สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 283-2 พี่ชายน้องสาว (2)
บทที่ 283 พี่ชายน้องสาว (2)
“ร้องพอหรือยัง” กู้เจียวมองเขานิ่งๆ
กู้เฉิงเฟิงแค่นเสียงเอ่ยในใจว่าข้าร้องดังอย่างที่เจ้าว่าที่ไหน คนบางคนสร่างเมาแล้วก็ลืมไปแล้วว่าคว้าหูข้าไปโหยหวนอย่างบ้าคลั่งไปตลอดทาง!
กู้เฉิงเฟิงนั่งลงกลับที่เดิมอีกครั้ง พอได้ระบายอารมณ์แล้วจึงเหลือเพียงความหดหู่ใจที่ยากจะอธิบายได้ “เจ้าน่าจะรู้ว่าพี่ใหญ่ถูกขังกระมัง เมื่อคืนพี่ใหญ่หนีคุกออกไป เขาทำแบบนี้เท่ากับการหนีทหาร ต้องโทษประหาร แล้วนี่เขายังฆ่าคนอีกยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”
กู้เจียวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขาฆ่าคนด้วยรึ”
กู้เฉิงเฟิงก้มหน้าลง เอ่ยอย่างเสียใจ “ฆ่าทหารเฝ้ายามไปสองคน ข่าวลือมาถึงจวนโหวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ท่านปู่ไปตั้งแต่เมื่อคืนเลย เช้าวันนี้ก็ไม่กลับมา ข้าเดาว่าเรื่องอาจจะไม่ราบรื่น จึงอยากจะมาดูพี่ใหญ่หน่อย ข้านึกว่าเจ้ารู้เสียอีก”
“ข้าไม่รู้” ไม่ว่าอย่างไรกู้เจียวก็คิดไม่ถึงว่ากู้ฉังชิงจะฆ่าคนเพื่อจะแหกคุก นี่ไม่เหมือนสิ่งที่เขาจะทำเลย
กู้เฉิงเฟิงจะไม่คิดเหมือนนางได้หรือ
เขาเอ่ย “ข้าไม่เชื่อว่าพี่ใหญ่จะฆ่าคนบริสุทธิ์ ท่านปู่ก็ไม่เชื่อ แต่ต้านทานพยานหลักฐานที่ครบถ้วนไม่ได้ ว่ากันว่ามีคนเห็นพี่ใหญ่ถือกระบี่อาบเลือดกับตา ยืนอยู่ข้างทหารสองนายที่ตายไปแล้ว แต่ทหารที่เห็นกับตาคนนั้นกลับไม่ถูกพี่ใหญ่ฆ่าปิดปาก หากพี่ใหญ่เสียสติถึงขั้นฆ่าคนบริสุทธิ์จริงๆ แล้วจะไว้ชีวิตพยานที่เห็นกับตาไปเพื่ออะไร”
กู้เจียวเงียบ
กู้เฉิงเฟิงวิเคราะห์ได้มีเหตุผลยิ่งนัก แต่ก็ต้องมีคนเชื่อถึงจะมีประโยชน์ กู้ฉังชิงตัดแขนถังหมิงก่อน เขาล่วงเกินจอมพลถังหยวนไซว่ จอมอย่างถังหยวนไซว่ไม่มีทางปล่อยโอกาสประหารกู้ฉังชิงให้หลุดมือไปแน่
กู้เจียวเอ่ย “ไปพบเขาก่อนค่อยว่ากัน”
กู้เฉิงเฟิงเห็นด้วย “เอาสิ ข้าจะพาเจ้าเข้าไปเอง”
เดิมทีกู้เฉิงเฟิงคิดว่าตัวเองเป็นท่านชายจวนโหว พาสาวใช้เข้าค่ายทหารก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา หากไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยบอกว่ากู้เจียวเป็นคุณหนูจวนโหว จุดนี้ย่อมมีหน้ามีตาแน่นอน
ผลปรากฏว่าเมื่อถึงหน้าค่าย ทั้งคู่กลับโดนขวางไว้
เหตุผลคือบุคคลภายนอกห้ามเข้า!
“บุคคลภายนอกอะไรกัน! ข้าเป็นคนของจวนติ้งอันโหวนะ!” กู้เฉิงเฟิงโมโหยกใหญ่
ทว่าทหารก็ยังไม่ให้ผ่านทาง “นี่เป็นคำสั่งของท่านจอมพล ข้าทำอะไรไม่ได้จริงๆ”
กู้เจียวค่อยๆ เลิกม่านขึ้นช้าๆ ก่อนส่งป้ายแผ่นหนึ่งให้ “มาส่งยาน่ะ” นางชี้ที่กู้เฉิงเฟิง “นี่เป็นคนงานในโรงหมอของพวกเรา”
กู้เฉิงเฟิง ‘ขะขะขะ…ข้ากลายเป็นพนักงานโรงหมอไปตั้งแต่เมื่อใดกัน!?’
ทหารหยิบป้ายมาตรวจดูรอบหนึ่ง ก่อนจะมองกู้เฉิงเฟิงอย่างลังเล “เป็นท่านชายจวนโหวหรือว่าคนงานโรงหมอกันแน่”
กู้เฉิงเฟิงเอ่ยอ้ำๆ อึ้งๆ “คะ…คนงานโรงหมอ”
ทหารคืนป้ายให้กู้เจียว “อย่าอยู่นานล่ะ ส่งยาเสร็จก็ออกมา”
“เจ้าค่ะ” กู้เจียวเก็บป้ายคืน
กู้เฉิงเฟิงสีหน้าแข็งทื่อ อะไรกันน่ะ ปีนี้นึกไม่ถึงว่าชื่อเสียงของท่านชายสายตรงแห่งจวนโหวยังสู้คนงานของโรงหมอไม่ได้เลย
ทั้งคู่เข้าค่ายทหารไป คนตรวจสอบยายังคงเป็นขุนนางแพทย์เมื่อคราวก่อน เขาไปมาหาสู่กับเมี่ยวโส่วถังมาหลายหน ทั้งสองฝ่ายต่างเรียกได้ว่าคุ้นเคยกันแล้ว ผนวกกับฤทธิ์ยาของยาห้ามเลือดของเมี่ยวโส่วถังดีกว่ายาห้ามเลือดทั่วไป เขาจึงเกรงอกเกรงใจกู้เจียวมาก
เขารู้ว่ากู้เจียวไม่ได้มีนิสัยสร้างความวุ่นวายก่อเรื่องก่อราว เมื่อกู้เจียวออกไป เขาก็นึกว่ากู้เจียวจะออกไปสูดอากาศ จึงไม่ได้ห้ามไว้
กู้เฉิงเฟิงพากู้เจียวไปยังห้องสำเร็จโทษที่ขังกู้ฉังชิงอยู่
ถังเย่ว์ซานออกคำสั่งว่าไม่อนุญาตให้เยี่ยมกู้ฉังชิง ทว่าวันนี้ทั้งคู่โชคดีไม่น้อย เพราะทหารที่เฝ้าอยู่รู้จักกับกู้เจียว “แม่นางกู้!”
“รู้จักรึ” กู้เฉิงเฟิงสีหน้าตกใจ
“เคยพบอยู่ครั้งหนึ่ง” มีอยู่ครั้งหนึ่งกู้เจียวมาส่งยาที่ค่ายทหาร บังเอิญเจอทหารคนนี้ปวดท้องล้มลงกับพื้น จึงได้รักษาให้เขาโดยไม่คิดเงิน
กู้เจียวเอ่ย “ข้าขอเข้าไปดูเขาหน่อย อีกเดี๋ยวก็ออกมาแล้ว”
“เช่นนั้น…ก็ได้ แม่นางกู้รีบหน่อยนะ อีกเดี๋ยวเพื่อนข้าจะมาแล้ว พบว่าข้าปล่อยพวกเจ้าเข้าไปจะแย่เอา”
“อืม” กู้เจียวพยักหน้า
ทหารคนนั้นเปิดประตูให้กู้เจียวอย่างลับๆ ล่อๆ “รีบไปเถอะ แม่นางกู้”
กู้เฉิงเฟิง แบบนี้ก็ได้รึ
ทั้งคู่เข้าไปในห้องสำเร็จโทษ
กู้ฉังชิงหันหลังพิงกำแพงอย่างโดดเดี่ยว เขานั่งอยู่บนเบาะฟางที่มีกลิ่นราแผ่ออกมา ประตูของห้องสำเร็จโทษถูกเปิดออก แสงแดดทิ่มตาสาดส่องมา เขาเหลือบตาขึ้นไม่ได้ด้วยซ้ำ
“พี่ใหญ่!”
จนกระทั่งได้ยินเสียงกู้เฉิงเฟิง เขาจึงได้หันหน้ามาด้วยสีหน้าอึมครึม เห็นกู้เจียวเข้ามาด้วยอย่างคาดไม่ถึง สีหน้าก็ยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม “พวกเจ้ามาทำอะไรกัน”
ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วัน กู้ฉังชิงแห้งเหี่ยวไร้ชีวิตชีวาราวกับคนละคน บนใบหน้ามีคราบเลือดอาบย้อม ริมฝีปากแห้งแตก แววตาไร้แวว ตอหนวดขึ้นรอบริมฝีปาก สีเขียวจางๆ รอบมุมปากนั่นทำเอากู้เฉิงเฟิงปวดใจนัก
“พวกเจ้าไม่ควรมา รีบกลับไป” กู้ฉังชิงฝืนข่มอารมณ์พลุ่งพล่านในใจของตัวเองเอาไว้ แล้วผินหน้าหนีอย่างเย็นชา ไม่มองกู้เจียวกับกู้เฉิงเฟิง
แน่นอนว่าทั้งคู่ย่อมไม่มีทางไปอยู่แล้ว
ไหนๆ ก็มาแล้ว ต้องถามความจริงให้กระจ่างชัดให้ได้
กู้เจียวคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงด้านข้างเขา ก่อนวางตะกร้าสะพายใบเล็กลงกับพื้น แล้วหยิบถุงน้ำจากในนั้นให้เขา
“ข้าไม่ดื่ม” กู้ฉังชิงบอก
กู้เจียววางถุงน้ำลงบนเบาะฟางข้างเขา “เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงไปเยี่ยมกู้เหยี่ยนล่ะ ใครล่อเจ้าไป”
นางถามฉับๆ เข้าประเด็นจนกู้ฉังชิงชะงักไป
กู้เจียวเอ่ย “เจ้าไม่พูดก็ได้ ข้าจะไปสืบเอง”
กู้ฉังชิงใจกระตุก เอ่ย “เจ้าไม่ต้องไปสืบ และอย่าเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย”
กู้เจียวมองเขาพลางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็บอกข้ามา”
กู้ฉังชิงลังเลอยู่นาน ก่อนหลับตาลง แล้วเอ่ยอย่างช้าๆ “เฟยซวง”
“แค่ก!” กู้เฉิงเฟิงพลันสำลัก “ฟะฟะฟะ…เฟยซวงอย่างนั้นรึ”
กู้ฉังชิงเอ่ย “ถูกต้อง ข้าประมือกับเขา ข้าจำหน้ากากที่เขาสวมและอาวุธลับของเขาได้”
กู้เฉิงเฟิงแย้ง “ไม่มีทางเป็นเขาได้หรอก!”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่เขา” กู้ฉังชิงเอ่ยจบก็พลันนึกขึ้นได้ว่าแปลกๆ “เจ้ารู้จักเฟยซวงรึ”
กู้เจียวรู้น่ะไม่แปลก กู้เจียวเคยประมือกับเฟยซวง กู้ฉังชิงเป็นคนบอกนางเองว่าคนๆ นั้นคือเฟยซวง
แต่ท่านชายรองอย่างกู้เฉิงเฟิงที่ไม่อยู่สำนักบัณฑิตก็อยู่ที่จวนโหว จะไปรู้จักคนในยุทธภพได้อย่างไร
“ขะข้าเคยได้ยินนางพูดถึง!” กู้เฉิงเฟิงโบ้ยให้กู้เจียวทันที
เอ่ยมาถึงตรงนี้ กู้ฉังชิงจึงนึกขึ้นได้ว่าทั้งคู่มาด้วยกัน ตอนนั้นที่อยู่จวนโหวกู้เจียวก็ไปหากู้เฉิงเฟิงให้สอนหนังสือให้ แม้ว่าความจริงแล้วนั่นจะเป็นการรีดไถก็ตาม
แต่กู้ฉังชิงไม่รู้
น้องสาวชอบพี่รองของนางมากกว่าหรือ
กู้เฉิงเฟิง “พี่ใหญ่ เชื่อข้านะ ไม่ใช่เฟยซวงหรอก”
กู้ฉังชิง “เจ้าแน่ใจได้อย่างไร”
“…ก็นางอีกนั่นแหละ!” กู้เฉิงเฟิงโยนให้กู้เจียวต่อ “นางบอกว่าเมื่อคืนเจอเฟยซวง ระหว่างทางมานี่นางเล่าให้ข้าฟัง!”
กู้เจียว “…”
โยนให้ทุกครั้งแบบนี้ก็ได้รึ
กู้ฉังชิงขมวดคิ้วมองไปยังกู้เจียว “เฟยซวงไปหาเรื่องเจ้าอีกแล้วหรือ”
กู้เจียวเอ่ยโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “เปล่าหรอก แค่บังเอิญเจอ เขาเมาแล้ว เมาเละไม่เป็นท่า”
กู้เฉิงเฟิงมุมปากกระตุกยิกๆ
“เมื่อคืนคนที่ประมือกับข้าไม่มีกลิ่นสุราบนร่าง” กู้ฉังชิงพิจารณาอย่างละเอียด อันที่จริงกระบวนท่าของอีกฝ่ายไม่ค่อยเหมือนเท่าใดนัก ที่เขาตัดสินว่าเป็นเฟยซวงก็เพราะจากหน้ากากและอาวุธลับนั่นเท่านั้น
กู้เฉิงเฟิงถาม “ง้นที่พี่ใหญ่หนีออกจากคุกก็เพื่อไล่ฆ่าเฟยซวงน่ะหรือ”
กู้ฉังชิงส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก เขาบอกกับข้าว่ามีคนจะเอาชีวิตข้า หากเอาชีวิตข้าไม่ได้ก็จะไปเอาชีวิตอาเหยี่ยนแทน เพื่อระบายความแค้นของอีกฝ่าย”
กู้เฉิงเฟิงปวดใจขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าจะแหกคุกเพราะเป็นห่วงกู้เหยี่ยน กู้เหยี่ยนสำคัญเพียงนั้นเชียวหรือ ตอนนั้นใครเป็นคนบอกปาวๆ ว่าไม่รู้จักกู้เหยี่ยนกัน
แต่ดูตอนนี้สิว่าทำอะไรลงไป
เพื่อกู้เหยี่ยนก็ไม่สนแม้แต่ชีวิตแล้ว!
เขาไม่รู้หรือไรว่าแหกคุกออกไปแบบนี้จะมีจุดจบเช่นไร
หรือว่าเขามองไม่ออกว่านี่เป็นกับดักที่อีกฝ่ายจงใจวางไว้
ไม่สิ เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร
แต่เขาไม่อยากเดิมพันกับความเสี่ยงนั่นต่างหาก
กู้เฉิงเฟิงเหมือนมีไฟสุมทรวงที่แผดเผาอวัยวะภายในของเขาจนเจ็บปวดไปหมด
เขาหันหน้าหนี แล้ววิ่งออกไปทั้งดวงตาแดงก่ำแบบนั้น
“แม่นางกู้ มีคนมาแล้ว!” ทหารเอ่ยเตือน
กู้เจียวทิ้งถุงน้ำไว้ให้กู้ฉังชิง ส่วนตัวเองก็ออกจากห้องสำเร็จโทษเช่นกัน
กู้เฉิงเฟิงปาดน้ำตาพลางเดินไปข้างหน้าอย่างโมโห “ไม่ต้องสนใจข้า!”
กู้เจียว ข้าก็ไม่ได้คิดจะสนใจเจ้าเสียหน่อย