สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 245.1 ความจริง (1)
บทที่ 245 ความจริง (1)
หลังจากที่กู้เจียวและกู้เฉิงเฟิงยุ่งวุ่นวายด้วยกันทั้งคืน พอฟ้าใกล้สาง กู้เจียวถึงยอมปล่อยให้กู้เฉิงเฟิงกลับไป
งานนี้นอกจากกู้เฉิงเฟิงจะได้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวจนเขารู้สึกว่าวิญญาณของเขาได้หลุดลอยออกไปจากตัวเขาแล้ว
แต่พอนึกได้ว่างานนี้เขาจะได้เงินพันตำลึง ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว
จริงสิ ลืมบอกเจ้าน้องชายไปเลยว่าเขาหาเงินมารักษาหัวล้านให้ได้แล้ว
กู้เฉิงเฟิงจึงเดินทางกลับไปที่จวนโหวด้วยความหมดแรงแต่ก็มีกำลังใจในคราวเดียว
กู้เฉิงหลินยังคงอาศัยอยู่ที่เรือนของเขาเหมือนเดิม
กู้เฉิงเฟิงเดินเข้าไปในห้องของกู้เฉิงหลินโดยที่ไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อแล้ว
“น้องสาม” ขณะที่เขากำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตู เขาเห็นประตูลั่นดังเอี๊ยดและถูกดึงเปิดจากด้านใน
ปรากฏกู้เฉิงเดินสวมหมวกออกมา และมองคนตรงหน้าด้วยท่าทางตะลึง “เอ๋ พี่รอง ตื่นเช้าเชียว”
“เจ้าเองก็ตื่นเช้าเหมือนกันนี่” กู้เฉิงเฟิงขมวดคิ้วเอ่ยถามกลับ
“ข้าต้องไปโรงหมอน่ะ” กู้เฉิงหลินกระแอมในลำคอ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไปทำอะไรที่โรงหมอ” กู้เฉิงเฟิงถามต่อ
“รักษา เอ่อ ผมที่ไม่งอกขึ้นมาน่ะสิ”
ให้ตายยังไงเขาก็จะไม่พูดคำว่าหัวล้านออกมาเด็ดขาด
กู้เฉิงเฟิงขมวดคิ้วจนเป็นปม เดี๋ยวก่อนสิ เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าสามเลยนี่ แล้วเจ้าสามรู้ได้อย่างไรกัน หรือว่าจิตของพวกเขา…จะสื่อถึงกันได้อย่างนั้นรึ
“เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ” กู้เฉิงหลินเอ่ย
“ออกไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ” ไม่คิดจะอธิบายอะไรเลยรึไง
กู้เฉิงหลินยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่พี่ชายตัวเองจะสื่อ เลยเข้าใจไปว่าผู้เป็นพี่คงเกิดเป็นห่วงขึ้นมา “เรื่องเงินไม่ต้องห่วงนะ ข้าจ่ายไปแล้ว”
กู้เฉิงเฟิงไม่เข้าใจ “จ่าย จ่ายใคร เท่าไหร่”
กู้เฉิงหลินเบ้ปาก “ก็เด็กคนนั้นอย่างไรเล่าจะใครอีกล่ะ หนึ่งพันสองร้อยตำลึง”
เดี๋ยวก่อนนะ เหตุใดตัวเลขช่างคุ้นหูนัก
กู้เฉิงเฟิงทำหน้าสงสัย “เจ้าเอาเงินนั่นมาจากไหน”
กู้เฉิงหลินร้องอ๋อหนึ่งที ก่อนจะตอบ “ก็จากห้องท่านพี่อย่างไรเล่า”
กู้เฉิงเฟิงแทบจะกระอักเลือดชักดิ้นชักงออยู่ตรงนั้น
นั่นมันเงินเก็บของเขาทั้งหมดเลยนะ เจ้าเด็กโง่!
ว่าแล้วเชียวเหตุใดนางเด็กนั่นถึงได้มาทำตัวหน้าใหญ่ขนาดนั้น! อุตส่าห์นึกดีใจว่าได้เงินมาอีกตั้งพันตำลึง! ที่ไหนได้ นอกจากจะไม่ได้เงินแม้แต่สลึงเดียว ยังติดลบไปอีกตั้งสองร้อยตำลึง!
อ๊าก อ๊าก อ๊าก! อยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ !
กู้เจียวที่หลอกใช้งานกู้เฉิงเฟิงแถมยังได้หน้ากากใหม่มาใช้ก็เดินทางกลับเรือนอย่างสบายใจเฉิบ
ณ ห้องครัว แม่นมฝางกำลังทำกับข้าวอยู่
ตั้งแต่แม่นางเหยาและแม่นมฝางย้ายมาอยู่ที่นี่ พวกเขาช่วยแบ่งเบางานบ้านงานเรือนของกู้เจียวไปได้เยอะเลยทีเดียว พอมีเวลามากขึ้น นางก็สามารถไปฝึกฝนหรือไม่ก็ไปอยู่เล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวจิ้งคงได้แล้ว
ส่วนเซียวลิ่วหลังช่วงนี้ต้องเข้าเรียนคาบเช้า จึงออกจากเรือนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง
ส่วนเสี่ยวจิ้งคงกำลังฝึกท่วงท่าอยู่ที่สวนหย่อมหลังเรือน
กู้เจียวเข้าไปฝึกเป็นเพื่อนอยู่พักหนึ่ง ร่างกายของนางเริ่มยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนช่วงที่เพิ่งมาใหม่ๆ
ส่วนที่สำนักบัณฑิตชิงเหอวันนี้ไม่มีเรียน กู้เหยี่ยนกับกู้เสี่ยวซุ่นจึงนอนตื่นสายได้
กู้เจียวไม่ปลุกพวกเขา ก็เลยนั่งกินข้าวเช้ากับแม่นางเหยาและเสี่ยวจิ้งคง จากนั้นค่อยส่งเสี่ยวจิ้งคงไปเรียนหนังสือ
ระหว่างทางก็บังเอิญเจอกับแม่นางเหอและจ้าวเสี่ยวเป่า ซึ่งเป็นลูกสะใภ้และหลานของนายใหญ่จ้าว
แม่นางเหอกำลังไล่ป้อนข้าวให้เสียวเป่าอยู่
“เสี่ยวเป่า” เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยทักทายเสี่ยวเป่า
“ท่านพี่จิ้งคง” เสี่ยวเป่าเองก็หันมาเอ่ยทักเสี่ยวจิ้งคง ก่อนจะวิ่งหนีหลบแม่นางเหอต่อ
ก่อนหน้านี้ กู้เจียวไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเสี่ยวจิ้งคงมาก่อน เพราะนางมองว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว แต่พอช่วงนี้ที่ได้เจอกับอวี้ชินอ๋องและอ๋องเฟย ทำให้กู้เจียวอยากจะลองพูดเรื่องนี้กับเสี่ยวจิ้งคงอย่างอดไม่ได้
“เสี่ยวจิ้งคง”
“ว่าไงรึเจียวเจียว” เสี่ยวจิ้งคงแหงนหน้ามองด้วยสายตาขี้อ้อน
“เจ้าอยากมีพ่อแม่ไหม”
เสี่ยวจิ้งคงร้องอ๋อ ก่อนจะตอบ “ข้าก็มีแล้วนี่ไง พ่อกับแม่ของเจียวเจียวก็คือพ่อแม่ข้าอย่างไรเล่า!”
กู้เจียวนิ่งอยู่นานสองนาน ก่อนเอ่ยต่อ “ข้าหมายถึง พ่อกับแม่ที่ให้กำเนิดเจ้ามาจริงๆ น่ะ”
เสี่ยวจิ้งคงหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันหน้ามามองกู้เจียวด้วยแววตาปวดร้าว “เจียวเจียวจะทิ้งข้าไปรึ”
ประโยคเมื่อครู่ทำเอากู้เจียวแทบล้มทั้งยืน
ไม่น่าเลย ไม่ควรถามคำถามนี้เลย กู้เจียวลืมไปว่าเขาก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย
กู้เจียวยื่นมือลูบหัวเขา “ทิ้งได้อย่างไรกัน เจ้าน่ารักขนาดนี้”
“เห็นไหมล่ะ ข้ารู้น่า!” เสี่ยวจิ้งคงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
หลังจากที่ส่งเสี่ยวจิ้งคงเข้าเรียนเสร็จ กู้เจียวไม่ได้ไปที่โรงหมอ แต่กลับมุ่งหน้าไปยังสวนหลวงแทน
วันนี้อวี้ชินอ๋องไม่ได้เข้าวัง เขาอยู่ที่สวนหลวงเป็นเพื่อนอ๋องเฟย
พออวี้ชินอ๋องเฟยนึกได้ว่าตนกำลังจะได้รับพระโอรสกลับวังก็ตื่นเต้นดีใจจนนอนไม่หลับ
นางอดหลับอดนอนเย็บรองเท้าให้พระโอรส ด้วยความที่นางเป็นอ๋องเฟย เลยนับว่ายังไม่ค่อยมีฝีมือ รองเท้าที่ทำเสร็จออกมาก็เลยไม่ได้รับคำชมเท่าใด
นางหยิบรองเท้าออกมา แล้วยื่นให้พระสวามีเชยชม “ท่านอ๋องว่าลูกจะชอบไหม”
อวี้ชินอ๋องมองไปที่รองเท้าในมือของอ๋องเฟย “เจ้าทำออกมาได้ดีมากเลย ลูกจะต้องชอบแน่ๆ เขาเป็นเด็กรู้งานอยู่แล้ว”
“ข้าหมายถึงพวกเราต่างหาก!” อวี้ชินอ๋องเฟยทำหน้าลนลาน “พวกเราไม่ได้อยู่กับเขาเลย เกิดเขาไม่ชอบพวกเราขึ้นมาจนไม่ยอมกลับไปด้วยกันกับพวกเราแล้วจะทำอย่างไร”
อวี้ชินอ๋องกุมมือนาง พลางมองด้วยสายตาหนักแน่น “วางใจเถิด พวกเราต้องพาเขากลับไปให้ได้”
“ข้าว่าจะสร้างตำหนักให้ลูก…แต่เขายังเด็กนัก ให้นอนที่ตำหนักพวกเราไปก่อน แต่อย่างไรเขาก็ต้องมีตำหนักของเขาเอง เพื่อไม่ให้ใครมาดูถูก…ลานฝึกดาบนั่น ท่านเลื่อนการก่อสร้างไปก่อนได้ไหม…”
อวี้ชินอ๋องเฟยเอาแต่พร่ำเพ้อจินตนาการถึงตอนที่พาลูกชายกลับไปยังวังแล้ว
อวี้ชินอ๋องมองดูอย่างเงียบๆ แล้วและเอ่ยขานรับเป็นครั้งคราว
และในตอนนั้นเอง มีบ่าวเดินเข้ามาแจ้งข่าวพวกเขา “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องเฟย แม่นางกู้มาขอพบพวกท่านขอรับ”
“แม่นางกู้งั้นรึ พี่สาวของเสี่ยวจิ้งคงใช่ไหม เจ้าบอกตัวตนที่แท้จริงของพวกเราให้นางรู้แล้วรึ” อวี้ชินอ๋องเฟยเป็นลมหมดสติไป พอรู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่สวนหลวงแล้ว นางรู้ว่าพระสวามีจะต้องเจรจากับแม่นางกู้แล้ว เพราะเขาให้ความมั่นใจกับนางว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี
อวี้ชินอ๋องขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้นางรู้นี่นา
สักพัก กู้เจียวก็มาปรากฏกายที่สวนหย่อม
อวี้ชินอ๋องชำเลืองกู้เจียว ครั้งนี้สายตาของเขาทั้งสอดส่องและพินิจพิเคราะห์
จากนั้น เขาก็ตระหนักว่า แม้กู้เจียวจะมีใบหน้าที่ด่างพร้อย แต่นางก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด ท่าทางของนางแลดูสงบ เยือกเย็น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่หมอหญิงที่มาจากชนชั้นทั่วไป
อวี้ชินอ๋องเฟยยิ้มต้อนรับกู้เจียว “แม่นางกู้ มาหาพวกเราแต่เช้าตรู่ขนาดนี้ คงยังไม่ได้ทานอะไรมาสินะ เดี๋ยวข้าจะให้บ่าวไปเอามาให้”
“ไม่เป็นไร ข้ากินมาแล้ว” กู้เจียวเอ่ยปฏิเสธหน้านิ่ง “ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาเจรจากับพวกท่าน”
จากนั้นมองเข้าไปในดวงตาของทั้งคู่ “พวกท่านพาเสี่ยวจิ้งคงไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”