สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 253.3 โหดเหี้ยม (3)
บทที่ 253 โหดเหี้ยม (3)
ห้าวันต่อมา ข้อสอบทั้งหมดก็ตรวจเสร็จเรียบร้อย
ยี่สิบอันดับแรกถูกเจ้ากรมพิธีการบรรจุใส่ในกล่องใบหนึ่งส่งไปให้ฮ่องเต้
ฮ่องเต้อยู่ที่ตำหนักจินหล่วน ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ทว่าเจ้ากรมพิธีการเพิ่งเดินไปได้ครึ่งทางก็เจอเข้ากับเซวียนผิงโหวที่เดินสวนมา
เจ้ากรมพิธีการตกใจเล็กน้อย เช้าตรู่เพียงนี้เซวียนผิงโหวเข้าวังมาทำอะไร หมู่นี้เจ้านี่จะตื่นสายไม่ใช่หรือ
บนใบหน้าหล่อเหลาของเซวียนผิงโหวประดับรอยยิ้มจางๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจว่า “เจ้ากรมหลี่จะไปไหนรึ”
เจ้ากรมพิธีการเอ่ยว่า “ข้าจะเอาข้อสอบไปให้ฝ่าบาท”
“อ๋อ ออกมาแล้วรึ” เซวียนผิงโหวเลิกคิ้ว แล้วยื่นมือไปแตะกล่องที่บรรจุข้อสอบไว้
เจ้ากรมพิธีการถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “เซวียนผิงโหว! เจ้าจะทำอะไรน่ะ!”
เซวียนผิงโหวแย้มยิ้มจางๆ “ข้าก็แค่จะดูว่าพวกเจ้าได้ลงไม้ลงมือกับข้อสอบหรือไม่”
เจ้ากรมพิธีการขมวดคิ้ว “เจ้าเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า! พวกเราล้วนเป็นขุนนางคุมสอบที่ฝ่าบาททรงเลือกมา จะไปทำเรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร ไม่กลัวโดนตัดหัวรึ”
เซวียนผิงโหวเอ่ยว่า “ก็กลัวไอ้คนที่มันไม่เกรงกลัวนี่แหละ”
“เซวียนผิงโหวกำลังว่าใครว่าไม่กลัวรึ” ราชครูจวงเดินมาหาอย่างเอ้อระเหย
เซวียนผิงโหวหันหลังกลับไปมองราชครูจวงด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “โอ้ ราชครูจวงมาแล้ว”
เจ้ากรมพิธีการคำนับให้ “ราชครูจวง”
ราชครูจวงผงกหัวให้เป็นการคำนับคืน จากนั้นก็มองไปยังเซวียนผิงโหว “เซวียนผิงโหวไม่พอใจอะไรเจ้ากรมหลี่หรือไม่ หรือว่าไม่พอใจอะไรเสนาบดี หรือว่าไม่พอใจฝ่าบาท”
เซวียนผิงโหวแย้มยิ้มจาง “อย่ามองคนในแง่ร้ายเกินไปนัก ข้าแค่อยากมาดูว่าข้อสอบพวกนี้ถูกใครลงมือลงไม้แตะต้องหรือไม่”
ใต้ฟ้านี้คนที่กล้าสงสัยเสนาบดีก็มีแค่เซวียนผิงโหวนี่แหละ
ราชครูจวงแค่นหัวเราะเอ่ยว่า “หากเซวียนผิงโหวไม่เชื่อก็มาดูเองสิ”
เจ้ากรมหลี่มองราชครูจวงอย่างตกใจ ราชครูจวงเอ่ยว่า “ข้าเชื่อว่าเซวียนผิงโหวจะไม่อาศัยจังหวะนี้ลงมือทำอะไรกับข้อสอบของผู้เข้าสอบ เจ้ากรมหลี่ให้เซวียนผิงโหวดูเถิด หากเกิดเรื่องใดขึ้นข้ารับผิดชอบเอง”
พูดมาถึงขั้นนี้เจ้ากรมหลี่จะไม่ให้เซวียนผิงโหวดูก็คงไม่ได้แล้ว
เซวียนผิงโหวเปิดกล่องออก พลิกดูข้อสอบทีละฉบับ บนข้อสอบมีการเลือนชื่อไว้ แต่ลายมือยามนี้ของเซียวลิ่วหลังเขายังคงจำได้ดี อย่างไรเสียก็เคยแอบไปอ่านอยู่หลายฉบับ
เขาเห็นข้อสอบของเซียวลิ่วหลังแล้ว
ราชครูจวงมองข้อสอบใบนั้นแล้วมองเซวียนผิงโหว ก่อนยิ้มเย็นเอ่ยว่า “มีปัญหาหรือไม่”
เซวียนผิงโหวจ้องมองราชครูจวงลึกเข้าไปในดวงตา
ราชครูจวงเอ่ยอย่างใจกว้างว่า “หากไม่มีล่ะก็ ข้อสอบพวกนี้ต้องมอบไปให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทยังรอตรวจอยู่”
เซวียนผิงโหววางข้อสอบลง ลังเลครู่หนึ่งจึงมองใบหน้าราชครูจวงด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแวบหนึ่ง ราชครูจวงสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
สุดท้ายเซวียนผิงโหวก็ให้เจ้ากรมหลี่เดินผ่านไป ส่วนเขาสาวเท้าออกจากวังหลวงเช่นกัน
ราชครูจวงมองแผ่นหลังที่กลับไปอย่างคว้าน้ำเหลวก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา
รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาป้องกันเซวียนผิงโหวไว้แต่แรกแล้ว เซวียนผิงโหวคิดจริงๆ หรือว่าตัวเองได้เห็นข้อสอบของเซียวลิ่วหลังจริงๆ ลายมือแบบเดียวกันเป๊ะๆ ซ้ำเนื้อหายังคล้ายกันมาก เพียงแต่ปรับแก้จุดสำคัญบางแห่งไปก็เท่านั้น
เซวียนผิงโหวนิสัยหยาบกระด้างจะไปจับสังเกตเห็นได้อย่างไร
อย่าได้ดูถูกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ เพราะพวกมันเพียงพอจะทำให้ฮ่องเต้เดือดดาลขึ้นมาได้เชียวล่ะ
ดังนั้นแล้ว อยู่ยี่สิบอันดับแรกจะไปมีประโยชน์อะไร
เกรงว่าเซียวลิ่วหลังคงจะไม่ติดแม้แต่จิ้นซื่อขั้นรองด้วยซ้ำ!
ราชครูจวงออกจากวังหลวงไปอย่างลำพอง
รถม้าของเขารออยู่หน้าประตูวัง คนรับใช้เห็นเขาเดินมาก็รีบเปิดม่านให้เขา อารมณ์เขาดีไม่น้อย เขายิ้มแย้มขึ้นรถม้าไป
ทว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ในรถม้าของเขามีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่!
ราชครูจวงตกใจจนตัวสั่น “เซวียนผิงโหวรึ!?”
คนขับรถของเขามันกินอะไรเข้าไป เหตุใดจึงให้เซวียนผิงโหวขึ้นมาได้
“ใครก็ได้!” เขาตวาดขึ้นเสียงดัง
เซวียนผิงโหวเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไป”
รถม้าก็เคลื่อนตัวทันที
ราชครูจวงสีหน้าซีดเผือด เขาเลิกม่านรถขึ้นมองไปยังคนขับรถที่นั่งข้างหน้า จึงได้พบว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนขับรถของตัวเอง
แล้วคนขับรถของเขาเล่า
ไปไหนแล้ว
รถม้าของเขาจอดอยู่หน้าประตูวังตลอด ซ้ำตรงนั้นก็มีองครักษ์เฝ้าอยู่ เซวียนผิงโหวเปลี่ยนตัวคนขับรถของเขาได้อย่างไร
ราชครูจวงมองอีกฝ่ายอย่างกราดเกรี้ยว “เซวียนผิงโหว เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
เซวียนผิงโหวยิ้มเย็น “เอาข้อสอบของเซียวลิ่วหลังกลับใส่ไว้คืน มิฉะนั้นม้าเจ้าจะตื่น ข้าไม่รับประกันว่าเจ้าจะลงพื้นอย่างปลอดภัยหรือไม่ อย่างไรเสียเจ้าก็ไม่เป็นวรยุทธ์นี่นา”
ราชครูจวงชะงักงัน “เจ้า…”
เซวียนผิงโหวแค่นหัวเราะเอ่ยว่า “อยากถามข้ารึว่ารู้ได้อย่างไร ข้าไม่รู้เรื่องพวกข้อสอบหรอก แต่ข้ารู้จักเจ้าดี ราชครูจวง”
ราชครูจวงถูกตอกหน้าจนหน้าเขียวคล้ำ เซวียนผิงโหวอวดดีบ้าระห่ำ ยามปกติทำคนอื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนหยาบกระด้าง แต่ดูเขาทำเรื่องวันนี้สิ!
ราชครูจวงกัดฟัน “เจ้าบังอาจนัก!”
เซวียนผิงโหว “เช่นกัน เช่นกัน”
ราชครูจวงแค่นเสียงเย็นเอ่ยว่า “เจ้า…เจ้าคิดว่าทำแบบนี้จะข่มขู่ข้าได้หรือ”
เซวียนผิงโหวแบมือ “ไม่นี่ แค่ให้ข้อเสนอเจ้าเท่านั้น ในเมื่อเจ้าไม่เอา เช่นนั้นข้าก็มีของขวัญอีกชุดจะมอบให้เจ้า”
ราชครูจวงเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาจากก้นบึ้งจิตใจ
รถม้าหยุดลงอย่างรวดเร็ว จอดอยู่บนถนนหลวงอันกว้างขวางไร้ผู้คนสัญจรไปมา มีเพียงรถม้าคันเดียวจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งคู่
ราชครูจวงเลิกม่านขึ้น รถม้าอีกคันก็มีคนเลิกม่านขึ้นเช่นกัน เผยให้เห็นอันจวิ้นอ๋องที่โดนใช้ผ้าปิดปากและมัดแบบอู่ฮวา
อันจวิ้นอ๋องมองราชครูจวงอย่างพลุ่งพล่าน ปากส่งเสียงร้องอู้อี้ไม่ได้ศัพท์
ราชครูจวงเกือบจะถูกความอวดดีบ้าระห่ำของเซวียนผิงโหวทำเอาตกใจจนคางหลุด
พวกเขาออกจากวังกันมาแทบจะไล่ๆ กัน เซวียนผิงโหวตรวจสอบข้อสอบเสร็จไม่มีเวลาไปจับคนแน่ ก็หมายความว่าก่อนที่จะตรวจสอบข้อสอบนั้นเซวียนผิงโหวก็แน่ใจแล้วว่าเขาจะลงมือกับข้อสอบเซียวลิ่วหลัง จึงไปจับตัวอันจวิ้นอ๋องมาแต่แรก!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไร นี่เจ้าไม่ได้ลักพาตัวขุนนางในราชสำนักอย่างเดียว เจ้าจับจวิ้นอ๋องของแคว้นเจามามัดด้วย!”
เซวียนผิงโหวเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างนิ่งสงบ มองเขาอย่างสงบท่ามกลางความวุ่นวาย “แล้วอย่างไรเล่า”
ในแววตาเขาไร้ซึ่งความหวาดกลัว
อวดดีเหมือนม้าป่าที่พร้อมจะเหยียบย่ำให้ราบเป็นหน้ากลองได้ตลอดเวลา
อันที่จริงราชครูจวงจะยอมประนีประนอมก็ได้ ล้วนเป็นโทษตัดหัวเหมือนกัน ดูแค่ว่าใครจะอวดดีไปถึงตอนสุดท้ายได้
ราชครูจวงกำหมัดแน่น จ้องเซวียนผิงโหวเขม็ง
เซวียนผิงโหวเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “ข้าความอดทนต่ำ จะบอกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เอาข้อสอบวางกลับคืนไปเสีย”
ราชครูจวงไม่ยอมรับว่าตัวเองลงมือลงไม้กับข้อสอบมาตั้งแต่แรก แต่นี่ดูเหมือนว่าจะไม่ส่งผลต่อเซวียนผิงโหวในการข่มขู่เขาเลย ราชครูจวงรู้สึกว่าตัวเองเป็นซิ่วไฉเจอทหาร มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้
หากเป็นบัณฑิตล่ะก็ เขายังพอจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายได้
แต่เซวียนผิงโหวกลับไม่ได้
เขาไม่ให้โอกาสตนได้ชักแม่น้ำเลย
ราชครูจวงเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้รวดเร็วเพียงนั้น “เซวียนผิงโหว เจ้าหยุดอวดดีได้แล้ว!”
เซวียนผิงโหวมองราชครูจวงแล้วยกนิ้วขึ้นอย่างนิ่งๆ
ฉางจิ่งที่อยู่ในรถม้าอีกคันชักกริชออกมาแทงต้นขาอันจวิ้นอ๋องอย่างไร้ความลังเลแม้แต่น้อย
เลือดสดๆ ไหลทะลัก อันจวิ้นอ๋องกัดฟัน ทว่ายังคงส่งเสียงดุดันออกมาจากไรฟันอยู่
ราชครูจวงสีหน้าซีดเผือด “เหิงเอ๋อร์!”
เซวียนผิงโหวเอนหลังพิงผนังรถอย่างเกียจคร้าน เลิกคิ้วเอ่ยว่า “จำเอาไว้ว่านี่ต่างหากคืออวดดี”
ราชครูจวงตัวสั่นทั่วร่าง โกรธจนเต้นเร่าๆ “เจ้าไม่กลัวก่อเรื่องจนถึงชีวิตคนรึ หลานชายข้าตายไป เจ้าคิดว่าเจ้าไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตรึ”
เซวียนผิงโหวหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าข้ากลัวรึ”
ราชครูจวงนิ่งอึ้ง