สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 280.1 หลังชําระแค้น (1)
บทที่ 280 หลังชําระแค้น (1)
กู้เจียวมองเขาด้วยความสนอกสนใจ สายตากวาดมองร่างกายของเขา ราวกับ
กําลังประเมินนํ้าหนัก
มือข้างไหนที่แตะต้องน้องชายข้ากันนะ
ข้างนี้หรือ
กู้เจียวหันมองมือข้างขวาของเขา
วางใจเถิด นางเพิ่งจะเย็บต่อท่อนแขนไป ไม่มีทางหักอีกครั้งหรอก!
กู้เจียวชําเลืองมองไปยังแขนซ้ายของเขา
ถังหมิงหัวใจกระตุกวูบ!
เพื่อให้เขานอนหลับสบาย ภายในห้องจึงจุดธูปหอมและดับตะเกียงน้ํามัน ทว่า
ยังคงมีแสงจันทร์ที่ลอดผ่านลายฉลุของหน้าต่างห้องเข้ามา
เตียงของเขาให้ได้เห็น
ทว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวย้อนแสง
สาดแสงสะท้อนร่างบน
นัยน์ตาดําขลับคู่นั้นกลับเปล่งประกายประ
หลาดตา
ถังหมิงคิดไปว่าตนเองไปเจอผีสางเข้าให้แล้ว
ในเมื่อจวนหยวนไซว่มีองครักษ์คุ้มกันหนาแน่นเสียขนาดนั้น
ไม่มีทางที่
มือสังหารจะลอบเข้ามาโดยไร้สุ่มเสียง ต่อให้บุกเข้ามาแล้ว ด้านนอกก็ยังมีองครักษ์
ลับอีกสองคนยืนอยู่
ไม่มีทางที่พวกเขาจะถูกเล่นงานแน่นอน
ผีหลอกเข้าให้จริงๆ แล้วหรือนี่
หรือว่าตัวเขาแค่ฝันไป
แต่ว่ากันว่าในความฝันคนเราจะไม่รู้สึกเจ็บปวดมิใช่หรือ
เขาเจ็บเจียนตายอย่แล้ว!
บาดแผลที่โดนดาบของก้นั่งชิงฟันก็เจ็บ แขนที่เพิ่งต่อเข้าไปยิ่งเจ็บเข้าไปใหญ่ ราวกับถูกโรยด้วยเกลือ ปวดแสบปวดร้อน เจ็บปานจะขาดใจจนเหงื่อเย็นผุดซึมไปทั่ว
ร่างของเขาแล้ว
วินาทีนั้นสิ่งที่ถังหมิงไม่รู้ก็คือ ทั้งหมดนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
กู้เจียวล้วงถุงมือออกมาจากอก เพียงแค่สะกิดเบาๆ ร่างกายของถังหมิงก็สั่นเทา ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วอย่างไม่รู้สาเหตุ
หน้ากากนั้นปิดบังใบหน้าของเจียวเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง
กรามคมชัดและริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ
ถังหมิงจึงมองเห็นสัน
ถังหมิงไม่รู้ว่าเจ้านี่เป็นชายหรือหญิง แต่รอยยิ้มเจ้านั่นช่างเย็นยะเยือกจนหนังหัว
ชาติกไปหมด
เขา
เจ้าจะทําอะไร!
กู้เจียวยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ สวมถุงมือ แล้วสะกิดเบาๆ ลงบนมือซ้ายของ
อุณหภูมิเย็นเฉียบจากปลายนิ้วของนางทะลุผ่านถุงมือมาถึงผิวหนังของถังหมิง
ถังหมิงสั่นไปทั้งตัว
วินาทีต่อมา ถังหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่าปลายนิ้วนั้นเหมือนจะออกแรงมากขึ้นเป็น เท่าตัว จนกระทั่งได้ยินเสียงกรอบแกรบ กระดกข้อมือของเขาก็หักไปแล้ว!
บวกกับยาที่ออกฤทธิ์ ถังหมิงราวกับถูกคั้นปั่นด้วยมีด เขาอ้าปากร้องตะโกนลั่น ทว่ากลับได้ยินเพียงแค่เสียงที่ดังก้องในหัวตัวเอง
ปลายนิ้วของกู้เจียวไส้ขึ้นไปตามกระดูกข้อมือที่แหลกละเอียดของเขา
สัมผัสของนางนั้นแผ่วเบานัก ทว่าแววตากลับพึงพอใจเหลือเกิน ราวกับไม่ได้
สนใจเสียงหักกรอบแกรบใต้ปลายนิ้วของตน
ถังหมิงเจ็บจนเกือบหมดสติไปแล้ว!
เจ้าวิตถารนี่เป็นใครกัน! เหตุใดถึงได้หักแขนเขาเป็นท่อน ๆ แบบนี้ได้!
ความเจ็บปวดระดับนี้สามารถทําให้ยอดฝีมือของวังหลวงหมดสติจนปลุกตื่นได้ เลยทีเดียว แต่เจียวให้ยากับเขา ยาราคาแพงหูฉี ทําให้ตื่นเต็มตาอยู่เวลาและรับรู้
ความเจ็บปวดชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
ใบหน้าของถังหมิงเหยเกเพราะความเจ็บปวด
เคียดแค้น
ข้าจะฆ่าเจ้า!ข้าจะฆ่าเจ้า!
“โอ๊ะ”
เขามองกู้เจียวด้วยสายตา
กู้เจียวคิ้วกระตุก ถอดมือออกมาแขนซ้ายที่แหลกเป็นผุยผงของเขา
ถังหมิงคิดว่ารังสีอํามหิตของตนข่มขวัญอีกฝ่าย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายกลับใช้
มือกดที่ขาซ้ายของเขาแทน!
ถังหมิงตื่นตระหนกในทันใด!
เจ้าวิตถารนี่จะทําอะไรอีก!
ปล่อยข้า!
อย่ามาแตะต้องขาของข้า!
มุมปากของกู้เจียวยกยิ้ม ข้อนิ้วเคาะลงบนหัวเข่าของเขาอย่างแผ่วเบา มีเสียงกึก
ดังขึ้น หัวเข่าของเขาหักเป็นท่อน!
อ้ากกก….
ถังหมิงเจ็บจนน้ําตาเล็ด!
สภาพที่ไม่อาจขัดขืน ได้แต่นอนราบบนเตียงปล่อยให้คนทารุณกรรมเช่นนี้
น่าอนาถเสียยิ่งกว่ากู้เหยี่ยนในตอนนั้นหลายเท่าตัว
โชคดีที่กู้เหยี่ยนยังพูดได้ แต่เขาแม้แต่ร้องตะโกนยังทําไม่ได้
ในที่สุดถังหมิงก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เขาเป็นคนฝึกวรยุทธ์ เขาจึงกล้าบ้าบิ่นกว่าคนทั่วไปอยู่มาก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า
ทําไมเขาถึงได้กัดฟันประมือกับกู้ฉังชิงบนเวทีประลอง
ฝีมือวรยุทธ์ของก้ฉิงชิงทําให้เขาหวาดกลัว แต่ที่มากกว่านั้นน่าจะเป็นความ
แค้นเคืองและริษยามากกว่า เขาอิจฉาที่ก็ยังชิงอ่อนกว่าเขาถึงสองปีแท้ๆ แต่กลับ มีพรสวรรค์ในศาสตร์การต่อสู้มากกว่าเขา
แต่คนที่สวมหน้ากากตรงหน้ากลับทําให้เขารู้สึกแตกต่างโดยสิ้นเชิง ความแค้น เคือง ความริษยา ความไม่พอใจและความเดือดดาล ล้วนแต่ถูกแทนที่ด้วยความ
หวาดผวาภายในจิตใจ
และแล้วเขาก็ยอมแพ้!
หยดนํ้าตาเม็ดใหญ่ของเขาไหลริน เขามองนางด้วยสายตาเว้าวอน ลืมแม้แต่จะ
ถามว่านางเป็นใคร เหตุใดถึงทํากับเขาเช่นนี้
เขาอ้อนวอนให้นางปล่อยเขาไป
กู้เจียวมองเขาอย่างอ่อนโยน เช่นนั้นเจ้าจะปล่อยอาเหยี่ยนของข้าด้วยหรือไม่
นํ้าตาของถังหมิงไหลพราก ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยความกลัว
ขอร้องเจ้าล่ะ… ปล่อยข้าไปเถิด… ปล่อยข้าไปเถิด….
ริมฝีปากเจียวเผยยิ้มบาง ปลายนิ้วเกลี่ยเบา ๆ บนหัวเข่าอีกข้างของเขา เสียง
กรอบดังขึ้น หักอีกแล้วหรือ!
แล้ว
คราวนี้ต่อให้ฤทธิ์ยายังอยู่ ถังหมิงก็เป็นลมหมดสติไปเพราะความเจ็บปวดเสีย
กู้เจียวไม่รีบร้อน
นางนั่งรออยู่ที่หัวเตียงอย่างอดทน
ไม่นานเท่าไหร่หรอก
ยาของศูนย์วิจัยมีแต่ยาชั้นดีทั้งนั้น
ถังหมิงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ในหน้าซีดขาวไร้เลือด ร่างทั้งร่างเปียกชุ่มเพราะ
เหงื่อเย็น เขามองเจ้าปีศาจร้ายที่ยังไม่จากไป
ร่างกายก็สั่นเทาขึ้นมาอีกครั้งอย่าง
ควบคุมไม่ได้
เขามิใช่ราชสีห์แห่งทุ่งหญ้าอีกต่อไป ความกล้าหาญและความบ้าบิ่นของเขาถูก
คนตรงหน้าทําลายไปจนหมดสิ้นแล้ว
เขามองอีกฝ่ายอย่างขลาดกลัว น้ําตาเอ่อล้นดวงตา ทั้งหวาดผวาและสิ้นหวัง
กู้เจียวไม่แยแสแววตาสิ้นหวังของเขา
นางไม่ใช่คนดี และไม่เคยเป็นด้วย นางยอมตกนรกหมกไหม้หลังความตาย ถูก หอกดาบนับพันฟันแทง แต่หากเป็นความแค้นในชาตินี้ นางก็จะล้างแค้นให้สําเร็จใน
ชาตินี้เช่นกัน!
กู้เจียวยิ้มอย่างอ่อนหวาน “เจ้าพูดได้แล้ว”
ถังหมิงขยับปากอ้า เสียงอืออาครางต่ํา ในที่สุดก็เปล่งเสียงออกมาได้ เพียงแต่
อ่อนแรงเหลือเกิน
กู้เจียวหยิบเข็มยาฉีดออกมาจากกระเป๋า
ท่ามกลางความมืดมิด ถังหมิงเห็นไม่ชัดนักว่านั่นคือสิ่งใด รู้เพียงแค่ว่าส่อง
ประกายแวววาว
“เจ้า… เจ้าจะทําอะไรน่ะ” เขาถามอย่างหวาดกลัว
สายตาของกู้เจียวหยดอยู่บริเวณใต้เชือกผูกกางเกงของเขา “ทําหมันเคมีน่ะ”
เค็มป์อะไรนั่น ถังหมิงฟังไม่รู้เรื่อง แต่สองพยางค์แรกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยน “อย่า…”
อย่าอย่างนั้นหรือ
อืม เช่นนั้นก็ได้
กู้เจียวเก็บเข็มฉีดยาลงในกระเป๋าอย่างเงียบเชียบ
วินาทีต่อมา นางคว้ามีดผ่าตัดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงชั่วร้าย “เช่นนั้นก็
ทําหมันแบบดั้งเดิมเลยก็แล้วกัน!”
ถังหมิง “…!!”
ขณะเดียวกันถังเย่ว์ซานที่กลับมาถึงเรือนก็นอนพักผ่อนทันที เขาเพิ่งผ่านพ้นวัน
อันคร่ําเครียดและเหนื่อยล้ามา เพียงไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไป
นอนหลับได้ครึ่งคืน จู่ๆ เขาก็ตื่นขึ้นอย่างหวาดผวาเพราะฝันร้าย ลุกพรวดขึ้นนั่ง
ในทันที
คงเป็นเพราะลืมปิดหน้าต่างให้สนิท จึงถูกลมราตรีพัดให้เปิดออก กระพือดัง
เสียงเอี๊ยดอ๊าด
ถังเย่ว์ซานจําไม่ได้แล้วว่าตัวเองฝันอะไร แต่หัวใจยังคงเต้นถี่รัวอย่างรุนแรง เขา ขมวดคิ้ว อยากจะไปดอาการของถังหมิงสักหน่อย ทว่าจังหวะที่กําลังเลิกผ้าห่มก็ได้ยิน เสียงร้อยโหยหวนดังขึ้น
เสียงนั้นไม่ดังมากนัก อาจเป็นเพราะดังลอดออกมาจากห่มผืนหนาที่กั้นไว้ ทว่า ถังเย่ว์ซานหูดีมาก มาอย่างนั้นคงไม่มีทางได้ยินแน่นอน!
“หมิงเอ๋อร์!”
สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยน ไม่ทันได้ใส่แม้กระทั่งรองเท้า วิ่งออกไปทั้งเท้าเปล่า
เขามาถึงเรือนของถังหมิงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เห็นองครักษ์ลับสองคนที่นอน แอ้งแม้งอยู่บนพื้น หัวใจเขากระตุกวูบ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเงาร่างเล็กที่พุ่งตัว
ออกมาจากเรือนของถังหมิง
“ใครก็ได้มาที! มีมือสังหาร!”
เขาตะโกนลั่น
องครักษ์ที่ลาดตระเวนอยู่แถวนั้นตื่นตระหนกไปตาม ๆ กัน ก่อนจะรีบวิ่งมา
หันไปมองทางที่กู้เจียววิ่งหนีแล้วตามไล่ล่า
ถังเย่ว์ซานรีบวิ่งเข้ามาในห้องด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ เมื่อเขาเห็นถังหมิง
ที่หายใจรวยรินจมกองเลือด ก็โห่ร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวด “หมิงเอ๋อร์!!!”
แล้ว!
กู้เจียวไม่มีวิชาตัวเบา จึงวิ่งเหล่ายอดฝีมือไม่ทัน
ถังเย่ว์ซานก็ตื่นถูกเวลาเสียจริง ถ้าช้ากว่านี้สักนิดนางก็คงหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ถึงกระนั้นเช่นนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
กู้เจียวกระโดดขึ้นบนกําแพง เหล่ายอดฝีมือแห่งจวนหยวนไซว่ง้างธน ดอกธนทั้ง
แผงเล็งมาที่กู้เจียว!