุผลคุยด้วยได้ เพราะคนเหล่านั้นเอาแต่ฟังเหตุผลของตัวเอง
แม่นางเฮ่อไม่ได้สนใจเลยว่าที่ผ่านมานางต้องเจอกับความทรมานทรกรรมมามากเพียงใด หรือว่าง่ายๆ ก็คือ แม่นางเฮ่อเห็นแก่ตัว
แม่นางเหยาไม่โต้ตอบอะไร แล้วลุกเดินออกไป
แม่นางเฮ่อพอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มอารมณ์ไม่ดี ก็พยายามเข้าไปรั้ง “ไอ้หยา ข้าก็ไม่ได้หมายความเช่นนั้นเสียหน่อย เจ้าอย่าเข้าใจผิดสิ ข้าผิดไปแล้ว เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”
“เรื่องการแต่งงานของจวนโหว ข้าพูดให้เจ้าไม่ได้หรอก” แม่นางเหยาเอ่ย
ต่อให้พูดได้ คิดหรือว่าจะถูกใจพวกเขาน่ะ
“อย่างน้อยเจ้าก็พาเหยาซินไปนั่งเล่นที่จวนโหวบ้างสิ ไม่แน่เกิดอาจมีคนสนใจนางขึ้นมาก็เป็นได้” แม่นางเฮ่อเอ่ย
แม่นางเหยา “แล้วพี่สะใภ้คาดหวังให้ใครมาสนใจกัน”
แม่นางเฮ่อหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยตอบ “แน่นอนว่าถ้าเป็นซื่อจื่อก็คงจะดี…”
แม่นางเหยาถึงกับนิ่งอึ้งไป
นี่นางคิดจะให้เหยาซินแต่งกับซื่อจื่อของจวนโหวอย่างนั้นรึ
ฝันกลางวันชัดๆ !