สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 264 เปิดโปง
บทที่ 264 เปิดโปง
กู้เหยี่ยนถีบผ้าห่มกลางดึก เช้ามาจึงไอโครกนิดหน่อย แม่นางเหยาไม่วางใจ จึงไม่ให้เขาไปเรียน และแน่นอนว่าไม่ได้เรียนงานฝีมือกับปรมาจารย์หลี่ว์และหนานเซียง
กู้เสี่ยวซุ่นยังคงไปเรียนเช่นเดิม หลิวเฉวียนเป็นคนไปส่งเขา
หลายเดือนที่ผ่านมานี้ปรมาจารย์หลี่ว์ไม่ได้สอนเคล็ดวิชาอะไรมากมาย แต่ให้กู้เสี่ยวซุ่นกะเทาะไม้อยู่อย่างนั้น กู้เสียวซุ่นไม่ได้อิดออดแต่อย่างใด ทั้งยังไม่ถามว่าจะให้กะเทาะไปถึงเมื่อไหร่
ปรมาจารย์หลี่ว์รู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างมีความอดทนนัก
กู้เสี่ยวซุ่นคิดในใจ ‘เพราะเรียนหนังสือนั้นน่าเบื่อเหลือเกิน หากเทียบกันแล้ว กะเทาะไม้ทั้งง่ายกว่าและสบายกว่า แถมไม่ต้องใช้สมองแต่อย่างใด’
หลังจากกะเทาะไม้เสร็จ กู้เสี่ยวซุ่นก็กินข้าวที่บ้านอาจารย์และอาจารย์แม่เหมือนเคย
ปกติแล้วหนานเซียงเป็นคนทำอาหารทั้งหมด ฝีมือของหนานเซียงไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ แม้แต่นางเองยังไม่อยากกิน แต่กู้เสี่ยวซุ่นกลับไม่มีทางที่อิดออดแม้แต่นิด ไม่ว่าหนานเซียงจะทำอะไร เขาก็กินทั้งนั้น แม้แต่น้ำแกงสักหยดก็ไม่มีเหลือให้เสียดาย
ด้วยเหตุนี้ หนานเซียงเองรู้สึกว่ากู้เสี่ยวซุ่นช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน
กู้เสี่ยวซุ่น ‘เป็นเพราะพี่เขยทำอาหารแทบกินไม่ได้เลยต่างหาก หากได้ชิมฝีมือของพี่เขยแล้ว ฝีมือของอาจารย์แม่ก็นับว่าระดับพ่อครัวใหญ่แล้ว’
หลังจากเรียนงานฝีมือเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวซุ่นก็บอกลาอาจารย์และอาจารย์แม่ ก่อนจะนั่งรถม้ากลับบ้าน
ยามนี้ฟากฟ้าเป็นสีราตรี ไม่เหมือนหลายวันก่อนที่แม้จะพลบค่ำแต่ท้องฟ้าก็ยังทอแสงทอง แต่วันนี้ฟ้ากลับมืดครึ้ม ราวกับม่านดำมืดมิดได้ปกคลุมลงมา
“ฝนจะตกแล้ว!” หลิวเฉวียนเอ่ย
กู้เสี่ยวซุ่นไม่ชอบนั่งในรถนัก เขาชอบนั่งข้างนอก พอได้ยินหลิวเฉวียนพูด เขาก็แหวกม่านออกมานั่งด้านนอก ก่อนจะเอ่ยกับหลิวเฉวียน “ท่านอาจารย์บอกว่าหากฝนตกก็ไม่ต้องมา ถนนบนเขาเดินทางลำบาก เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน”
หลิวเฉวียนได้ยินน้ำเสียงผิดหวังของเขา จึงยิ้มปลอบใจพลางเอ่ย “ตกแค่วันสองวันเท่านั้น อย่าได้ร้อนใจไป ประเดี๋ยวก็ได้มาอีก”
“อืม” กู้เสี่ยวซุ่นพยักหน้า
ทั้งสองพูดคุยกันได้พักหนึ่ง อากาศก็เริ่มร้อนอบอ้าวขึ้นมา ดูท่าทางฝนคงจะตกหนัก
กู้เสี่ยวซุ่นคิดคำนวณว่าอีกกี่วันถึงจะได้กลับมาอีก ทันใดนั้นก็ได้ยินหลิวเฉวียนที่อยู่ข้างกันร้องเสียงหลง จากนั้นหลิวเฉวียนก็กระตุกบังเหียนอย่างแรง รถม้าหยุดลงในทันใด
“เกิดอะไรขึ้นรึ” กู้เสี่ยวซุ่นถามพลางมองไปข้างหน้า ก็เห็นว่าข้างหน้ารถม้ามีคนผู้หนึ่งนอนแผ่หราอยู่กลางถนน กำลังกอดหัวเข่า ท่าทางเจ็บปวดไม่น้อย
คนผู้นั้นร้องโอดครวญ “โอ๊ย ขาข้า…ถูกเจ้าชนจนหักแล้ว…ขาหักแล้ว…”
“เอ่อ…” หลิวเฉวียนตั้งใจว่าจะลงไปดูเสียหน่อย แต่กลับถูกกู้เสี่ยวซุ่นรั้งไว้
นี่มันพวกหัวหมอ แต่ก่อนตอนที่กู้เสี่ยวซุ่นเป็นหัวโจกที่หมู่บ้านก็เคยพบเจอพวกที่ใช้เล่ห์กลเช่นนี้อยู่บ้าง คิดจะหลอกคนอื่นก็หลอกไปเถอะ แต่อย่างได้มาลองดีกับเขา
คนผู้นั้นเห็นว่ากู้เสี่ยวซุ่นไม่มีท่าทีตอบโต้ แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะร้องโหยหวนต่อ “โอ๊ย ขาของข้า…”
หลิวเฉวียนเอ่ยเสียงกระซิบ “ปล่อยเขานอนเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องหรอกกระมัง”
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยเสียงดังลั่น “อย่าเข้าไป!”
คนผู้นั้นแอบเหลือบมองกู้เสี่ยวซุ่น ก็เห็นว่ากู้เสี่ยวซุ่นคว้าแส้ม้ามาจากมือของหลิวเฉวียน สะบัดแส้ฟาดม้า เจ้าม้าที่เจ็บตัวส่งเสียงร้องก่อนจะควบไปข้างหน้า
คนผู้นั้นเห็นว่าท่าไม่ดี จึงไม่คิดจะให้เล่ห์กลกับกู้เสี่ยวซุ่นอีกไปต่อ ซ้ำยังรีบตะกายขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งหนีไป
หลิวเฉวียนตกตะลึงอ้าปากค้าง มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือนี่
ทว่าเรื่องนี้ยังไม่จบลง คนผู้นั้นเห็นว่าใช้เล่ห์กลไม่สำเร็จ แววตาก็เย็นยะเยือกขึ้นมา ก่อนจะเขย่งปลายเท้าแล้วใช้วิชาตัวเบาลอยตัวพุ่งไปที่รถม้าในพริบตา
เขาทะยานตัวลอยข้ามหลังคารถม้า แล้วคว้าตัวกู้เสี่ยวซุ่นลงมาจากรถม้า
“เสี่ยวซุ่น!” หลิวเฉวียนตกใจจนในหน้าซีดเผือด รีบยื่นมือออกไปกระชากบังเหียน ทว่าคนผู้นั้นราวกับรู้ล่วงหน้าว่าหลิวเฉวียนจะทำเช่นนี้ ก่อนจะลงจากม้าเขาจึงใช้ฝ่ามือฟาดเจ้าม้าหนึ่งที ฝ่ามือนั้นมีกำลังภายในแฝงอยู่ ทำเอาเจ้ามาเจ็บจนทนไม่ไหว แม้หลิวเฉวียนจะกระตุกเชือกอย่างไรก็วิ่งไม่หยุด
กู้เสี่ยวซุ่นที่ถูกคนผู้นั้นชิงตัวไป กระชากมือของอีกฝ่ายที่กำคอเสื้อของตนออกด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ทำอะไรน่ะ ทำอะไรน่ะ! ชายชาตรีสองคนมาฉุดกระชากลากถูกันเช่นนี้ได้อย่างไร น่าไม่อายเสียจริง”
คนผู้นั้นกระตุกยิ้มมุมปาก “อย่างเจ้าน่ะหรือชายชาตรี ขนขึ้นหรือยังเถอะ”
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “เจ้าอยากดูไหมล่ะ”
คนผู้นั้น “…”
คนผู้นั้นเอ่ย “หากเจ้าว่าง่ายสักหน่อย ประเดี๋ยวจะได้ไม่เจ็บตัวมาก“
กู้เสี่ยวซุ่นเอ่ยยอกย้อน “เจ้าต่างหากที่ต้องว่าง่ายสักหน่อย ข้าจะได้ไม่ทำเจ้าเจ็บตัวมาก”
คนผู้นั้น “…”
นี่เขาเข้าใจที่พูดหรือไม่ เจ้าหนูนี่อายุเท่าไหร่กันเชียว เหตุใดถึงได้พูดจาอันธพาลเช่นนี้
อีกอย่าง เขารู้ได้อย่างไรว่าหมายถึงข้างล่างตรงนั้น
เหอะ! ช่างก่อน นี่คือตัวประกันคนสำคัญ ก่อนที่ไทเฮาจะกลับตระกูลจวง ตัวประกันคนนี้ห้ามสึกหรอเป็นอันขาด
คนผู้นั้นจำต้องอดทน เขาคว้าหัวไหล่ของกู้เสี่ยวซุ่นเอาไว้ ตั้งใจว่าพาตัวกู้เสี่ยวซุ่นหนีไป แต่ใครจะรู้ว่ากู้เสี่ยวซุ่นไหวไหล่หลบได้ทัน ทั้งยังสลัดการจับกุมของเขาไปได้
กู้เสี่ยวซุ่นวิ่งหนีในทันใด!
“คิดจะหนีรึ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” คนผู้นั้นเย้ยหยันเสียงเย็น เพียงแค่ทะยานตัวออกไปก็ตามได้ทัน
ทว่าขณะที่เขากำลังใช้วิชาตัวเบา วินาทีที่ร่างทะยานขึ้น จู่ๆ ด้านหลังก็มีเข็มเงินด้ามหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วทะลุผ่านที่ต้นขาของเขา!
เขาร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด ร่างกายเสียการควบคุมไปกึ่งหนึ่ง เขามองเลือดแดงสดที่ไหลออกมาจากต้นขาอย่างไม่เชื่อสายตา แล้วมองไปที่เข็มเงินที่ตกอยู่บนพื้น แววตาก็เปลี่ยนไปในทันใด “เข็มถังฮวา”
คนจากพรรคถังอย่างนั้นรึ
เหตุใดถึงมีคนจากพรรคถังปรากฏตัวขึ้นในแคว้นเจาได้ แถมยังคอยคุ้มกันเจ้าเด็กนี่อีกต่างหาก
เจ้าหนูนี่ไม่ใช่แค่เด็กธรรมดาที่มาจากบ้านนอกคอกนาหรอกหรือ เหตุใดถึงได้มีความสัมพันธ์กับพรรคถังที่แยกตัวออกจากแคว้นทั้งหกได้
คนผู้นั้นไม่กล้าไล่ตามกู้เสี่ยวซุ่นอีกต่อไป ก่อนจะกัดฟันล่าถอยไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ปรมาจารย์หลี่ว์และหนานเซียงก็เยื้องย่างออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่
ปรมาจารย์หลี่ว์เดินมาเข้า ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อมือไว้แล้วหยิบเข็มถังฮวาขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะเอ่ยกับหนานเซียง “เมียข้าถูกใจเด็กนั่นคนนั้นขนาดนี้เชียวหรือ ถึงกับงัดเข็มถังฮวาออกมาใช้ สิบกว่าปีแล้วที่ข้าไม่เห็นเจ้าใช้เข็มถังฮวา”
หนานเซียงยื่นมือที่สวมถุงมือไหมเงินออกไป รับเข็มถังฮวามาแล้วเก็บไว้อย่างดี “ก็ดี น่าสนใจดี”
กู้เสี่ยวซุ่นวิ่งเร็วอย่างกับคนจะคลอดลูก ในที่สุดก็ไล่ตามรถม้าที่จอดอยู่ตรงตีนเขาได้ทัน เขาเหลียวหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายไล่ตามไม่ทัน จึงเท้าสะเอวหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้าวิ่งเร็วใช่ไหมล่ะ! เก่งจริงก็ตามให้ทันสิ! ตามมาสิ!”
ปากพูดโอ้อวดเหลือเกิน แต่ร่ายกายยังสั่นพั่บๆ เขากระโดดขึ้นรถม้า “ท่านลุงหลิว! รีบไปเร็วเข้า!”
“โอ้ ได้เลย!” หลิวเฉวียนเร่งรถม้าสุดกำลัง ก่อนจะกลับมาถึงตรอกปี้สุ่ยราวกับติดปีก
มือสังหารที่มาจับตัวกู้เสี่ยวซุ่นคนนั้นไม่อาจกลับไปร้องขอชีวิตกับราชครูจวงได้อีกต่อไป อย่าเห็นว่าแค่ว่าถูกเข็มเงินเล่มเล็กๆ ปัก แต่นั่นเป็นถึงอาวุธลับของพรรคถัง หากใครโดนเข้ามีแต่ตายเท่านั้น
คราวนี้เป็นเพราะวางแผนพลาดไป เดิมที่นึกว่าเลือกลูกพลับที่อ่อนน่วมที่สุดแล้วเสียอีก แต่ใครจะไปคาดคิดกันว่าข้างกายลูกพลับจะมีทุเรียนที่ฟาดหัวคนตายได้
ราชครูจวงรอมากว่าครึ่งค่อนวันมือสังหารก็ยังไม่กลับมา จึงพอคาดเดาได้ว่าเกิดเหตุไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เขาขมวดคิ้วแน่น “นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ หรือว่าจะต้องบุกเข้าไปชิงตัวไทเฮาแล้วจริงๆ”
ขณะที่ราชครูจวงกำลังคิดหาสารพัดวิธีเพื่อเข้าใกล้จวงไทเฮา แต่กลับมีคนหนึ่งที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอันใดก็ได้พบนาง
เซวียนผิงโหวมาหาเซียวลิ่วหลังอีกแล้ว
เขานึกทบทวนดูแล้วว่าจะไม่ใช้วิธีแกล้งให้ตกใจเพื่อทดสอบเขา แต่เขาควรคิดหาวิธีที่จะอยู่กับอีกฝ่ายที่นี่ให้ได้เสียก่อน วันนี้เขาไม่ได้มาหาเซียวลิ่วหลัง แต่เขามาหาลูกสะใภ้ที่ไม่เคยเห็นใบหน้าค่าตา
แหม เขานี่ช่างฉลาดเสียจริง
“ฉังจิ่ง เคาะประตูซิ” เขาสั่ง
ฉังจิ่งเอ่ยขานตอบ พลางเดินก้าวไปข้างหน้าแล้วยกมือขึ้นเคาะประตู ทว่ายังไม่ทันได้เคาะ เสียงกุกกักจากข้างในก็ดังขึ้นพร้อมประตูที่เปิดออก
จี้จิ่วอาวุโสและหญิงชราเดินออกมา ทั้งสองจะไปเล่นไพ่ที่ข้างบ้าน ทว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าประตู จี่จิ่วอาวุโสก็ชะงักไป เขาประจันหน้ากับเซวียนผิงโหว
แน่นอนว่าเซวียนผิงโหวก็เห็นเขาเช่นกัน
เมื่อเห็นเขาออกมาจากเรือนของเซียวลิ่วหลัง เซวียนผิงโหวกลับไม่รู้ประหลาดใจสักเท่าใด เพราะรู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่เรือนหลังถัดกัน ไม่ว่าเซียวลิ่วหลังจะใช่อาเหิงหรือไม่ จี้จิ่วอาวุโสก็เป็นเพื่อนบ้านของเขา
แต่ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเขานั้น…
เซวียนผิงโหวมองหญิงชรา ความประหลาดใจก็ฉายแววขึ้นในแววตา
จี้จิ่วอาวุโสอยากจะปิดประตูแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาทำได้เพียงรีบเบี่ยงตัวแล้วบังหญิงชราไว้ด้านหลังตัวเอง!
แต่น่าเสียดายที่เซวียนผิงโหวก็เห็นแล้วเช่นกัน
เซวียนผิงโหวหรี่ตามองอย่างระแวดระวัง รังสีเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างในทันใด
หญิงชรา “เจ้าจะมาขวางข้าทำไม”
จี้จิ่วอาวุโส “เจ้าเงียบน่า!”
ฝ่ามือของเซวียนผิวโหวกำแน่นจนส่งเสียงดังกรอบแกรบขึ้นมา
จี้จิ่วอาวุโสนึกในใจ จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว กลัวสิ่งใดสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ เจ้าหมอนี่้เจอตัวจวงจิ่นเซ่ส่อแล้ว ราชครูจวงเพิ่งไป เซวียนผิงโหวก็มา เขาจะบ้าตาย!
ยังดีราชครูจวงแค่หวังใช้ประโยชน์จากจวงจิ่นเส่อ แต่เซวียนผิงโหวนั้นคือศัตรูคู่อาฆาตของจวงจิ่นเส่อ!
“ท่านพี่ฮั่ว! ท่านป้าฮั่ว! พวกท่านยังไม่มากันอีกหรือ รอแค่พวกท่านสองคนเนี่ย!”
ข้างบ้านหนอข้างบ้าน เสียงตะโกนของยายเฒ่าจางดังขึ้น
เซวียนผิงโหวยิ้มมีเลศนัย สายตากวาดมองใบหน้าของจี้จิ่วอาวุโสและหญิงชรา ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพี่โฮว่ ท่านป้าโฮว ดูท่าแล้วข้าคงจำคนผิด นั่นสินะ ไทเฮาประทับนอกวัง จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
จี้จิ่วอาวุโสถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่ากลับรู้สึกทะแม่งๆ ขึ้นมา
เซวียนผิงโหวไม่เคียดแค้นแล้วหรือ
เซวียนผิงโหวยิ้มเย็น น้ำเสียงยิ่งเย็นชากว่าเดิม “มีคนชอบแอบอ้างว่าเป็นไทเฮา ฉังจิ่ง ฆ่านางเสีย!”