สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 167.2 ช่วยเหลือ (2)
เถ้าแก่รองนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเตียง มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ พลางมองเขาอย่างผ่อนคลาย “เป็นอะไรไป จะให้ข้าป้อนเจ้าหรือ”
เฟยซวงมองยาบนตู้หลังเตี้ย แต่ไม่เอื้อมมือออกไปหยิบในทันที
เถ้าแก่รองเอ่ยออกมาอีกครั้ง “วางใจเถิด ไม่ใช่ยาพิษ ข้าไม่มีทางทำลายชื่อเสียงตัวเองให้เสื่อมเสียหรอก!”
เฟยซวงมองเขาอย่างระแวง “เจ้าเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน”
เถ้าแก่รองเอ่ย “ที่นี่คือเมี่ยวโส่วถัง ข้าเป็นเถ้าแก่รองของเมี่ยวโส่วถัง ข้างกันคือสำนักบัณฑิตสตรี”
เมี่ยวโส่วถังเพิ่งเปิดให้บริการ จึงยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก เถ้าแก่รองจึงต้องเกาะกระแสความดังของสำนักบัณฑิตสตรี
เมื่อเอ่ยถึงสำนักบัณฑิตสตรี เฟยซวงก็เข้าใจในทันที
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
หากเขาจำไม่ผิด ตัวเองถูกทับอยู่ใต้ซากปรักหักพังของโรงมหรสพ
เขายังได้ยินเจ้าหน้าที่ทางการกับสาวใช้พูดว่า ต้องช่วยชีวิตไท่จื่อเฟย สังเวยชีวิตของคนในห้องเก็บของ
หลังจากนั้นเขาก็หมดสติไป
เขานึกว่าเขาต้องตายเสียแล้ว…
เถ้าแก่รองเอ่ยอย่างลำพองใจ “แน่นอนว่าเสี่ยวกู้ของเราช่วยชีวิตเจ้ากลับมาน่ะสิ!”
เนื่องด้วยทั้งสองฝ่ายคบค้ากันอย่างแน่นแฟ้น จะเรียกว่าแม่นางกู้ย่อมดูห่างเหินเกินไป จะเรียกว่าน้องกู้ก็เหมือนจะเป็นการตีสนิทกันเกินไป ด้วยปฏิภาณไหวพริบของเถ้าแก่รอง จึงเรียกนางว่าเสี่ยวกู้
เฟยซวงขมวดคิ้วมุ่น “เสี่ยว…กู้”
กู้อะไร
กู้เจียวอย่างนั้นหรือ
ใช่แน่นอน เขาได้ยินคนจากศาลาว่าการพูดถึง ว่านางหนูนั่นเป็นเด็กจัดยาอยู่ที่โรงหมอข้างสำนักบัณฑิตสตรี
นางไม่ได้ถูกทับอยู่ใต้หินเช่นเดียวกันหรอกหรือ เหตุใดถึงช่วยเขาได้
อีกอย่าง นางจะช่วยเขาได้อย่างไร
“เหตุใดนางถึงช่วยข้า” เฟยซวงถาม
“ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน!” เถ้าแก่รองเขย่าวัดน้ำหนักถุงบนโต๊ะ ถุงใบนั้นส่งเสียงกุกกัก ทั้งหมดคือดาวกระจายของเฟยซวง
“ค้นตัวเจ้าเจอดาวกระจายมากมายขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีเด่อะไรแน่นอน!”
เฟยซวงไม่ได้ปฏิเสธ
เขาไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
หากใช่จะได้ชื่อว่าจอมโจรอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงหรือ
เพราะเหตุนั้นทำไมนางถึงได้ช่วยเขาไว้
ไม่ว่านางจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือไม่ วันนี้เขาก็เล่นงานแล้ว
เป็นเขาเองที่ล่อลวงนางลงไปยังชั้นใต้ดินของโรงมหรสพชิงเฟิง ให้นางเค้นความลับของไท่จื่อเฟย
เพียงแต่เขาเองนั้นคาดไม่ถึงเลยว่าโรงมหรสพจะถล่มลงมา
ตอนนั้นเข้าหลบอยู่ในกำแพงลับของห้องเก็บของ จึงถูกซากปรักหักพังทับไปด้วย
แต่ที่เขาคาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ นางกลับเดาได้ว่าเขายังไม่ได้ออกไปจากห้องเก็บของ ท้ายที่สุดยังช่วยชีวิตเขาอีกต่างหาก
เขาไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าเล่นงานนางหรือไม่
ไม่สิ หากเดาได้ว่าเขายังไม่ออกไปจากห้องเก็บของ นางต้องไม่ใช่คนปัญญาทึบแน่นอน
เฟยซวงชะงักไป “แผลของข้า…ก็เป็นนาง…”
เถ้าแก่รองแค่นหัวเราะ “ฝันไปเถอะเจ้า อย่างเจ้าไม่มีวันได้รักษากับเสี่ยวกู้ของเราหรอก! หมอซ่งเป็นคนรักษาเจ้า! เขาเป็นคนเย็บแผลให้เจ้า!”
หมอซ่งเพิ่งเคยเย็บแผลให้คนเป็นครั้งแรก กู้เจียวเป็นคนให้กำลังใจเขา ถึงอย่างไรคนก็นอนสลบอยู่ เขาอยากจะทำอย่างไรก็ทำได้ทั้งนั้น
ผลปรากฏว่าคราแรกนั้นหมอซ่งเย็บผิด จึงต้องรีบเย็บใหม่อีกครั้ง
ฝีเย็บดูไม่จืดเลยทีเดียว
ฮึ เรื่องพวกนั้นเถ้าแก่รองไม่มีทางแพร่งพรายให้คนป่วยรู้แน่
เถ้าแก่รองโบกมือปัด เดินไปหยิบยาแล้วยื่นให้เขา “เอาละ เจ้าอย่าคิดมากเลย ข้าถามเสี่ยวกู้แทนเจ้าแล้ว”
เฟยซวงรับถ้วยยามาอย่างมึนงง “ถาม…อะไรรึ”
เถ้าแก่รองเอ่ยใดทันใด “ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงช่วยเจ้าน่ะสิ นางรู้จักเจ้า หรือว่าถูกชะตาเจ้า”
เฟยซวงชะงักไป “พูดเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า”
เถ้าแก่รองส่งเสียงฮึดฮัด “เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าพูดเพ้อเจ้อ ข้าขอเตือนเจ้า อย่าคิดว่าเสี่ยวกู้ของเราช่วยเจ้าไว้ แล้วเจ้าจะคิดมิดีมิร้ายกับนาง นางสูงส่งเกินกว่าเจ้าจะไขว่คว้าได้!”
เฟยซวงแสยะยิ้ม ไขว่คว้านางอย่างนั้นหรือ ชาตินี้ก็ไม่มีวันเสียงหรอก!
เฟยซวงมองเถ้าแก่รองอย่างเย็นชา “แล้วเหตุใดนางถึงช่วยข้า”
เถ้าแก่รองนึกพลางเอ่ย “ข้าถามนางว่าเหตุใดถึงช่วยเจ้า ตอนนั้นนางเหลือบมองเจ้า แล้วพูดออกมาสองคำ”
เฟยซวง “ว่าอย่างไร”
เถ้าแก่รอง “ตายยาก”
เฟยซวง “…”
ฟากฟ้าเริ่มมืดมิด โคมไฟในจวนโหวสว่างขึ้นมาทีละดวง
กู้เฉิงหลินนั่งบนระเบียง ชะเง้อมองไปทางประตู
บ่าวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ท่านชายสาม ด้านนอกลมแรงนัก ท่านเข้าไปในเรือนก่อนเถิด!”
กู้เฉิงหลินเอ่ยเสียงหนักแน่น “ไม่ ข้าจะรอพี่รอง!”
บ่าวเอ่ยต่อ “ข้าน้อยรอคนเดียวก็พอขอรับ ท่านเข้าไปนั่งข้างใน ประเดี๋ยวท่านชายรองกลับมา ข้าน้อยจะเรียกท่านทันที!”
กู้เฉิงหลิงไม่ยอม เขาเป็นถึงท่านชายน้อยแห่งจวนโหว นอกจากท่านโหวและลูกชายคนโตอย่างกู้ฉังชิงแล้ว ไม่มีใครบังคับเขาได้
บ่าวจนปัญญา จึงจำต้องเข้าไปหยิบเสื้อกันลมผืนหนึ่งมาห่มให้ท่านชายของตน
“เจ้ารีบไปดูที่หน้าประตูซิว่าพี่รองกลับมาหรือยัง” กู้เฉิงหลินเร่งเร้า
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!” บ่าวหนุ่มส่ายหน้า ไม่รู้ว่าวิ่งออกไปหน้าประตูใหญ่ของจวนโหวเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว
เขาจะทำอย่างไรได้เล่า
เขาเองก็หมดปัญญาแล้วเหมือนกัน
ทว่าครานี้บ่าวหนุ่มมิได้คว้าน้ำเหลว เขาเพิ่งเดินพ้นลานบ้านไปก็เห็นกู้เฉิงเฟิง เขารีบร้อนคำรับพลางเอ่ย “ท่านชายรอง ในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านชายสามรอท่านมาทั้งบ่ายเลยขอรับ!”
“ข้ารู้แล้ว” กู้เฉิงเฟินเดินเข้ามาในเรือนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
บ่าวหนุ่มเกาหัว วันนี้ท่านชายรองอารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นหรือ เหตุใดถึงได้สีหน้าเย็นชาเช่นนั้น
“พี่รอง!” ในที่สุดกู้เฉิงหลินก็ได้พบกู้เฉิงเฟิง ดีใจจนลุกยืนขึ้นจากรถเข็น
แม้จวนโหนจะมีกันสามพี่น้อง แต่กู้เฉิงหลินนั้นสนิทกับกู้เฉิงเฟิงที่สุด ประการแรกเพราะอายุไล่เลี่ยกัน ประการที่สองเพราะทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกัน อีกประการหนึ่งเป็นเพราะกู้ฉังชิงนั้นเข้มงวดเหลือเกิน จึงเป็นเหตุให้กู้เฉิงหลินเกรงกลัวเขา
“เหตุใดเจ้าถึงมานั่งตากลมอยู่ตรงนี้” กู้เฉิงเฟิงขมวดคิ้วมุ่น
“ก็รอท่านน่ะสิ” กู้เฉิงหลินเบ้ปาก “ได้ยินมาว่าท่านออกไปข้างนอกทั้งวัน พอหยุดเรียนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน ท่านแอบออกไปเที่ยวนอกจวน แล้วไม่พาข้าไปด้วยใช่หรือไม่”
“มีธุระนิดหน่อยน่ะ” กู้เฉิงเฟิงตอบในทันใด
“ธุระอันใด” กู้เฉิงหลินซักไซ้
กู้เฉิงเฟิงอ้าปากพะงาบ ขณะที่กำลังคิดหาทางหนีทีไล่ ก็ได้ยินกู้เฉิงหลินร้องตะโกนออกมา “พี่รอง! เหตุใดหัวท่านถึงได้เลอะเทอะเช่นนั้น โธ่! เสื้อผ้าท่านอีก! คอท่านมีแต่ดิน! ท่านไปทำอะไรมากันแน่ ชกต่อยกับผู้ใดมา”
“เปล่าเสียหน่อย” กู้เฉิงเฟิงปฏิเสธ ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องไป
กู้เฉิงหลินหมายจะตามเข้าไป แต่กู้เฉิงเฟิงกลับขวางไว้ “ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ท่านก็เปลี่ยนสิ!” กู้เฉิงหลินเอ่ย
กู้เฉิงเฟิงขมวดคิ้ว “เจ้าอยู่ข้างนอกรอข้า”
กู้เฉิงหลินมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด อะไรของเขา แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเหตุใดถึงไม่ยอมให้เขาเข้าห้อง
กู้เฉิงเฟิงนั้นมีน้ำอดน้ำทนกับน้อยชายผู้นี้มาตลอด ทว่าวันนั้นจิตใจของเขาว้าวุ่นเสียเหลือเกิน ประกอบกับบาดแผลบนร่างกาย จึงไม่มีแรงต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย
เขาปิดประตูแล้วลงกลอน
กู้เฉิงหลินอ้าปากค้าง “ทำอะไรกัน ถึงกับต้องลงกลอนประตูเชียวหรือ”
หลังจากกู้เฉิงเฟิงเข้าห้องมา เขาก็อดทนต่อไปอีกไม่ไหว มือข้างหนึ่งค้ำยันกับโต๊ะไว้ อีกข้างหนึ่งยกขึ้นกุมหน้าอก
ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว ความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องของเขาปะทุขึ้นมา
หมอกระจอกที่ไหนเย็บแผลให้เขากัน เหตุใดถึงเจ็บเช่นนี้!
“ซี้ด”
เขาสูดลมหายใจเย็นยะเยือก
“พี่รอง ท่านเสร็จหรือยัง ท่านปู่รอพวกเราไปกินข้าวอยู่นะ!” กู้เฉิงหลินเร่งเร้าอยู่ด้านนอก
กู้เฉิงเฟิงเก็บกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ถอดเสื้อตัวในที่เต็มไปด้วยคราบเลือดออก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ “ใกล้เสร็จแล้ว เจ้าอย่าเร่งจะได้ไหม”
ทันใดนั้นกู้เฉิงหลินก็ร้องขึ้นมา “อ้าว พี่ใหญ่”
ฝ่ามือของกู้เฉิงเฟิงสั่นเครือ