CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 223 สามีภรรยา (1)

  1. Home
  2. สามีข้าคือขุนนางใหญ่
  3. บทที่ 223 สามีภรรยา (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 223 สามีภรรยา (1)
ตู้เสี่ยวอวิ๋นคิดจะวิ่งหนีไป

รุ่ยอ๋องเฟยตวาดเสียงดุ “หยุดเดี๋ยวนี้!”

ตู้เสี่ยวอวิ๋นขนหัวลุก แล้วนั่งลงกลับบนเก้าอี้แต่โดยดี

ตู้เสี่ยวอวิ๋นร้อนใจจะแย่แล้ว กว่าไท่จื่อเฟยจะได้มาที่สำนักบัณฑิตสักหน นางจะไปดูไท่จื่อเฟย!

นางน่ะนะ ตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่ตาเอาแต่มองไปข้างนอกอยู่เรื่อย แค่ดูก็รู้ว่านางไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้

รุ่ยอ๋องเฟยโมโหน้องสาวตัวเองยิ่งนัก แทบจะถลึงตาใส่น้องสาวด้วยความไม่สบอารมณ์ เหลือแค่คว้าเชิงเทียนโยนใส่เท่านั้นแล้ว!

ชาติที่แล้วนางไปทำกรรมอะไรมา เหตุใดจึงได้มีน้องสาวที่ไม่ช่วยคนกันเองแต่กลับไปช่วยคนอื่นเช่นนี้

โชคดีที่หลี่หวานหว่านตั้งใจฟังจริงๆ

นางนั่งตัวตรงบนเบาะรองนั่งฝั่งตรงข้ามกับรุ่ยอ๋องเฟย บนโต๊ะเล็กๆ ตรงหน้านางนั้นมีฉินโบราณวางไว้หนึ่งตัว เป็นฉินที่อาจารย์ดนตรีมอบให้นางเมื่อตอนสอบปีที่แล้ว

คุณภาพเสียงดีมาก นางชอบมากและทะนุถนอมมากด้วย ทุกๆ วันจะดูแลอย่างระมัดระวัง ไม่ให้โดนฝุ่นแม้แต่น้อย

สำหรับวิชาในวันนี้ หลี่หวานหว่านพออกพอใจมากนัก นางเป็นสตรีจากครอบครัวที่ต่ำต้อย จึงไปเล่นอะไรกับพวกคุณหนูส่วนใหญ่ในสำนักบัณฑิตสตรีไม่ได้

ยามปกติแม้แต่ห้องฉินนางยังแย่งมาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำเลที่นั่งดีๆ ในห้องเลย นางมักจะได้นั่งอยู่ในมุมแถวสุดท้าย ซึ่งห่างจากพวกอาจารย์ไกลโข

ยามนี้นางนั่งใกล้รุ่ยอ๋องเฟยมาก นางได้ยินชัดมากขึ้น และเห็นได้ชัดเจนขึ้นด้วย

ในที่สุดโทสะที่ลุกโชนของรุ่ยอ๋องเฟยอันมีสาเหตุจากน้องสาวก็คลายลงไม่น้อยเพราะนักเรียนดีอย่างหลี่หวานหว่านที่ตั้งอกตั้งใจขอคำชี้แนะ นางจึงเริ่มตั้งใจบรรยายสอนหลี่หวานหว่าน

ถูกต้อง มีแค่หลี่หวานหว่านที่ตั้งใจเรียน ส่วนเจ้าเด็กตู้เสี่ยวอวิ๋นนั่นตัวอยู่ที่นี่แต่ใจไปไหนไม่รู้ ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปหมด!

รุ่ยอ๋องเฟยไม่ได้รีบร้อนสอน แต่ให้หลี่หวานหว่านดีดสักบทเพลงก่อนเพื่อทำความเข้าใจในระดับฝีมือของหลี่หวานหว่าน

หลี่หวานหว่านดีดบทเพลงชิวซวงที่เรียนในปีนี้ ท่วงทำนองพลิ้วไหว เสียงฉินใสกังวาน ระดับความยากไม่มาก แต่มีรายละเอียดยิบย่อยเยอะมาก

“ดีดได้ไม่เลว” รุ่ยอ๋องเฟยพยักหน้า “แต่ความชำนาญในการขยับนิ้วยังขาดระดับความลึกซึ้งของการเรียนรู้ไปหน่อย เจ้าเรียนฉินมานานแค่ไหนแล้ว”

หลี่หวานหว่านตอบ “ทูลรุ่ยอ๋องเฟย หม่อมฉันเรียนมาหนึ่งปีแล้วเพคะ”

“เพิ่งจะหนึ่งปีรึ” รุ่ยอ๋องเฟยนิ่งอึ้ง ก่อนจะเอ่ยชมโดยไม่ปิดบัง “ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่แค่ดีดได้ไม่เลวแล้ว เจ้าดีดได้ดีมากเลยต่างหาก”

หลี่หวานหว่านหลุบตาลง นั่นเพราะว่ามีคนชี้แนะนาง

รุ่ยอ๋องเฟยชี้แนะการขยับนิ้วให้นาง หลี่หวานหว่านไม่ได้นับว่ามีพรสวรรค์ในการเรียนฉิน แต่ความสามารถในการเรียนรู้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว

รุ่ยอ๋องเฟยเอ่ย “บทเพลงนี้เจ้าเข้าใจมันได้พอสมควรเลย กลับไปลองฝึกเองหน่อย วันนี้ข้าจะสอนบทเพลงใหม่ให้เจ้า”

ณ ห้องเรียนใหญ่อีกห้องหนึ่งริมสุดทางเดิน ภายในไร้ซึ่งที่ว่าง แม้แต่ทางเดินและนอกหน้าต่างยังมีแต่ผู้คนเบียดเสียดเต็มไปหมด และโชคดีที่ห้องนี้อยู่ชั้นหนึ่ง มิฉะนั้นได้เหยียบกันตายหลายคนแน่

เสื้อผ้าอาภรณ์วันนี้ของไท่จื่อเฟยงดงามยิ่ง เป็นชุดกระโปรงขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ทว่ามิใช่สีขาวหรูหราเหมือนนางสนมตำหนักของรัชทายาท แต่เป็นสีขาวนวลดั่งเทพธิดานางฟ้าผู้แสนบริสุทธิ์

นางแต้มไฝชาดหนึ่งเม็ดบริเวณระหว่างคิ้ว นั่นมิได้ทำให้นางดูยั่วยวนอย่างประเจิดประเจ้อ แต่กลับขับให้ผิวกายเนียนละเอียดนั้นดูเย้ายวนกว่าเดิม งามดุจหยกขาวที่แต่ละแคว้นต่างยอมเสียเลือดเนื้อเพื่อให้ได้มาครอบครอง

นางนั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับภาพวาดขุนเขาธาราของปรมาจารย์ชั้นยอด

ในห้องเรียนเงียบมาก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา เพราะกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า

ในห้องเรียนมีกระดานหมากรุกติดผนังที่ใช้ในการสอนโดยเฉพาะ นางวางสถานการณ์ของหมากด้วยตัวเอง “นี่เป็นสถานการณ์หมากที่อาจารย์เมิ่งเหล่าจัดวาง”

อาจารย์เมิ่งเหล่าเป็นปรมาจารย์ด้านหมากรุกที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในบรรดาแคว้นทั้งหก สถานการณ์หมากที่เขาจัดวางถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสถานการณ์หมากที่ถูกแก้ยากที่สุดในบรรดาหกแคว้น

ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจอย่างห้ามไม่อยู่ สมกับเป็นไท่จื่อเฟย แค่แรกเริ่มก็เป็นกระดานหมากรุกที่ดุเดือดขนาดนี้ ดูท่าแล้ววันนี้พวกเขาจะไม่ได้กลับไปมือเปล่าเสียแล้ว

“ไท่จื่อเฟย ท่านแก้กระดานหมากรุกของเมิ่งเหล่าได้หรือเพคะ” คุณหนูใจกล้าคนหนึ่งถามขึ้น

ไท่จื่อเฟยแย้มยิ้ม ไม่รอให้นางเอ่ยขึ้นกลับมีขุนนางหญิงที่อยู่ข้างๆ แล้วเอ่ย “ไท่จื่อเฟยแก้ได้ตั้งแต่อายุสิบสามแล้ว”

ภายในห้องพลันเกิดเสียงฮือฮาตกใจกันขึ้น

อายุสิบสามปีก็แก้กระดานหมากของเมิ่งเหล่าได้แล้ว ช่างเก่งกาจอะไรถึงเพียงนี้

“อันที่จริง หากจะแก้หมากกระดานนี้ไม่ได้ยากเลย” ไท่จื่อเฟยชี้กระดานหมากรุกพลางเริ่มอธิบาย

หนึ่งคาบผ่านพ้นไป ทุกคนต่างได้รับความรู้กันไม่น้อย จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าดูถูกฝีมือหมากรุกของพวกนางเลย อย่างไรเสียพวกนางก็เป็นคนที่สามารถแก้ทางสถานการณ์หมากรุกของเมิ่งเหล่าได้แล้ว

ไท่จื่อเฟยเอ่ยเสียงนุ่ม “ที่สอนวิธีการแก้ทางหมากรุกนี้ให้ทุกคน ก็เพื่อจะบอกกับทุกคนว่าหมากรุกนั้นไม่ได้ยากเลย ขอให้ตั้งอกตั้งใจร่ำเรียนก็สามารถแก้กระดานหมากรุกทุกรูปแบบบนแผ่นดินนี้ แต่ในขณะเดียวกันข้าก็หวังว่าทุกคนจะสามารถเข้าใจในหนึ่งเหตุผลนี้ได้ ข้าสองขวบก็เริ่มเรียนหมากรุกแล้ว หมากรุกที่แท้จริงไม่ได้เป็นเรื่องของการฉวยโอกาส และไม่อาจเก่งกาจภายในข้ามคืน ต้องอดทนหมั่นฝึกฝนทุกวัน”

ประโยคนี้เทียบเท่ากับการสารภาพว่านางไม่ใช่สตรีที่มีพรสวรรค์อะไร ผลลัพธ์ทุกอย่างของนางล้วนได้จากการขยันหมั่นเพียรและพยายาม ยอมรับในความไม่เพียงพอของตัวเอง บางครั้งไม่โดนใครกลอกตา ตรงกันข้ามยังติดดินอย่างเห็นได้ชัด จึงร่นระยะห่างระหว่างนางกับนักเรียนทุกคนไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

“ขอแค่ข้าเพียรพยายามก็จะสามารถเก่งได้เหมือนไท่จื่อเฟยใช่หรือไม่เพคะ” คุณหนูอีกคนถามขึ้น

ไท่จื่อเฟยหัวเราะเสียงนุ่ม “ทุกคนล้วนมีความเก่งของตัวเอง ความพยายามของเจ้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนเก่งขึ้นกว่าเดิม”

สวรรค์ นี่ใช่ไท่จื่อเฟยจริงหรือ ไร้มาดไร้การวางท่าเกินไปแล้วกระมัง ข่าวลือพวกนั้นที่บอกว่านางยึดเอาสะพานเชือกไว้คนเดียวและไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเดินผ่านมันมาได้อย่างไร เสียสติไปแล้วกระมัง!

คนในครอบครัวนางเป็นคนทำแท้ๆ นางก็แค่โดนคนบ้านเดิมของนางลากเข้าไปซวยด้วย!

ผลของการบรรยายครานี้ชัดเจนยิ่ง หากบอกว่าเดิมทีทุกคนต่างสองจิตสองใจที่จะเชื่อไท่จื่อเฟย ทว่ายามนี้แทบจะเชื่อสนิมใจแล้ว

“อีกอย่างคือ…” ไท่จื่อเฟยมองไปนอกประตู ก่อนเอ่ยเสียงเบา “ห้องเรียนเต็มหมดแล้ว เหมือนว่าจะมีคนเข้ามาไม่ได้ อันที่จริงวันนี้รุ่ยอ๋องเฟยก็มาบรรยายให้ทุกคนอยู่ทางนั้นเหมือนกัน ฝีมือการดีดฉินของนางสูงส่งกว่าข้านัก แม่นางคนไหนอยากเรียนการดีดฉินก็ไปลองฟังการบรรยายของรุ่ยอ๋องเฟยได้นะ”

ไม่ ไม่ ไม่ พวกเราอยากฟังแค่การบรรยายของท่าน!

รุ่ยอ๋องเฟยกับไท่จื่อเฟยไม่ได้ผิดใจกันเพียงแค่วันสองวัน รุ่ยอ๋องเฟยสามวันดีสี่วันโมโหไท่จื่อเฟย ไท่จื่อเฟยไม่ไปถือสาหาความนางเลยสักครั้ง ยามนี้ยิ่งมาเชิญชวนนักเรียนให้นาง…

ช่างห่วงใยเกินไปแล้ว!

ไท่จื่อเฟยเป็นเช่นนี้พวกนางจะมีเหตุผลอะไรให้ไม่ชอบ ไม่เคารพรักเทิดทูนและไม่สนับสนุนเล่า

คาบที่สองมีคุณหนูหลายคนที่ไปฟังบรรยายห้องเรียนของรุ่ยอ๋องเฟยจริงๆ

รุ่ยอ๋องเฟยนึกว่าเป็นเพราะเสียงฉินของตัวเองดึงดูดพวกนางมาเสียอีก จึงทุ่มเทสอนเหมือนไปฉีดเลือดไก่มา สุดท้ายพอเลิกเรียนถามดู

“ไท่จื่อเฟยให้พวกเรามาเพคะ”

รุ่ยอ๋องเฟยสีหน้าพลันทะมึนขึ้นทันที

รุ่ยอ๋องเฟยหอบกล่องฉินไปหากู้เจียวให้ปลอบใจด้วยความน้อยอกน้อยใจในความไม่เป็นธรรมทันที

อาจเพราะตั้งอกตั้งใจแขวะไท่จื่อเฟยออกรสเกินไป ตอนนางกลับไปจึงลืมฉินไว้ที่เรือนของกู้เจียวไปเสียได้

ยามบ่ายนี้อันจวิ้นอ๋องมาที่โรงหมอ

เขามาเพื่อตรวจดวงตาซ้ำ

กู้เจียวพาเขาไปห้องตรวจ ยังคงตรวจให้เขาเหมือนเดิม ตั้งแต่ต้นจนจบนางนิ่งสงบมาก ราวกับว่าระหว่างพวกเขาไม่เคยเกิดความกระอักกระอ่วนครานั้นขึ้นมาก่อนเลย

กู้เจียวปล่อยวางได้นานแล้ว นางไม่มีทางเอาเรื่องแบบนี้มาใส่ใจ

อันจวิ้นอ๋องยิ้มขื่น มีเพียงเขาคนเดียวที่นึกถึงจริงๆ สินะ

“รู้สึกอย่างไรบ้างรึ” กู้เจียวถาม

“ดีขึ้นมากแล้ว” อันจวิ้นอ๋องยิ้มบอก

นี่ไม่ใช่คำพูดตามมารยาท มันดีขึ้นมากแล้วจริงๆ สามคืนก่อนที่ใช้ยาไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย พอเข้าคืนวันที่สี่เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเห็นแสงสว่างรำไรแล้ว

สวรรค์รู้ว่าโรคนี้ทรมานเขามานานเพียงใด จุดอ่อนทุกอย่างของเขาล้วนอาจจะนำมาซึ่งหายนะถึงชีวิตตัวเองได้ ดังนั้นหลายปีมานี้เขาจึงผ่านมันไปด้วยความเสี่ยงมาโดยตลอด

กู้เจียวพยักหน้า “ใช้ยาต่อไป อาหารการกินก็ต้องเปลี่ยนนะ กินพวกเครื่องในให้มากหน่อย”

อันจวิ้นอ๋องไม่ชอบกินของพวกนี้ แต่ในเมื่อนางบอก เช่นนั้นก็จะฟัง “ได้”

กู้เจียวมองเขา “ท่านโดนลมหนาวมาหรือ”

เสียงพูดจาของเขาแปลกไป

อันจวิ้นอ๋องแย้มยิ้มแล้วเอ่ย “เห็นแสงในยามราตรีได้แล้ว พอมันมีความสุขก็เลยไปนั่งเล่นในลานบ้านอยู่พักหนึ่งน่ะ”

ไม่ใช่ในลานบ้าน บนหลังคาต่างหาก

ความยินดีปรีดาที่ดวงตากลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมเกือบสมบูรณ์แล้ว เป็นสิ่งที่คนอื่นยากจะเข้าใจได้

“มือ” กู้เจียวชี้ที่หมอนจับชีพจรบนโต๊ะ

อันจวิ้นอ๋องวางมือลงบนนั้นอย่างเชื่อฟัง

กู้เจียวจับชีพจรให้เขา ก่อนชักมือกลับแล้วเอ่ย “ไม่ร้ายแรงอะไร ไม่ต้องกินยา”

“เหตุใดจึงยังมีหมอที่ไม่ออกยาให้คนไข้อยู่อีก ไม่หาเงินแล้วรึ” อันจวิ้นอ๋องหยอกนาง

กู้เจียวปรายตามองเขา “ค่าตรวจสิบตำลึง”

อันจวิ้นอ๋อง “…”

จากนั้นอันจวิ้นอ๋องก็หลุดหัวเราะ “ได้”

อย่าว่าแต่สิบตำลึงเลย หนึ่งร้อยตำลึงเขาก็ยินดีจ่ายให้

ทางด้านจวงเย่ว์ซี พอนางเลิกเรียนออกจากสำนักบัณฑิตสตรีแล้ว มองปราดเดียวก็เห็นรถม้าพี่ชายตนจอดอยู่หน้าประตูโรงหมอ

คิ้วงามของนางพลันขมวดมุ่น พี่ชายมารับนางหรือว่า…

เหตุใดจึงจอดรถม้าไว้ตรงนั้นล่ะ

จวงเย่ว์ซีไม่รอให้จวงเมิ่งเตี๋ยไปโรงหมอคนเดียว ยามนี้ที่โรงหมอกำลังยุ่ง ไม่มีคนเหลือมาต้อนรับดูแลนาง นางจึงเดินตรงไปข้างในเอง ก่อนจะได้ยินเสียงของพี่ชาย

นางเดินมาหยุดหน้าห้องตรวจ ผลักประตูห้องที่งับไว้ให้แง้มออก แล้วมองลอดช่องประตูเข้าไป เห็นอันจวิ้นอ๋องยิ้มกับค่ารักษาสิบตำลึงพอดี

นั่นเป็นรอยยิ้มที่จวงเย่ว์ซีไม่เคยเห็นประดับอยู่บนใบหน้าอันจวิ้นอ๋องมาก่อน

อันจวิ้นอ๋องไม่ใช่ชายรูปงามยิ้มยาก แต่เขาก็ไม่เคยยิ้มอย่างจริงใจเช่นนี้มาก่อนเช่นกัน

เขามองไปยังคนคนนั้นด้วยแววตาที่มีประกายเต็มเปี่ยม

ส่วนคนที่ถูกเขาจดจ้องกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด หรือจะเรียกอีกอย่างว่าไม่สนใจ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของตัวเอง

จู่ๆ นิ้วของจวงเย่ว์ซีก็กำแน่น

หมู่นี้เซียวลิ่วหลังเลิกเรียนช้า วันนี้กู้เจียวก็เป็นคนไปรับเสี่ยวจิ้งคง

คนที่มีความสุขที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่เสี่ยวจิ้งคง เขาพุ่งออกจากห้องเรียนเป็นคนแรก วิ่งตรงไปหน้าประตูใหญ่ราวกับพายุน้อย

“เจียวเจียว!”

วิ่งเสียจนเหงื่อท่วมอีกแล้ว

กู้เจียวเช็ดเหงื่อให้เขา “วันนี้ดื้อหรือไม่”

“ไม่ดื้อ! ข้าเป็นเด็กดีที่สุดแล้ว!” เสี่ยวจิ้งคงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“อย่างนั้นรึ” กู้เจียวจูงมือเขา “วันนี้เรียนอะไรมาล่ะ”

เสี่ยวจิ้งคงจับมือกู้เจียวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้า “วันนี้เรียนปกิณกคดี แล้วก็คณิตศาสตร์!”

“รู้เรื่องหมดหรือยัง” กู้เจียวถามเสียงเบา

เสี่ยวจิ้งคงตบอกน้อยๆ ตัวเอง “แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าไม่ได้โง่เหมือนพี่เขยสักหน่อย!”

กู้เจียวเอ่ยแก้ต่าง “พี่เขยเจ้าไม่ได้โง่นะ เขาฉลาดมากเลยต่างหาก”

เสี่ยวจิ้งคงเกิดความสงสัยต่อสติปัญญาของพี่เขยนิสัยไม่ดีอย่างร้ายแรง

ฉลาดแล้วเหตุใดจึงสอบได้ที่โหล่ตลอดเล่า

ทั้งคู่เดินพูดคุยกันอย่างมีความสุขผ่านถนนมายังหน้าร้าน แล้วเดินผ่านหน้าร้านเหล่านี้ไป ก่อนจะเลี้ยวเข้าตรอกปี้สุ่ยมา

พวกเขาเพิ่งจะเลี้ยวเดินได้ไม่ถึงสองก้าว จู่ๆ หูสองข้างของกู้เจียวก็ขยับ นางคว้าเสี่ยวจิ้งคงไว้ แล้วอุ้มเขาขึ้นมา ก่อนจะสาวเท้าก้าวใหญ่ๆ เบี่ยงหลบไปด้านข้าง!

เพล้ง!

กระถางดอกไม้ขนาดใหญ่ใบหนึ่งหล่นแตกลงตรงตำแหน่งที่พวกนางเพิ่งยืนเมื่อครู่นนี้ ดินและดอกไม้กระเซ็นไปทั่วพื้น

เสี่ยวจิ้งคงเบิกตาโต

กู้เจียวอุ้มเขาไว้มือหนึ่ง อีกมือนางป้องศีรษะเขาไว้ไม่ให้เขามอง ให้เขาซบอยู่กับไหล่ตัวเองแทน

นางมองหน้าต่างข้างบนอย่างเย็นชา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไม่มีอะไรหรอก คงบังเอิญร่วงลงมาน่ะ”

กู้เจียวไม่ได้ตามไปดู นางอุ้มเสี่ยวจิ้งคงกลับมาที่บ้าน

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 223 สามีภรรยา (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์