สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 208 ประกาศผล
บทที่ 208 ประกาศผล
กู้เจียวฝันว่าเซียวลิ่วหลังสอบได้ที่หนึ่งตามความคาดหมาย กลายเป็นม้ามืดแห่งตำนานการสอบชุนเหว่ยไปโดยปริยาย
นั่นเป็นเพราะไม่มีใครคาดถึงเลยว่าเด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ อย่างเขาจะไต่อันดับขึ้นมาได้สูงเช่นนี้ พวกคนที่ลงเดิมพันไว้ว่าอันจวิ้นอ๋องจะได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งพากันกอดคอร้องไห้กันยกใหญ่ และแน่นอนว่ากู้เจียวได้เงินก้อนใหญ่มาครอบครอง จากหนึ่งพันตำลึงขยับขยายกลายเป็นหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตำลึงแทน
คนอื่นๆ เองก็ได้เงินต้นคืนมาเช่นกัน
พอฝันถึงตรงนี้ จู่ๆ กู้เจียวกลับรู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป เอ๊ะ ครั้งนี้คุณสามีไม่สอบได้ที่โหล่แล้วรึ
ดูเหมือนว่ากู้เจียวจะดีใจเร็วไปหน่อย
เรื่องพลิกโผแรกคือเซียวลิ่วหลังสอบได้อันดับที่หนึ่งจริงๆ เรื่องพลิกโผต่อมา ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือชื่อของอันจวิ้นอ๋องไม่ติดอยู่ในอันดับรายชื่อเลย
ด้วยความสามารถของเขา การที่สอบไม่ติดก้งซื่อในครั้งนี้สร้างความคาแคลงใจให้ผู้คนยิ่งนัก
ตัวอันจวิ้นอ๋องเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อ จึงรีบวิ่งไปที่ฝ่ายพิธีการเพื่อค้นหาความจริง กลายเป็นว่าข้อสอบของเขาหายไปแล้ว!
ฮ่องเต้จึงมีรับสิ่งให้รีบตามหาข้อสอบของเขา ก็พบว่ามีข้าหลวงคนหนึ่งขโมยข้อสอบของอันจวิ้นอ๋องไป
ข้าหลวงคนนั้นถูกบังคับมาอีกที แต่ในฝันนางสืบไม่เจอว่าใครเป็นคนบงการเรื่องนี้
หากเป็นบุตรชายเรือนอื่น คงได้แต่ก้มหน้ารับโชคชะตาตัวเอง แต่สำหรับตระกูลจวง ด้วยอำนาจของพวกเขาแล้วไม่มีทางปล่อยให้อันจวิ้นอ๋องต้องมารับสภาพแบบนี้ไปแน่นอน อีกทั้งพอเกิดเรื่องนี้ ผู้เข้าสอบหลายๆ คนต่างเริ่มสงสัยในความเที่ยงตรงของคะแนนที่ประกาศออกมา ดังนั้น ฮ่องเต้จึงออกคำสั่งให้มีการจัดสอบใหม่
พอมีการจัดสอบใหม่อีกครั้ง
หอชิงเฟิงก็ล้มกระดานเก่าและเริ่มเปิดพนันใหม่อีกรอบ
ครั้งนี้ผู้คนเริ่มลงให้เซียวลิ่วหลังกันมากขึ้นเพราะรู้แล้วว่าเซียวลิ่วหลังคือม้ามืด แม้จะไม่ถึงขั้นที่ว่าลงเงินให้เขาเป็นที่หนึ่ง แต่ก็อยู่ในขอบเขตของสามอันดับแรก แถมยังลงเงินด้วยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
เพื่อที่จะฮุบเงินจำนวนมหาศาลนี้ หอชิงเฟิงไม่ลังเลที่จะตามหาเซียวหลิ่วหลัง และต้องการเอาชื่อของเขาเขาออกจากรายการ แต่กลับถูกเซียวหลิวหลังปฏิเสธ
หอชิงเฟิงพอเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลเลยจะเล่นไม้แข็ง เลยถูกเซียวลิ่วหลังสั่งสอนไป
แม้ในด้านสติปัญญา เซียวลิ่วหลังจะเอาชนะพวกเขาได้
แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเขาเสียทีเดียว
วันที่เซียวลิ่วหลังเดินทางไปสอบ รถม้าของเขาดันชนเข้ากับรถม้าคันอื่น เซียวลิ่วหลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถเข้าสอบได้
ส่วนอันจวิ้นอ๋อง สถานการณ์ของเขาไม่ได้ดีไปกว่าเซียวลิ่วหลังมากนัก วันที่สอบดันเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น การสอบจึงเลื่อนไปยังช่วงกลางวัน ทำให้เวลาล่วงเลยไปถึงตอนกลางคืน
อันจวิ้นอ๋องเป็นโรคตาบอดกลางคืน เป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาทำข้อสอบไม่เสร็จ ลงเอยไม่ดีเช่นกัน
พอตื่นจากฝัน กู้เจียวได้แต่นั่งเหม่ออยู่บนเตียง
“จะโชคร้ายได้ขนาดนี้เชียวหรือ”
หากจะหยุดเรื่องพวกนี้ วิธีที่พอทำได้ก็คือพยายามไม่ให้เซียวลิ่วหลังประสบอุบัติเหตุในวันนั้น เรื่องนี้ไม่ยาก เพราะกู้เจียวรู้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่
ที่บอกว่าเป็นวิธีที่พอทำได้ เพราะเงื่อนไขที่อันจวิ้นอ๋องนั้นเป็นโรคตาบอดตอนกลางคืน นางจึงเชื่อว่าเซียวลิ่วหลังสามารถเอาชนะอันจวิ้นอ๋องได้อย่างสบายๆ
อีกวิธีหนึ่งก็คือ ต้องสกัดมิให้มีคนขโมยข้อสอบของอันจวิ้นอ๋องไปตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องมีการสอบใหม่เกิดขึ้น
เพียงแต่ วิธีหลังค่อนข้างเสี่ยงไปหน่อย เพราะเป็นไปได้ว่าจิ้นอันจวิ้นอ๋องอาจสอบได้ที่หนึ่งก็เป็นได้
กู้เจียวครุ่นคิดอยู่พัก ก่อนตัดสินใจว่าจะให้เซียวลิ่วหลังเป็นคนตัดสินเอง
กู้เจียวสวมเสื้อคลุม จากนั้นเปิดประตูออก
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงเปิดประตูห้องตรงข้ามก็ดังขึ้นพร้อมกัน
ดวงตาสองคู่ประสานกันด้วยความรู้สึกตกใจปนเลิ่กลั่ก
“ยังไม่นอนรึ”
“ยังไม่นอนรึ”
ชายหญิงเอ่ยทักขึ้นพร้อมๆ กัน
“เจ้าพูดก่อน” เซียวลิ่วหลังเอ่ย
“เอ่อ” กู้เจียวจึงเริ่มพูดก่อน “ข้าตื่นแล้ว”
เซียวลิ่วหลังเดินออกมาพร้อมกับตะเกียง “ข้าก็เหมือนกัน” แล้วนิ่งไปสักพักก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าตื่นมาดื่มน้ำน่ะ”
กู้เจียวที่อยู่ใกล้น้ำ เลยรินน้ำให้เขาหนึ่งถ้วยก่อนจะยื่นให้ “ถ้าช่วงก่อนสอบ คู่แข่งของเจ้าเกิดพลัดตกน้ำไป เจ้าจะช่วยเขาไหม”
“ไม่ช่วย” เซียวลิ่วหลังยื่นมือรับถ้วยพลางเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล
“เพราะอะไร” กู้เจียวขยิบตาให้คนตรงหน้า
เซียวลิ่วหลังค่อยๆ วางถ้วยชาลงพลางเอ่ย “เพราะว่าข้าไม่มีคู่แข่ง”
“…” กู้เจียวมุมปากเริ่มกระตุก
หึ มั่นใจขนาดนั้นเชียว
…
พอดื่มชาเสร็จ ทั้งสองแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง
กระนั้น กู้เจียวมิได้กลับไปนอนต่อ แต่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดดำทั้งตัว แล้วค่อยๆ ย่องออกไปทางนอกตรอก
นางมุ่งหน้าไปที่โรงหมอ เข้าไปทางด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องพักเล็กๆ ของนางเอง
ซึ่งเป็นที่ที่กู้เฉิงหลินเอาไว้พักรักษาตัว
หลังจากที่กู้เฉิงเฟิงทำงานเสร็จ ก็กระโดดแวบเข้ามาในลานหลังโรงหมอ เดินดุ่มเข้าไปในห้องของกู้เฉิงหลิน
จากนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อทำงานออก
ถอดออกมาได้ครึ่งหนึ่ง ครั้นกำลังจะปลดกางเกงลง จู่ๆ ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นจากเงามืด “ไม่ต้องถอด ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้”
กู้เฉิงเฟิงสะดุ้งโหยงจนเข่าทรุดร่างเซลงไปอย่างหวิดตาย!
เขารีบดึงกางเกงขึ้นแล้วหันไปทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นเงาตะคุ่มๆ ของร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ “เจ้ามาโผล่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!!!”
“มาหาเจ้ายังไงเล่า” กู้เจียวเอ่ย
ทันใดนั้นเอง กู้เฉิงหลินที่นอนอยู่ก็เกิดพลิกตัว
กู้เฉิงเฟิงพอเห็นดังนั้นก็เบาเสียงลง พึมพำในลำคอ กัดฟันกรอดหันไปทางกู้เจียว “มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ข้าข้า ข้า…”
ต้องรอให้เปลื้องผ้าหมดก่อนรึยังไงกันถึงจะแสดงตัว!
กู้เจียวลุกขึ้น เดินผ่านเขาออกไป “เช่นนั้นข้าไปก่อนล่ะ”
ที่นางเดินออกไป มิใช่เพราะจะเอ่ยลาเขา แต่ดูเหมือนนางกำลังชักชวนให้เขาเดินออกไปด้วยอย่างนั้นสินะ
นี่นางจะพาเขาไปที่ไหน
กู้เฉิงเฟิงมองแผ่นหลังของนางด้วยสายตาหวาดระแวง “เจ้าคิดจะทำอะไร”
“จะมาหรือไม่มา” กู้เจียวหันไปทางเตียงของกู้เฉิงหลิน “ถ้าเจ้าไม่มา ข้าจะเตะเขาออกจากที่นี่”
กู้เฉิงเฟิงกัดฟัน พลางนึก หึ เจ้านี่มันจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก!
กู้เจียวก้าวเท้าไปข้างหน้า ก่อนจะยกมือโบกกลางอากาศต่อหน้ากู้เฉิงเฟิง “วางใจเถอะน่า มีค่าตอบแทนให้อยู่แล้ว”
พรุ่งนี้เป็นวันประกาศผลสอบ นางจะต้องตามกระดาษข้อสอบของอันจวิ้นอ๋องกลับมาให้ได้ แล้วนำกลับมาวางไว้ที่กองข้อสอบที่ยังไม่ได้ตรวจ
และต้องยกความดีความชอบให้กฎของสนามสอบที่ห้ามข้าหลวงออกด้านนอกจนกว่าจะตรวจข้อสอบเสร็จ เพราะต่อให้ข้าหลวงที่สร้างเรื่องคนนั้นจะฮุบข้อสอบของอันจวิ้นอ๋องไป แต่ก็ออกไปไหนไม่ได้อยู่ดี
“ที่เจ้าพาข้ามาที่นี่ คิดจะทำอะไรรึ” กู้เฉิงเฟิงเอ่ยถามขณะที่อยู่ยืนอยู่ตรงหน้ากำแพงสนามสอบ
กู้เจียวเลิกคิ้วขึ้น ก่อนปราดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประมาณว่าไม่รู้เหรอว่าตัวเองทำเรื่องอะไรมาอย่างไรอย่างนั้น
กู้เฉิงเฟิงเริ่มหวั่นและตัวสั่น เขากำหมัดกัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยถาม “จะให้ขโมยอะไร”
…
หนึ่งเค่อผ่านไป กู้เฉิงเฟิงเข้าไปด้านในได้สำเร็จ
ข้าหลวงทุกคนกำลังอยู่ในห้วงนิทรา จะมีก็แต่ทหารเฝ้ายามที่คอยสอดส่องความเรียบร้อยอยู่รอบๆ
กู้เฉิงเฟิงเดินสอดส่องห้องแล้วห้องเล่า
ข้าหลวงที่รับหน้าที่ถอดความข้อสอบล้วนเป็นผู้ชาย อายุไล่เลี่ยกัน ส่วนเรื่องรูปพรรณสัณฐานนั้น ด้วยความที่ห้องมืด เลยมองเห็นไม่ชัดเท่าใดนัก
แต่ด้วยความเป็นจอมโจรอันดับหนึ่งของเมืองหลวง เขามีวิธีแยกแยะ
กู้เฉิงเฟิงใช้เวลาไม่นานก็สามารถตามหาคนที่รูปร่างหน้าตาตรงตามที่กู้เจียวอธิบายไว้จนเจอ
ทว่าข้าหลวงผู้นี้ซ่อนกระดาษคำตอบไว้ที่ไหนนั้น กู้เจียวไม่ได้บอกกับเขา ในฝันเองก็ไม่ได้บอก
กู้เฉิงเฟิงตามหาอยู่นานสองนาน ในที่สุด เขาก็เจอกับกระดาษคำตอบของอันจวิ้นอ๋องซ่อนอยู่ในรองเท้าของข้าหลวงคนนั้น
ที่แท้ก็อยู่ในรองเท้านี่เอง เลยไม่มีใครจับได้
กู้เฉิงเฟิงแม้จะสวมหน้ากากบดบังใบหน้าไว้แล้ว
แต่กลิ่นจากรองเท้ามันช่าง…
กู้เฉิงเฟิงจำต้องเก็บงำอาการชวนสำรอกนั้นเอาไว้ แล้วค่อยๆ ใช้สองมือคีบกระดาษคำตอบของอันจวิ้นอ๋องออกมา
กระดาษคำตอบมีอยู่ด้วยกันสองชุด ชุดแรกคือชุดจริงที่อันจวิ้นอ๋องเขียนเอง ส่วนอีกชุดคือชุดที่ถอดความไว้แล้ว
กู้เฉิงเฟิงนำชุดจริงใส่เข้าไปในกรุ ส่วนอีกชุดก็นำไปใส่ไว้กองข้อสอบที่รอตรวจ
ให้วางกลับไปเฉยๆ ยังไม่ได้ เพราะข้อสอบกองนี้ผ่านการตรวจจากข้าหลวงไปแล้วบ้างบางส่วนและถูกคัดให้อยู่ในกลุ่มคนที่ทำข้อสอบได้ยอดเยี่ยม
ส่วนข้อสอบของอันจวิ้นอ๋อง ด้วยความที่ถูกซ่อนเอาไว้แต่แรกเลยยังไม่ได้มีการตรวจ
กู้เฉิงเฟิงจำต้องลอกเลียนแบบลายมือของข้าหลวงด้วยการเขียนคะแนนไปบนกระดาษคำตอบของอันจวิ้นอ๋อง ซึ่งเขาก็ทำออกมาได้เหมือนเลยทีเดียว
ช่วงเวลาแบบนี้ หากใครไม่มีฝีมือละก็ทำอาชีพโจรไม่ได้เลยเชียว
พอทำเสร็จ กู้เฉิงเฟิงก็รีบจรลีออกจากสนามสอบ
กู้เจียวเอามืดปิดจมูกพลางทำหน้าขยะแขยง “เจ้าตัวเหม็นมาก”
กู้เฉิงเฟิงนึกในใจ เออข้ารู้ข้าตัวเหม็น ที่เขาต้องมาเหม็นแบบนี้ก็เพราะใครล่ะ!
“ค่าตอบแทนเล่า” กู้เฉิงเฟิงแบมือ
กู้เจียวดีดเหรียญทองแดงให้เขา เหรียญนั่นตกลงไปที่กลางฝ่ามือของเขาพอดิบพอดี
กู้เฉิงเฟิงมองเหรียญในมือด้วยความอาลัย ก่อนจะเริ่มบันดาลโทสะ
นางให้เขาทำเรื่องหวิดหัวขาดขนาดนี้ ก็เพื่อเหรียญทองแดงเหรียญเดียวเนี่ยนะ
แค่ เหรียญ เดียว เอง เนี่ย นะ!
กู้เจียวหันหลังให้ เอามือไขว้หลัง แล้วเดินออกไปอย่างสบายในเฉิบ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ไว้เจอกันล่ะ”
กู้เฉิงเฟิงทำท่ากระอักเลือด “……”
เช้าวันต่อมา ข้าหลวงที่ขโมยข้อสอบอันจวิ้นอ๋องพบว่าข้อสอบหายไปแล้ว เลยเกิดพะวงว่าจะมีใครรู้เรื่องเข้าแล้วหรือไม่
ตลอดทั้งเช้านั้นเขาได้แต่หวั่นใจว่าจะมีใครมาชี้ตัวเขาหรือไม่ ผ่านไปได้ครึ่งวัน เขาก็พบว่า เหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยสักคน
กลายเป็นว่า พอถึงช่วงตรวจข้อสอบ จู่ๆ พวกเขาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาจากกองกระดาษคำตอบ พอพยายามหาต้นตอของกลิ่นนั้น ก็พบว่ามาจากกระดาษคำตอบชุดหนึ่ง
เมื่อวานไม่เห็นจะมีกลิ่นอะไรเลย ไฉนวันนี้ถึงได้ส่งกลิ่นเฉยเลยล่ะ
เพื่อไม่ให้กระทบการทำงาน คนที่เป็นหัวหน้าจึงสั่งให้ข้าหลวงนำกระดาษคำตอบเจ้าปัญหานั้นไปคัดลอกใหม่ “เอาไปทำใหม่เสีย”
“…ขอรับ!”
คนที่นำข้อสอบไปคัดลอกคือข้าหลวงอีกคน และเขาก็ตั้งใจคัดลอกออกมาอย่างดี
พอถึงช่วงกลางวัน การตรวจข้อสอบเป็นอันสิ้นสุดลง
ตกบ่าย ประตูสนามสอบถูกเปิดออก รายชื่อถูกส่งไปยังจักรพรรดิภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ควบคุมของฝ่ายพิธีการและราชองครักษ์
พอฮ่องเต้ได้ทรงทอดพระเนตร ก็ส่งต่อให้ราชสำนักลงตราประทับ
ยามรุ่งสางของวันถัดมา ผลสอบก็ได้ออกสู่สายตาประชาชน