สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 274 โกรธจนน้ำตาเล็ด!
บทที่ 274 โกรธจนน้ำตาเล็ด!
เรื่องที่จวงเย่ว์ซีถูกไทเฮาหักหน้านั้นยังไม่แพร่กระจายออกไปก็จริง เพียงแต่ด้วยความที่พระราชลัญจกรของไทเฮาตกแตก ฉินกงกงจจึงต้องนำเอาไปซ่อมแซม
ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่จวงเย่ว์ซีย้ายออกนอกวังพอดี ผู้คนจึงเกิดสงสัยว่าจวงเย่ว์ซีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
การจะสืบมูลจากตำหนักเหรินโซ่วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกทั้งพวกตระกูลจวงเองก็ไม่ยอมเปิดปากเล่าอะไรด้วย จึงไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของเรื่องนี้อย่างแน่ชัด
เซียวลิ่วหลังไม่ทราบข่าว เพราะเขาดันมีเหตุจำเป็นที่ทำให้ต้องเลิกงานก่อนเวลา
เรื่องมีอยู่ว่า หลิวเฉวียนมารอรับเซียวลิ่วหลังที่หน้าสำนักฮั่นหลิน
“มีอะไรหรือ”
เซียวลิ่วหลังเคยกำชับกับหลิวเฉวียนไว้แล้วว่าไม่ต้องมารับเขา เขาจะกลับเอง
แต่คราวนี้ หลิวเฉวียนมาหาเขาด้วยสีหน้าลำบากใจ “คือว่า…เกิดเรื่องกับ…เสี่ยวจิ้งคงน่ะ”
พูดให้ถูกก็คือ เจ้าตัวเล็กถูกเชิญผู้ปกครองไปพบอีกแล้ว
เซียวลิ่วหลังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่เรื่องเจ้านกเหยี่ยวนั่นเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่เดือนเอง คราวนี้มีเรื่องอะไรมาอีกแล้วเล่า
เซียวลิ่วหลังสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยกลับไป “แกล้งเพื่อนร่วมชั้นอีกแล้วรึ”
เห็นว่าอายุน้อยสุดในโรงเรียนแบบนี้ ที่ไหนได้ กลับแสบทรวงสุดๆ แกล้งเพื่อนร่วมชั้นที่อายุเยอะกว่ามาแล้วนักต่อนัก และสุดท้ายก็มักจะลงเอยด้วยการที่เจ้าตัวเล็กบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ
หลิวเฉวียนเอ่ยต่อ “เอ่อ ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นอาจารย์ซุน”
เซียวลิ่วหลังเลิกคิ้วขึ้นพลางนึก อะไรกัน เจ้าเด็กนี่ เล่นถึงระดับอาจารย์แล้วรึ!
คราวนี้เซียวลิ่วหลังเลยถึงบางอ้อว่าเหตุใดหลิวเฉวียนถึงต้องตามเขามาถึงที่นี่
ส่วนรายละเอียดเรื่องราว หลิวเฉวียนเองก็ไม่ค่อยรู้เท่าใดนัก เซียวลิ่วหลังจึงมุ่งหน้าไปที่ชั้นเรียนปฐมวัยของกั๋วจื่อเจียน และได้พบกับผู้อำนวยการสำนักที่มาจากตระกูลโอวหยาง
ด้วยความที่เซียวลิ่วหลังเป็นจอหงวนและเคยเป็นศิษย์ของกั๋วจื่อเจียน ผู้อำนวยการโอวหยางจึงแสดงท่าทีเกรงใจต่อเขา
เซียวลิ่วหลังวางไม้เท้าลง ก่อนยื่นมือคำนับ “ไม่ทราบว่าครั้งนี้มีเรื่องอันใดหรือ”
ผู้อำนวยการโอวหยางทำท่าราวกับอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก สุดท้ายก็เอ่ยออกมาอย่างขอไปที “ลอง…ลองไปเห็นด้วยตาตัวเองจะดีกว่า”
ผู้อำนวยการโอวหยางจึงพาเซียวลิ่วหลังไปที่ห้องพักอาจารย์ของอาจารย์ซุน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเด็กพิเศษมากนัก
แต่ขณะที่เซียวลิ่วหลังกำลังเดินไป ยังไม่ทันจะถึงห้องพักอาจารย์ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของใครสักคน
เขาจึงสะดุ้ง แวบแรกที่เข้ามาในหัวคือน่าจะเป็นเสียงร้องของอาจารย์ซุน
เซียวลิ่วหลังนึกในใจ เจ้าตัวเล็กไปทำอะไรไว้กันแน่นะเนี่ย
“เสี่ยวจิ้งคงอยู่ที่ห้องเรียน เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปพบกับอาจารย์ซุนก่อน” ผู้อำนวยการโอวหยางเอ่ยอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะยื่นมือเคาะประตู
และแล้วเสียงร้องก็ได้เงียบลง
จากนั้นประตูห้องถูกเปิดออก คนที่ออกมาเปิดประตูให้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นอาจารย์เจี่ยงนี่เอง
หลังจากที่อาจารย์เจี่ยงถูกย้ายให้ไปสอนที่ชั้นเรียนเด็กโตของกั๋วจื่อเจียนก็แทบไม่ได้มาที่ชั้นเรียนปฐมวัยแล้ว เมื่อครู่นี้เขากำลังปลอบใจให้อาจารย์ซุนอยู่
ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ไม่ได้ผลเท่าใดนัก
อาจารย์ซุนกล้าปลดทุกข์ต่อหน้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ แต่มิอาจทำแบบนั้นได้กับต่อหน้าผู้อำนวยการโอวหยาง
อาจารย์เจี่ยงรู้จักเซียวลิ่วหลังอยู่แล้ว เพราะตอนที่เสี่ยวจิ้งคงก่อเรื่องครั้งแรก เขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
เซียวลิ่วหลังยื่นมือคารวะให้ “ท่านอาจารย์เจี่ยง”
หลังจากนั้น อาจารย์เจี่ยงก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เซียวลิ่วหลังได้ฟัง
เรื่องที่เกิดขึ้นมีอยู่ว่า วันนี้อาจารย์ซุนสอนวิชาเลขในชั้นเรียน ซึ่งเป็นบทเรียนเรื่องอัตราส่วนเส้นรอบวง แต่เสี่ยวจิ้งคงกลับบอกกับอาจารย์ซุนต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆ ว่าอาจารย์ซุนสอนผิด
“ซึ่งที่จริงแล้ว อาจารย์ซุนไม่ได้สอนผิดแต่อย่างใด” อาจารย์เจี่ยงเอ่ย
ซึ่งสิ่งที่อาจารย์ซุนสอนไปนั้นอยู่ในตำราสูตรคำนวณ ‘ซ่วนจิงสื่อซู’อยู่แล้ว
เซียวลิ่วหลังเองก็รู้ว่าสูตรคำนวณคือตัวเลขตามนั้น
“แล้วเหตุใดเขาถึงบอกว่าอาจารย์ซุนสอนผิด อาจารย์ซุนได้เอาหนังสือให้เขาดูหรือไม่”
เสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กที่เข้มงวดและมีเหตุผล ขอแค่มีเหตุผลกับเขา เขาก็จะไม่งอแงอะไรทั้งนั้น
และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของปัญหา
อาจารย์ซุนหยิบตำราขึ้นมาให้เสี่ยวจิ้งคงดู แต่เสี่ยวจิ้งคงกลับบอกว่าตำรานี้ยังไม่สมบูรณ์ ก่อนจะพ่นค่าตัวเลขออกมาพรวดเดียวประมาณสิบเจ็ดสิบแปดหลักได้ จนอาจารย์ซุนถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
อาจารย์ซุนจึงมองว่าเสี่ยวจิ้งคงกำลังรบกวนการเรียนการสอน แต่เสี่ยวจิ้งคงกลับบอกว่าอาจารย์ซุนสอนเด็กด้วยวิธีผิดๆ และเพื่อเป็นการวัดฝีมือของอาจารย์ เสี่ยวจิ้งคงจึงโยนโจทย์ให้อาจารย์ซุนทำถึงสิบข้อด้วยกัน
แต่ท้ายที่สุดอาจารย์ซุนกลับทำโจทย์พวกนั้นไม่ได้เสียเอง
เสี่ยวจิ้งคงมองว่าที่อาจารย์ซุนจำโจทย์ไม่ได้ก็เพราะความรู้ยังไม่แน่นพอ เห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กๆ ในชั้นเรียน
ที่จริงแล้วเสี่ยวจิ้งคงมองอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว ที่อาจารย์ซุนทำโจทย์พวกนั้นไม่ได้ เป็นเพราะโจทย์พวกนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตความรู้ของอาจารย์ซุนก็เท่านั้น
แต่ด้วยความที่เสี่ยวจิ้งคงน้อยเป็นหัวโจกในห้อง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร นักเรียนในห้องก็จะเออออตามเขาด้วย
โจทย์สิบข้อของเสี่ยวจิ้งคง อาจารย์ซุนทำไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ภายหลังอาจารย์ซุนจึงออกโจทย์ให้เสี่ยวจิ้งคงทำบ้าง เสี่ยวจิ้งคงทำได้แค่ครึ่งหนึ่ง แถมยังบอกกับอาจารย์ซุน “ไม่แปลกที่โจทย์ที่เหลือข้าทำไม่ได้ เพราะข้าเป็นนักเรียน! ก็เลยต้องมาเรียนหนังสืออย่างไรเล่า ถ้าข้าทำเป็นหมดแล้วจะมีอาจารย์ไปเพื่ออะไรกัน”
ดูพูดเข้าสิ
อาจารย์ซุนรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก เลยคว้าไม้บรรทัดมากะว่าจะตีเข้าที่มือของเสี่ยวจิ้งคง แต่ตัวเองกลับเกิดสะดุดล้มก่อนเสียอย่างนั้น
นักเรียนทั้งชั้นจึงพากันหัวเราะยกใหญ่!
เรียกได้ว่าสร้างความอับอายแบบกู่ไม่กลับกันเลยทีเดียว
อีกทั้งยังมีนักเรียนชั้นเรียนอื่นๆ มายืนมุงดูด้วย เรื่องนี้เลยแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนัก
ไม่แปลกใจที่อาจารย์ซุนจะร้องโหยหวยขนาดนี้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็น่าอายจริงๆ
อาจารย์เจี่ยงเอ่ยกับเซียวลิ่วหลังอย่างทอดถอนใจ “เจ้าก็อย่าเพิ่งไปดุด่าว่ากล่าวเจ้าตัวเล็ก แน่นอนว่าที่เขาทำมันผิด แต่ที่เขาทำเขาก็มีเหตุผลของเขา”
“ขอขอบคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ข้าจะลองเจรจากับเขาดู” เซียวลิ่วหลังเข้าไปขอโทษอาจารย์ซุน ก่อนจะเดินออกมาแล้วไปที่ห้องเรียนเพื่อลากเจ้าตัวเล็กออกมา
“ไหนว่ามาซิ เหตุใดเจ้าถึงแกล้งอาจารย์ซุน”
ทั้งสองยืนพูดคุยอยู่ใต้เงาร่มของต้นไม้ใหญ่
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พี่เขยพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ข้าไม่ได้แกล้งเขาซักหน่อย เป็นเขาเองต่างหากที่สอนผิดก่อน ตัวเองไม่มีความรู้แล้วยังไม่กล้ายอมรับอีก ขอแค่เขายอมรับมาตรงๆ ก็จบ เหมือนกับเรื่องที่เขียนไว้ในตำรา ‘บุรุษเซียงซาน’ ที่ว่า ทำผิดก็ต้องยอมรับผิดและเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น นี่อะไร นอกจากจะไม่ยอมรับแล้วยังมาหาเรื่องข้าอีก!”
พอฟังจบเซียวลิ่วหลังก็นิ่งอึ้งไป
ตอนแรกเซียวลิ่วหลังก็โกรธอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ กลับอยากจะหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น เสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่น แม้เห็นๆ กันอยู่ว่าสิ่งที่เสี่ยวจิ้งคงทำนั้นก็ไม่ถูก แต่เขาก็อดภูมิใจไม่ได้กับการเติบโตของเสี่ยวจิ้งคง
เซียวลิ่วหลังเอ่ยถาม “เจ้าไปฟังเรื่องบุรุษเซียงซานจากที่ใดมา”
“ท่านปู่” เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยตอบหน้าบึ้ง
เอามาประยุกต์ใช้ก็เป็นนี่ ไม่เลวแฮะ
แต่เซียวลิ่วหลังรู้ดีว่าเจ้าตัวเล็กจงใจแกล้งอาจารย์จริงๆ “นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะเอามาใช้อ้างเพื่อกลั่นแกล้งอาจารย์ต่อหน้าคนหมู่มากนะ เจ้าจะพูดเอง หรือจะพูดต่อหน้าเจียวเจียว”
พอเอ่ยถึงกู้เจียว เสี่ยวจิ้งคงก็เริ่มอ้ำอึ้ง
เซียวลิ่วหลังรู้วิธีจี้จุดอ่อนของคน จากนั้นเจ้าตัวเล็กก็ค่อยๆ คายแผนการของตัวเองออกมา
ต้นตอของเรื่องราวมาจากตอนที่เสี่ยวจิ้งคงพาเจ้าเหยี่ยวมาเรียนด้วย และตอนนั้นที่เกิดเรื่องกับฉินฉู่อวี้ อาจารย์ซุนไม่ได้ออกตัวปกป้องเขาเหมือนที่อาจารย์เจี่ยงเคยทำ แต่กลับโยนความผิดให้เสี่ยวจิ้งคงแบกไว้เต็มๆ
เสี่ยวจิ้งคงจึงรู้สึกผิดหวังกับอาจารย์ซุนมาก ตั้งแต่วันนั้น เขาจึงมองว่าอาจารย์ซุนไม่คู่ควรที่จะเป็นอาจารย์ของเขา
เซียวลิ่วหลังคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวเล็กจะเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้
เซียวลิ่วหลังครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยกับเสี่ยวจิ้งคง “อาจารย์ซุนเองก็มีส่วนผิด เขาไม่ควรใช้อำนาจข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าออกมายืนหยัดเพื่อเจ้าแบบที่อาจารย์เจี่ยงทำ”
“ทำไมเล่า” เสี่ยวจิ้งคงไม่เข้าใจ
เซียวลิ่วหลังไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาเข้าใจอย่างไร อาจเป็นเพราะคนที่เขาเติบโตมาด้วยมีแต่คนที่กล้าหาญและทำเพื่อเขา เลยทำให้เขามีความคิดว่าทุกคนควรจะมีความกล้าหาญ
แต่ในความเป็นจริง การปกป้องตัวเองนั้นคือสิ่งที่ทุกคนควรมีมากที่สุด
เพราะในวันข้างหน้า เขาจะต้องอยู่ห่างจากกู้เจียว อยู่ห่างบ้านห่างเรือน ออกเดินทางไปยังที่ที่ไกลแสนไกล แล้วเขาจะรู้ว่าคนอย่างอาจารย์ซุนน่ะ มีอยู่ทุกที่จริงๆ
ที่จริงอาจารย์ซุนก็ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเสี่ยวจิ้งคงแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องเจ้าเหยี่ยวในครั้งนั้นเขาทำพลาดไปจริงๆ แต่ในด้านอื่นๆ แล้วก็นับว่าเขาเป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่ง
เซียวลิ่วหลังเอามือลูบหัวกลมๆ ของเจ้าตัวเล็ก “เจ้าสามารถเข้มงวดกับตัวเองอย่างไรก็ได้ แต่กับผู้อื่นก็ต้องยืดหยุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน”
“เพราะเหตุใดกัน” เสี่ยวจิ้งคงไม่เข้าใจ
เซียวลิ่วหลังยืนนึกอยู่พัก ก่อนจะตอบกลับไป “เพราะว่าคนอื่นเขาไม่ได้เก่งเหมือนเจ้าอย่างไรเล่า”
นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เขยตัวแสบชมเสี่ยวจิ้งคง เดิมเสี่ยวจิ้งคงจะบ่นต่ออีกเป็นหางว่าวพอเจอแบบนี้เข้าให้ก็ถึงกับพูดไม่ออก
เสี่ยวจิ้งคงน้อยเริ่มหน้าแดง
“ข้า ข้า ข้า ข้าก็เก่งอยู่แล้วไง ไม่เห็นต้องให้เจ้ามาพูดให้ฟังเลย”
เจ้าตัวเล็กแหงนหน้ามองฟ้า ก่อนจะเดินตัวปลิวออกไป
ในที่สุดเสี่ยวจิ้งคงก็ยอมมาขอโทษอาจารย์ซุนแต่โดยดี
แต่ที่จริงเขาก็ไม่ได้เต็มใจนักหรอก เพราะเขารู้ว่าตัวเองไม่ได้พูดผิดเรื่องอัตราส่วนเส้นรอบวง
อาจารย์ซุนยอมรับคำขอโทษของเสี่ยวจิ้งคง ขณะที่เขาคิดว่าเซียวลิ่วหลังกำลังจะพาเจ้าตัวเล็กออกไป จู่ๆ เซียวลิ่วหลังก็พูดขึ้นทันที “ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตรวจสอบปัญหาเรื่องอัตราส่วนเส้นรอบวง จากนั้น ข้าหวังว่าอาจารย์ซุนสามารถขอโทษเสี่ยวจิ้งคงด้วย เพราะท่านเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน”
อาจารย์ซุนถึงกับพูดไม่ออก
ให้อาจารย์ขอโทษศิษย์เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้
เหตุใดถึงมีแต่คนคอยออกหน้าให้เจ้าตัวเล็กนี่อยู่เรื่อยเลยนะ
แล้วไหนจะเรื่องอัตราส่วนเส้นรอบวงอะไรนั่นอีก เขาบ้าไปแล้วหรือไร คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน
แม้แต่เสี่ยวจิ้งคงเองก็คาดไม่ถึงว่าพี่เขยตัวแสบจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าการหาคำตอบอัตราส่วนเส้นรอบวงมันจะยากแค่ไหน แต่อย่างน้อยเสี่ยวจิ้งคงก็รู้ว่า พี่เขยเลือกที่จะอยู่ข้างเขา
อาจารย์ซุนไม่เชื่อว่าเซียวลิ่วหลังจะสามารถคำนวณอัตราได้ถึงเจ็ดหลัก ดังนั้นเขาจึงยอมรับการเดิมพันโดยไม่มีแรงกดดันใดๆ
หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว เสี่ยวจิ้งคงเม้มปากแล้วเอ่ย “แล้วถ้าคำนวณออกมาแล้วปรากฏว่าข้าคิดผิดล่ะ”
“ข้าก็จะไปขอโทษอาจารย์ซุน ไม่เห็นยากตรงไหน”
น่าอายจะตาย
เสี่ยวจิ้งคงนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอาตัวเอนไปทางเซียวลิ่วหลัง
“มีอะไรรึ”
เสี่ยวจิ้งคงสูดหายใจลึก “ข้าจะให้เจ้ากอดอย่างไรเล่า”
เสี่ยวจิ้งคงคิดในใจ วันนี้พี่เขยตัวแสบสุดยอดไปเลย! สงสัยคงเป็นเพราะหลงรักตัวเองจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ !
เช่นนั้นข้าจะยอมเปลืองตัวให้วันหนึ่ง!
เซียวลิ่วหลังมองเจ้าตัวเล็กด้วยสายตาประหลาด
…ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไร
เซียวลิ่วหลังและเสี่ยวจิ้งคงกลับมาที่เรือนเป็นที่เรียบร้อย ในขณะที่กู้เจียว กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นยังไม่มีใครกลับมา กู้เจียวกำลังยุ่งง่วนอยู่ที่โรงหมอ ส่วนกู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นไปเรียนงานฝีมือที่เรือนของท่านอาจารย์
ขณะที่กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นอยู่กินข้าวที่เรือนของท่านอาจารย์ กู้เหยี่ยนสังเกตเห็นสายตาที่ท่านอาจารย์ป้าที่มองมาที่กู้เสี่ยวซุ่นนั้นดูแปลกๆ ชอบกล
ขณะนั่งรถม้ากลับเรือน กู้เหยี่ยนจึงตัดสินใจเอ่ยถาม “เจ้ารู้สึกไหมว่าอาจารย์ป้ามีท่าทีแปลกๆ กับเจ้านะ”
“อย่างไรรึ อาจารย์ป้าไม่ชอบข้าเหรอ” กู้เสี่ยวซุ่นทำหน้าตกใจ
กู้เหยี่ยนนึกในใจ เห็นๆ อยู่ว่าชอบจนโงหัวไม่ขึ้น
สายตาของนางราวกับอยากจะฉุดเจ้าขึ้นห้องยังไงยังงั้น!
กู้เหยี่ยนเอ่ยต่อ “ข้ารู้สึกว่าอาจารย์ป้าน่ะถูกใจเจ้า เจ้าต้องระวังนะ ข้ากลัวท่านอาจารย์จะหึงและเกิดทำร้ายเจ้า”
กู้เสี่ยวซุ่น “…”