สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 198.2 เสร็จสิ้น (2)
บทที่ 198.2 เสร็จสิ้น (2)
คนส่วนใหญ่จะเขียนตอบไปในทางที่ว่าผู้สืบทอดประเภทใดจะเป็นประโยชน์ต่อแคว้นมากกว่า หรือการอ้างถึง ยกตัวอย่าง และชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของแต่ละสถานะ
ไม่ว่าจะเป็นการตอบรูปแบบไหน แต่ไม่ใช่กับเซียวลิ่วหลังแน่นอน
เพราะถ้าเขาตอบเช่นนั้น ก็เท่ากับเป็นการแจ้งฝ่าบาทว่า หากบุตรของท่านไม่ได้เรื่อง ก็เปลี่ยนเสียเลยสิ
ถ้าเป็นยุคก่อนๆ คำตอบเหล่านี้จัดว่าเป็นเรื่องต้องห้าม
แต่ต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบันที่มีเสรีภาพทางการพูด ก็ถือว่าแรงไปอยู่ดี
จี้จิ่วอาวุโสไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าลูกศิษย์คนนี้กล้าเขียนคำตอบแบบนั้นออกไปได้อย่างไร ไม่รู้ในหัวคิดอะไรอยู่
โชคยังดีที่ช่วงท้ายเขาเขียนตอบประจบสอพลอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ใจความประมาณว่า ที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้ขึ้นครองบัลลังก์นั้นล้วนเป็นเพราะบารมีและความปรีชาของพระองค์ ไม่เกี่ยวกับสายเลือด ไม่เกี่ยวกับชนชั้นวรรณะ
แต่ดูเหมือนเขาดีใจเร็วเกินไป
เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าเด็กนี่ไปเรียนวิชาประจบสอพลอมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
จู่ๆ จี้จิ่วอาวุโสรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ยังมีความสามารถอะไรบางอย่างอันน่ากลัวแฝงอยู่ข้างใน
แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ได้สอนแน่นอน!
เขาไม่เคยบอกให้ลูกศิษย์ใช้มุกประจบสอพลอเลยสักครั้ง!
จี้จิ่วอาวุโสรู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ที่เหลือก็เป็นเรื่องของโชคชะตาแล้วละ
หลังจากการสอบชุนเหว่ย มีผู้เข้าสอบไม่น้อยที่ล้มป่วยเข้าโรงหมอ ส่งผลให้โรงหมอของกู้เจียวกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ยาห้ามเลือดที่กู้ฉังชิงสั่งทำไว้ก็ผลิตออกมาได้ครบตามจำนวน ยาทุกขวดผ่านการตรวจประสิทธิภาพจากกู้เจียว พอผ่านแล้ว จึงจะสามารถนำไปส่งที่ค่ายทหารได้
ช่วงก่อนปีใหม่ กู้เจียวเขียนจดหมายถึงเซวียหนิงเซียง บอกว่าโจวเอ้อร์จวงสบายดี เซวียหนิงเซียงจึงตอบกลับจดหมายเรื่องความเป็นไปของหมู่บ้านและความคืบหน้าของสวนปลูกยาของกู้เจียว แถมยังมีของฝากแนบมาด้วย
มีทั้งของที่ให้กู้เจียว และของที่ฝากกู้เจียวเอาไปให้โจวเอ้อร์จวง
กู้ฉังชิงมาเยี่ยมกู้เฉิงหลินที่โรงหมออยู่บ่อยครั้ง กู้เจียวก็เลยฝากของวานให้เขานำไปให้โจวเอ้อร์จวง และหากมีจดหมายตอบกลับจากโจวเอ้อร์จวงก็ขอให้เขาส่งมาให้นางด้วย นางจะได้ส่งกลับไปที่หมู่บ้าน
ในจดหมายของเซวียหนิงเซียง กู้เจียวพบเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างนึง
นั่นก็คือ ลายมือของเซวียหนิงเซียงเริ่มสวยกว่าของตัวเองแล้ว!
“เอ นางไปเรียนเขียนอักขระกับใครมานะ ถึงได้พัฒนาเร็วเช่นนี้” กู้เจียวเอ่ยพึมพำ
หารู้ไม่ เซียวลิ่วหลังหรี่ตาสังเกตการณ์กู้เจียวอยู่พักใหญ่ๆ แล้ว พอได้ยินดังนั้น เขาก็ย่องกลับเข้าห้อง แล้วคว้าสมุดที่เคยบอกให้กู้เจียวฝึกเขียนหนังสือเปิดขึ้นมาดู!
กระดาษคำตอบจากการสอบชุนเหว่ยมีมากกว่าพันชุด หลังจากถูกส่งมายังอาคารหลักแล้ว ก็ได้เวลาตรวจข้อสอบ โดยกรรมการตรวจข้อสอบมีอยู่ทั้งหมดยี่สิบคน ถูกแบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม กลุ่มละสี่คน ซึ่งก็แปลว่าข้อสอบหนึ่งชุดจะต้องผ่านการตรวจจากกรรมการสี่คน หากกรรมการสองคนขึ้นไปตัดสินว่าไม่ผ่าน ก็ถือว่าผู้เข้าสอบคนนั้นไม่ได้ไปต่อ
ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ให้ผ่านได้โดยสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะหลังจากลงมติเสร็จ ก็ยังมีกรรมการอีกชุดที่คอยตรวจสอบ หากกรรมการท่านใดจงใจปัดตกโดยไม่มีสาเหตุหรือมีเจตนาแอบแฝง จะต้องถูกลงโทษสถานหนัก
ทุกกลุ่มจะต้องเลือกกระดาษคำตอบที่ดีที่สุดห้าสิบชุดจากทั้งหมดห้าร้อยชุด ก่อนจะส่งถึงมือมือของหัวหน้าและรองหัวหน้าฝ่ายบริหาร ผู้ที่ถูกเลือกคือผู้ที่มีสิทธิ์จะได้เป็นก้งซื่อ
แน่นอนว่าฝ่ายบริหารจะต้องทำการคัดเลือกอย่างรอบคอบ คัดแยกกระดาษคำตอบที่มีข้อโต้แย้งออกไปก่อน ส่วนที่ถูกคัดออกก็จะถูกจัดลำดับตามคะแนนที่ได้ จากนั้นค่อยมาดูอีกทีว่ายังขาดรายชื่ออีกเท่าไหร่ ถ้ายังขาด ก็จะนำส่วนที่คัดออกมาพิจารณาอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีรายชื่อพิเศษอีกสิบคน
ซึ่งก็คือคนที่ฝ่าบาทและขุนนางระสูงคนอื่นๆ คอยหนุนหลังอยู่
รายชื่อพวกนี้ จะถูกนำส่งโดยทันที
ถ้าบังเอิญเลขลงตัว ก็จะได้ก้งซื่อจำนวนสองร้อยคนลงตัว แต่ถ้าไม่ ก็แค่เพิ่มเข้าไปอีกนิดหน่อยเท่านั้น
ในส่วนของการสอบในวังหลวง พวกเขาจะทำได้ดีหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาของกรรมการตรวจข้อสอบแล้ว
กระบวนการทั้งหมดนี้ รวมๆ แล้วคงต้องรอถึงเดือนหน้ากว่าจะได้รายชื่อออกมา
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเซียวลิ่วหลัง เขายังเหมือนเดิม ยังออกไปส่งจิ้งคงเรียนหนังสือเหมือนเดิมกับที่ผ่านมา
กู้เจียวเองก็วางตัวเฉย จนดูแทบไม่ออกเลยว่านางแทบจะเอาเงินทั้งหมดที่มีไปลงพนัน
ส่วนกู้จิ่นอวี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก ตั้งแต่ตอนที่นางถูกจวงเมิ่งเตี๋ยพูดจาเหยียดหยาม ทุกคนในโรงเรียนสตรีก็เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป เด็กสาวหลายคนที่เมื่อก่อนชอบอยากเข้ามาประจบประแจงกับนาง บัดนี้กลับตีตัวออกห่าง
กู้จิ่นอวี้เลยตัดสินใจขอลาป่วยไม่เข้าเรียน
ขณะที่กู้จิ่นอวี้กำลังนอกพักที่จวน จู่ๆ แม่นมฉีก็มาหาที่จวน
แม่นมฉีเป็นแม่นมคนสนิทของซูเฟย
กู้จิ่นอวี้จึงรีบออกไปต้อนรับนาง “ลมอะไรหอมแม่นมฉีมาได้ละเนี่ย”
แม่นมฉีตีเข้าไปที่มือของกู้จิ่นอวี้เบาๆ หนึ่งที ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “เจ้านี่นะ ถ้าไม่ได้ถามโหวเหย่ คงไม่มีทางรู้เลยว่าแม่นางล้มป่วยกะทันหัน แล้วนี่ทำไมไม่แจ้งให้พระสนมทราบเล่าเจ้าคะ นางเป็นห่วงแม่นางมากรู้หรือไม่เจ้าคะ”
กู้จิ่นอวี้รู้สึกซาบซึ้งมาก เอ่ยเสียงอ่อน “ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่อยากรบกวนท่านน้า”
แม่นมฉีเอ็ดเด็กสาวไปหนึ่งที “เห็นข้าเป็นคนนอกรึเจ้าคะ”
กู้จิ้นอวี้คลี่ยิ้มให้
จากนั้นแม่นมฉีวานสาวใช้วางกล่องผ้าสองสามกล่องไว้บนโต๊ะ: “ทั้งหมดนี้ของท่าน มีทั้งบัวหิมะและโสมชั้นหนึ่งเลยเชียว อย่าลืมกินนะเจ้าคะ”
“ขอบพระทัยท่านน้าเป็นอย่างสูง” กู้จิ่นอวี้เอ่ย
แม่นมฉีคว้ามือกู้จิ่นอวี้ขึ้นมา และกล่าวว่า “ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน พระสนมเองก็ไม่มีบุตรสาว ก็เลยรักและเอ็นดูท่านเสมือนลูกสาวแท้ๆ ท่านต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี อย่าให้นางต้องเป็นห่วง”
“จิ่นอวี้น้อมรับเจ้าค่ะ”
สักพัก แม่นมฉีก็เริ่มเข้าประเด็น “อ๋อ จริงสิ วันนี้ที่ข้ามา ยังมีอีกเรื่อง พระสนมอยากจะขอพบท่านเจ้าค่ะ”
กู้จิ่นอวี้จึงตามแม่นมฉีกลับไปที่วัง
ซูเฟยเป็นพระสนมชั้นหนึ่ง จึงมีตำหนักเป็นของตัวเอง นางและองค์ชายห้าอาศัยอยู่ในตำหนักฉางชุนอันโอ่อ่า
วันนี้อากาศแจ่มใส ซูเฟยจึงออกมานั่งตรวจการบ้านขององค์ชายห้าที่ศาลาเล็กๆ นอกตำหนัก
“ท่านน้าเพคะ” กู้จิ่นอวี้กล่าวทำความเคารพซูเฟย
ซูเฟยกวักมือเรียกนาง “เอ้า มาพอดีเลย มาดูการบ้านเรียงความขององค์ชายห้านี่สิ”
“เพคะ” กู้จิ่นอวี้นั่งลงข้างๆ จากนั้นซูเฟยยื่นการบ้านให้ดู
องค์ชายห้าอายุเท่ากันกับกู้เฉิงหลิน ทุกวันเขาไปเรียนกับพี่น้องหลายคน และได้รับการศึกษาโดยมีครูจากลัทธิขงจื๊อมาสอนพวกเขา
ว่ากันตามจริง องค์ชายห้าไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง
การบ้านของเขาล้วนแต่เป็นฝีมือของกู้จิ่นอวี้ทั้งสิ้น
กู้จิ่นอวี้อ่านจบ ก็ทำหน้ายิ้มแย้มพลางออกปากชม “ฝ่าบาททรงมีพัฒนาการมากเลยเพคะ”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น!” ซูเฟยพอใจมาก ถึงขั้นที่ว่าขอให้นางกำนัลเก็บบทความนั่นไว้อย่างดี ก่อนจะหันไปทางกู้จิ่นอวี้อย่างมีเลศนัย “เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย ไปสร้างเรื่องไว้ที่ชนบท ไม่เห็นมาเล่าให้ข้าฟังบ้างเลย”
“เอ๋” กู้จิ่นอวี้ทำหน้าตกใจ
ซูเฟยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเร็วเสียจนกู้จิ่นอวี้ตั้งรับไม่ทัน
นางจ้องเขม็งที่กู้จิ่นอวี้หนึ่งที ก่อนจะดึงมือเบาๆ “ยังไม่พูดอีก ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเข้าไปถวายของหวานให้ฝ่าบาท ก็คงไม่รู้ว่าเจ้าแอบไปทำเรื่องใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้น! ไม่เห็นมาบอกกันซักคำ”
กู้จิ่นอวี้เริ่มสงสัย นี่ตกลงนางไปทำอะไรมางั้นรึ
ซูเฟยจับมือกู้จิ่นอวี้ไว้แน่น แววตาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น “ก็เครื่องสูบลมอย่างไรเล่า!”