สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 161.2 ทาสน้องชาย (2)
กู้เจียวตัดสินใจไม่เข้าไปในตรอกปี้สุ่ย แต่เดินเข้าไปในตรอกอื่นแทน
กู้เจียวแอบหยิบเข็มขึ้นมาไว้ที่มือ
และแล้ว อีกฝ่ายก็เริ่มไหวตัว
ปรากฏคนใส่หน้ากากสองคนถือมีดกระโดดลงมาจากด้านบน แล้วเข้ามาขวาง
กู้เจียวไม่รอช้า ยิงเข็มเงินเข้าไปที่กลางอกพวกเขา
ทั้งสองหมดสติไปทันที
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ มีลูกศรประหลาดยิงเข้ามาจากทางด้านหลัง
กู้เจียวก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตะกำแพงด้วยเท้าข้างหนึ่ง หมุนตัวไปในอากาศ และเตะลูกศรนั่นออกไป!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จู่ๆ มีตาข่ายขนาดใหญ่ถูกโยนลงมาจากหลังคา กู้เจียวดึงกริชออกจากเอวของนางและฟันตาข่ายจนหลุดรุ่ย
ไม่นานจู่ๆ มีเบ็ดจากที่ไหนไม่รู้เกี่ยวตะกร้าเล็กๆ ของนางออกไปต่อหน้าต่อตา!
“กล่องยา!”
กู้เจียวจ้องเขม็งไปที่บริเวณหลังคา
เห็นเป็นคนสวมชุดดำและหน้ากากสีดำที่ในมือคว้าตะกร้าของตน และกำลังมองลงมาที่ตน
เขาแสยะยิ้มให้ ก่อนจะกระโดดหนีออกไป
กู้เจียวรีบวิ่งตามเขาไป
กู้เจียวรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับไปเป็นสายลับอีกครั้ง อะดรีนาลีนในร่างกายเริ่มพุ่งพล่าน
นางรู้ว่าอีกฝ่ายฝีมือไม่ใช่เล่นๆ แน่นอน พวกเขาลอบโจมตีนาง แต่นางก็รอดมาได้
ในที่สุด กู้เจียวก็ตามมาจนถึงบ้านร้างแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะอยู่ข้างในนั้นแล้ว
พอกู้เจียวเปิดประตูเข้าไปด้านใน ลูกธนูนับสิบก็พุ่งตรงเข้ามาที่นางพร้อมกัน
ชาติก่อนกู้เจียวเคยหลบกระสุนได้ ดังนั้นความเร็วของธนูถือว่าไม่ยากเกินความสามารถของนาง
กู้เจียวหลบหลีกลูกธนูเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับพวกมันกำลังพุ่งตัวเข้ามาช้าๆ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น “คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะตามมาถึงที่นี่ได้”
เป็นเสียงที่ดังลอดจากภายใต้หน้ากาก
กู้เจียวสัมผัสได้ว่าใครคนนั้นจงใจจะเล่นงานนางจริงๆ
กู้เจียวเดินเข้าไปด้านใน พอขึ้นไปตรงบันได ก็ได้พบกับเจ้าของเสียง “เจ้าเป็นใคร”
ชายชุดดำหัวเราะ “ประโยคนี้ข้าควรถามเจ้ามากกว่า เจ้าคือใครกันแน่”
“เจ้าพยายามสังหารข้า ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าข้าเป็นใครเนี่ยนะ”
“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าเป็นเด็กสาวบ้านนอก เติบโตในชนบท เป็นโรคประสาท ปีก่อนเพิ่งจะหายดี แต่ข้าดูๆ แล้ว เจ้าไม่เหมือนเด็กสาวที่มาจากชนบทแต่อย่างใด”
“แล้วยังไงเล่า เจ้ามีปัญหารึ”
ชายคนนั้นเดินลงบันไดอย่างช้าๆ หน้ากากดำที่เขาสวมใส่ปกคลุมใบหน้าทุกส่วนอย่างมิดชิด ยกเว้นดวงตาอำมหิตคู่นั้น
เขาใช้มันจ้องเขม็งไปที่กู้เจียว “บุตรสาวตระกูลกู้ตัวจริงหายไปไหน”
ดูเหมือนจะไม่ใช่คู่แข่งโรงหมอเสียแล้ว เกรงว่าคงเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน
กู้เจียวเอาแต่จ้องไปที่ตะกร้าที่เขาถืออยู่ “คืนของของข้ามาเดี๋ยวนี้”
ชายคนนั้นขยับเข้ามาข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “หากเจ้ายอมบอกข้าว่าเอาบุตรสาวตระกูลกู้ตัวจริงไปไว้ที่ไหน ข้าอาจจะคืนของให้เจ้า”
“อย่ามัวแต่พูดพร่ำทำเพลง จะสู้ก็เข้ามาเลย อย่ามาทำเป็นไก่อ่อน” กู้เจียวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
ชายคนนั้นแม้จะอยู่ในเมืองหลวงมาหลายปี มีชื่อเสียงเลื่องลือในด้านอิทธิพลมืด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ด่าเขาว่าไก่อ่อน!
กู้เจียวไม่อยากอยู่เสวนาต่อ นางต้องรีบกลับเรือนไปทำกับข้าวอีก
กู้เจียวยกมือขึ้นทำท่ากวักเรียกอีกฝ่าย
การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นแปลกกว่าที่กู้เจียวจินตนาการไว้ หลังจากผ่านไปสองสามรอบ กู้เจียวยังคงกำราบเขาไม่ได้
ขณะเดียวกันเองก็ไม่ง่ายเลยที่ชายคนนั้นจะต่อกรกับกู้เจียว
เขาเลิกคิ้วขึ้น
เพราะปกติแล้ว ขอแค่สามกระบวนท่าเขาก็สามารถเอาชนะศัตรูได้แล้ว
แต่กับเด็กสาวคนนั้น เขาออกกระบวนท่าไปแล้วมากกว่าสิบท่า
และในตอนนั้นเอง เสียงเกือกม้าดังขึ้นจากในตรอก ตามมาด้วยเสียงเรียกของกู้ฉังชิง “ใครน่ะ”
ชายคนนั้นนิ่งไป
จังหวะนั้นเอง กู้เจียวคว้าตะกร้าของตัวเองมาได้ ก่อนจะชักกริชออกไปแล้วเขวี้ยงออกไปทางชายชุดดำที่กำลังทำท่าจะหลบหนี
ชายคนนั้นหลบไม่ทัน จึงโดนกรีดเข้าไปที่แขน เขาเผลอทำอาวุธลับตกพื้นขณะที่กำลังจะหยิบออกมาใช้
เขามองย้อนกลับไปทางประตู กัดฟัน และออกไปทางประตูหลัง!
“เจ้าเองรึ”
“เมื่อครู่เจ้ากำลังต่อสู่กับใคร”
“ไม่รู้สิ แต่พวกมันขโมยของของข้า”
“ผู้ใดกัน” กู้ฉังชิงเอ่ยถาม
กู้เจียวส่ายหัว “มันใส่หน้ากาก ข้าเลยเห็นไม่ชัด”
กู้ฉังชิงปราดตามองทั้งสี่ทิศ ก่อนจะเจออาวุธประหลาดที่ตกอยู่บนพื้น เขาเก็บมันขึ้นมา “เป็นเขาสินะ”
“เจ้ารู้จักด้วยรึ” กู้เจียวเอ่ยถาม
กู้ฉังชิง “พวกจอมโจรสำนักเฟยซวงสินะ อาวุธดาวกระจายซวงเสวี่ยเฟยเป็นอาวุธประจำของพวกมัน มีแต่พวกมันเท่านั้นที่ครอบครอง”
พวกสำนักเฟยซวงเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ทำเอาพวกราชสำนักต้องปวดหัวไปตามๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ส่วนกลาง หรือแม้กระทั่งกรมบังคับคดี ต่างก็เคยโดนกลุ่มคนพวกนี้เล่นงานจนอ่วม โดนพวกมันขโมยเอกสารลับทางราชการไปหลายต่อหลายครั้ง เรียกได้ว่าเป็นคู่ปรับตลอดการของราชสำนัก
พวกมันมักจะเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ไม่ทิ้งร่องรอย จึงไม่มีใครตามจับพวกมันได้
แม้แต่หน้าตาของพวกมัน ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็น
กู้ฉังชิงถามต่อ “พวกมันขโมยของของเจ้าไปได้อย่างไร”
พวกเฟยซวงหน้าไม่อายถึงขั้นต้องมาขโมยของจากเด็กหญิงตัวเล็กๆ แล้วรึ
กู้เจียวจำได้ลางๆ ที่ชายคนนั้นพูดไว้ “เหมือนเขาจะรู้จักข้านะ”
“พวกเฟยซวงเนี่ยนะ…รู้จักเจ้า” กู้ฉังชิงทำหน้าตะลึง
พลบค่ำ หิมะเริ่มตกหนักขึ้น
จวนตระกูลกู้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
กู้เฉิงหลินกลับมาเดินเหินได้อีกครั้ง เพียงแต่ว่าไม่สามารถออกไปไหนไกลได้ ส่วนใหญ่ยังคงต้องนั่งรถเข็น กู้เฉิงหลินให้บ่าวช่วยเข็นรถไปยังเรือนของพี่รอง
บุตรชายทั้งสามของจวนโหวมีเรือนส่วนตัวของแต่ละคน กู้เฉิงหลินก็เช่นกัน เพียงแต่เขาอยู่กับกู้เฉิงเฟิงจนชินแล้ว จึงยังไม่ย้ายออก
“พี่รอง พี่รอง!” เขาเคาะประตู
กู้เฉิงเฟิงเดินโผล่มาจากทางเดินอีกฝั่ง “มีเรื่องอะไรรึ”
“ท่านพี่ไปไหนมา เล่นเอาข้าตามหาเสียทั่วเลย!”
กู้เฉิงเฟิง “ตามหาข้าทำไมรึ”
“หน้าซีดเชียว ไม่สบายรึท่านพี่” กู้เฉิงหลินเงยหัวมองคนตรงหน้า
“ข้าไปหาของบางอย่างในห้องเก็บของ เลยรู้สึกหนาวๆ น่ะ”
“ออ” กู้เฉิงหลินพอได้คำตอบก็หายสงสัย “ว่าแต่ ท่านพี่เห็นลูกข่างของข้าไหม อันที่องค์ชายห้าเคยมอบให้ข้า หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ!”
กู้เฉิงเฟิง “ไม่ได้อยู่บนชั้นวางของตรงช่องที่สามจากด้านขวาหรอกรึ”
“รีบไปหามาเร็ว!” กู้เฉิงหลินรีบสั่งบ่าวทันที
บ่าวจึงรีบออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับลูกข่างอันประณีต “อยู่ตรงนั้นจริงด้วยขอรับ!”
กู้เฉิงหลินดีใจจนกระเด้งลุกขึ้นมาจากรถเข็น “พี่รองเก่งจริงๆ จำได้เสมอว่าของๆ ข้าวางอยู่ที่ใด!”
พูดจบก็ยื่นมือไปตบเบาๆ ที่แขนของพี่รองด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องโอ้ยด้วยความเจ็บของคนตรงหน้า
“พี่รอง เป็นอะไรไปรึ ข้าทำให้พี่รองเจ็บหรือเปล่า”
กู้เฉิงเฟิงรีบเอามือไขว้ไว้ที่ด้านหลัง ก่อนจะขอปลีกตัว “ไม่มีอะไร ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้าไปเล่นของเจ้าเถอะ ข้ากลับห้องก่อน”
กู้เฉิงหลิน “ออ”
วันนี้พี่รองดูแปลกๆ ชอบกล!