สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 189.2 สมเพช (2)
บทที่ 189.2 สมเพช (2)
กู้เจียวเคยเล่นงานกู้เฉิงหลินมากก่อน แน่นอนว่าย่อมรู้จักเขา
นางไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เจ้าหนุ่มนี่ถูกคนแทง
แววตาของกู้ฉังชิงดูซับซ้อน เขารู้ดีว่ากู้เฉิงหลินกับสองพี่น้องชายหญิงคู่นั้นไม่ลงรอยกัน ทั้งยังรู้ดีว่ากู้เจียวคงไม่อยากเห็นหน้ากู้เฉิงหลินมากนัก
เพียงแต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
เขาหันไปมองกู้เจียว ริมฝีปากขยับอ้า ยากจะเปล่งคำพูดออกมา “ขอร้องเจ้าละ ช่วยเขาด้วย”
บนหลังคาบ้านที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก กู้เฉิงเฟิงเจ็บปวดราวกับเข็มตำใจ
เขายังใช่พี่ใหญ่ผู้ห้าวหาญอยู่หรือไม่ ยังใช่พระยายมราชไร้หัวใจแห่งกองทัพผู้ไม่เคยก้มหัวให้ใครอยู่หรือไม่
แต่เขากลับอ้อนวอนร้องขอนางเด็กคนนี้อย่างนั้นหรือ!
นางจะทำเช่นไร
นางจะปฏิเสธพี่ใหญ่หรือไม่
กู้เจียวเปิดประตูกว้างทั้งสองบาน “เข้ามา”
กู้ฉังชิงอุ้มกู้เฉิงหลินเข้ามาในเรือน
เซียวลิ่วหลังเองก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน เขาสวมเสื้อผืนบางเดินออกมา เขามองกู้ฉังชิงและกู้เฉิงหลินที่อยู่ในอ้อมกอดเขา
กู้ฉังชิงเคยมาดูแลกู้เหยี่ยนที่เป็นอีสุกอีใส ทำให้เซียวลิ่วหลังรู้จักเขา ทว่าเซียวลิ่วหลังไม่เคยพบกู้เฉิงหลินมาก่อน
กู้เฉิงหลินบาดเจ็บ เลือดไหลอาบไม่หยุด
เซียวลิ่วหลังไม่ถามให้มากความ ก่อนจะเอ่ยกับเจียวเหนียง “ไปที่ห้องข้าเถิด ข้าจะอุ้มเสี่ยวจิ้งคงไปที่ห้องเจ้าเอง”
กู้เจียวรับคำ “ได้”
เซียวลิ่วหลังกลับเข้าไปในห้อง อุ้มเสี่ยวจิ้งคงที่หลับฝันหวานไปยังห้องของกู้เจียว
กู้ฉังชิงอุ้มกู้เฉิงหลินไปยังห้องฝั่งตะวันตก
กู้เจียวหยิบกระดาษสีฟ้าอ่อนที่กู้ฉังชิงไม่เคยพบเห็นมาก่อนออกมาจากกล่องยาใบน้อย ก่อยจะปูลงบนเตียง “เรียบร้อยแล้ว วางเขาลงบนนั้น”
กู้ฉังชิงวางกู้เฉิงหลินลงอย่างเบามือ พลางหันไปถามกู้เจียว “ยังช่วยเขาได้หรือไม่”
กู้เจียวหยิบยาฆ่าเชื้อออกมา แล้วฆ่าเชื้อฝ่ามือทั้งสองข้าง “บอกไม่ได้ จุดไฟด้วย”
กู้ฉังชิงกูลีกูจอจุดตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะ
เซียวลิ่วหลังเองก็หยิบตะเกียงดวงอื่นในบ้านออกมาจุด
กู้เจียวบอกกับเซียวลิ่วหลัง “เจ้าไปนอนก่อนเถิด” แล้วหันไปเอ่ยกับกู้ฉังชิงอีกครั้ง “ไปต้มน้ำมาหน่อย”
“ได้!” กู้ฉังชิงรับคำใดทันที
ทั้งสองออกจากห้องไป
กู้เจียวสวมถุงมือแล้วเริ่มตรวจดูบาดแผลของกู้เฉิงหลิน
นางใช้กรรไกรตัดเสื้อของกู้เฉิงหลินแล้วแหวกออก หมอประจำจวนให้ยาห้ามเลือดกับเข้าแล้ว ทว่าได้ผลน้อยนัก เลือดแดงสดยังไหลออกมาไม่หยุด แต่ยังโชคดีที่หมอประจำจวนยังไม่ได้วู่วามชักมีดออก ในกรณีเช่นนี้หากดึงมีดออกมามีหวังเสียเลือดมากจนตายเอาได้
เพราะว่าไม่มีเครื่องเอ็กซ์เรย์ กู้เจียวจึงทำได้เพียงคาดคะเนจากความยาวของกริชและมุมจากตำแหน่งที่ถูกแทง
ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือเปล่าว่ากู้เฉิงหลินนั้นดวงแข็ง คมมีดอยู่ห่างจากหัวใจเขาไม่ถึงครึ่งนิ้วด้วยซ้ำ
กู้เจียวเจาะท่อต่อสายเพื่อให้อะดรีนาลีนแก่เขา จากนั้นก็หยิบกระดาษอินดิเคเตอร์ออกมา แล้วหันไปพูดกับกู้ฉังชิงและเฉียวลิ่วหลังที่ไม่ยอมกลับไปนอนที่ห้อง “เขาต้องเติมเลือด ข้าจะตรวจหมู่โลหิตของพวกเจ้า”
ทั้งสองคนไม่เข้าใจว่าอะไรคือหมู่โลหิต
แต่ในค่ายทหารก็มีการรักษาโดยการให้เลือดเช่นกัน โดยมากจะเป็นการใช้กำลังภายในถ่ายเลือดเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย ทว่าการรักษาด้วยวิธีนี้มีความอัตราการตายที่สูงมากเช่นกัน
กู้เจียวเก็บตัวอย่างเลือดจากปลายนิ้วของทั้งสี่คน
ผลปรากฏว่าเข้ากันไม่ได้เลยสักคน
หญิงชราและกู้เหยี่ยนนั้นคงไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่เข้าเกณฑ์คุณสมบัติที่จะบริจาคเลือดได้
กู้ฉิงชิงเอ่ยถาม “พวกข้าเป็นพี่น้องกัน เลือดของข้าก็ใช้ไม่ได้หรือ”
กู้เจียวตอบ “เรื่องนี้ซับซ้อนนัก แม้ข้ากับกู้เหยี่ยนจะเป็นฝาแฝดกัน ก็ใช่ว่าหมู่โลหิตของพวกข้าสองคนจะเข้ากันได้”
กู้ฉังชิงมึนงงไปหมด
หยดเลือดเพื่อตรวจหาพ่อแม่ หากเลือดผสมกันแสดงว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน ไม่ได้แปลว่าเลือดจะเข้ากันได้หรอกหรือ ยามหมอของทางการในกองทัพให้เลือดก็ใช้เลือดของคนในครอบครัวเดียวกัน เพียงแต่ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตได้เหมือนเดิม
นั่นเป็นเพราะว่าแม้จะคนในครอบครัวเดียวกันจะได้รับถ่ายทอดพันธุ์กรรมแบบเดียวกัน มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีหมู่โลหิตเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย
“อ๋อ หลิวฉวน!” กู้เจียวนึกถึงพ่อบ้านของจี้จิ่วอาวุโส เขากำลังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น สามารถบริจาคเลือดได้
กู้ฉังชิงตั้งใจว่าจะออกไปตามหลิวฉวนที่เรือนหลังถัดกัน แต่พอเปิดประตูใหญ่ออกก็เห็นกู้เฉิงเฟิงหน้านิ่งยืนอยู่หน้าประตู
กู้ฉังชิงชะงักไปเล็กน้อย “เจ้ามาได้อย่างไร”
แววตาของกู้เฉิงเฟิงมืดมน “ข้าต่างหากที่ต้องเป็นคนถามพี่ใหญ่ พี่ใหญ่มาได้อย่างไร พี่ใหญ่บอกว่าจะพาน้องสามไปหาหมอไม่ใช่หรือ หรือว่าจะเป็นที่นี่ ที่นี่มีหมอเสียที่ไหนกัน ก็แค่เด็กหยิบยาที่มือแม่นคนหนึ่งไม่ใช่หรือ”
กู้ฉังชิงแอบสัมผัสได้ว่าน้องชายคนนี้ต่างไปจากปกติ ท่าทางดูอันตราย แต่ตอนนี้ในหัวของเขามีอาการบาดเจ็บของกู้เฉิงหลิน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เขาเอ่ย “ข้าไม่มีเวลามาอธิบายกับเจ้า ถอยไป!”
กู้เฉิงเฟิงตอบ “ข้าไม่ถอย! พี่ใหญ่คงทรยศพวกเรามาตั้งนานแล้วสินะ!”
กู้เฉิงเฟิงกำหมัดแน่นจนเสียงดังกรอด “เพราะอย่างนั้นท่านพี่ถึงได้ยอมรับพวกเขาแล้ว ต่อให้ท่านแม่ไม่ได้ตายเพราะแม่นางเหยา แต่น้องสามก็ถูกนางนั่นทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส! นางเกลียดชังน้องสามมากเพียงใด พี่ใหญ่ไม่รู้เลยหรือ ข้าว่าพี่ใหญ่คงผู้นางนั้นมอมเมาจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วกระมัง จำได้เพียงแค่ว่าตนเองมีน้องสาว แต่จำได้หรือไม่ว่าตัวเองยังมีน้องชายอีกสองคน!”
กู้ฉังชิงเอ่ยเสียงเย็น “หุบปาก!”
“ท่านเคยพูดว่า ท่านมีน้องชายสองคน ไม่มีน้องชายคนที่สาม แล้วก็ไม่มีน้องสาวด้วยเช่นกัน คำพูดนั้นท่านลืมไปแล้วหรือ” สองตาของกู้เฉิงหลินลุกเป็นไฟ “ได้ เช่นนั้นข้าขอถามท่าน นางพูดหรือว่าจะรักษาน้องสามได้ ไม่ได้พูดใช่หรือไม่ เช่นนั้นหากนางจงใจรักษาให้น้องสามตาย อย่างมากก็แค่บ่ายเบี่ยงว่าน้องสามบาดเจ็บสาหัส ไม่มีหมอเทวดาที่ใดรักษาได้!”
ความอดทนของกู้ฉังชิงถึงขีดจำกัดแล้ว “นางไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เจ้าพูด! น้องสามยังมีโอกาสรอด แต่หากเจ้ายังไม่ถอยไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
กู้เฉิงเฟิงสู้ไม่ถอย “ได้! เช่นนั้นพี่ใหญ่ก็ลองดู! หากพี่ใหญ่ไม่ปกป้องน้องสาม ข้าก็จะเป็นคนปกป้องน้องสามเอง! วันนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครต้องบาดเจ็บ…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เงาร่างผอมบางก็ประชิดเข้ามาที่ด้านหลังของเขา ก่อนจะใช้เข็มเล่มเล็กแทงเข้าไป!
“เจ้า…” กู้เฉิงเฟิงหันหลังไป ร่างทั้งร่างโอนเอนก่อนจะหมดสติล้มลงไป
กู้ฉังชิงประคองร่างเขาไว้
กู้เจียวเก็บเข็มลง ก่อนจะเก็บเลือดของกู้เฉิงเฟิง
กู้ฉังชิงตื่นตะลึง “เจ้าไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือ เหตุใดถึง…”
กู้เฉียวยักไหล่ “อ๋อ ข้าออกประตูหลังน่ะ”
เดินออกจากประตูหลังไปที่เรือนของจี้จิ่วอาวุโส แล้วเดินออกจากเรือนของจี้จิ่วอาวุโสมา จากนั้นก็ตลบหลังกู้เฉิงเฟิงอีกที
กู้ฉังชิงมองกู้เฉิงเฟิงที่เอาแต่สร้างเรื่อง “เขา…”
“ไม่เป็นอะไรหรอก ก็แค่ยาที่ทำให้ง่วงน่ะ” กู้เจียวเอ่ย มองดูกระดาษอินดิเคเตอร์ในมือ “โอ้ ไม่ต้องไปตามหลิวฉวนแล้วละ”
หมู่เลือดของกู้เฉิงเฟิงเข้ากับของกู้เฉิงหลินได้
กู้ฉังชิงอุ้มร่างเขาเข้าไปในเรือน
เชียวลิ่วหลังหยิบเสื้อแห้งออกมาผืนหนึ่ง เพราะเสื้อของกู้เฉิงหลินอาบไปด้วยคราบเลือด คงใส่ไม่ได้แล้ว
กู้ฉังชิงเดินทางมาด้วยความรีบร้อน ไม่ทันได้คิดรอบคอบนัก เขาพินิจมองเซียวลิ่วหลังอย่างตั้งใจ ไม่มีความแปลกหน้าหรือความหวาดระแวงเหมือนยามแรกพบอีกต่อไป “ขอบใจนัก”
กู้เจียวเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าออกไปเถอะ”
ยามผ่าตัดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง นางไม่อยากสร้างปมในใจให้คนในครอบครัวของคนเจ็บและครอบครัวของตัวเอง
ทั้งสองออกไปยังห้องโถง
ขณะที่กู้เจียวกับกำลังเจาะเลือดของกู้เฉิงเฟิง กู้เฉิงเฟิงก็ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา แต่เพราะฤทธิ์ของยากล่อมประสาททำให้ขยับตัวไม่ได้
เขาเห็นแขนของตัวเองและกู้เฉิงหลินมีสิ่งแปลกประหลาดเสียบอยู่ คล้ายว่าเลือดของเขากำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของน้องชาย
เจ้าหนุ่มนี่จะเกิดปมในใจหรือไม่นั้น กู้เจียวไม่สนใจแม้แต่นิด
กู้เจียวหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยกับเขาด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าจะเริ่มผ่าตัดแล้ว”
กู้เฉิงเฟิงหอบหายใจเฮือก
วินาทีต่อมา กู้เจียวดึงกริชออกมาในทันใด เลือดแดงสาดกระเซ็นไปทั่ว
กู้เฉิงเฟิง “…”