สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 306-3 ปีศาจคลั่งหลานชาย (3)
บทที่ 306 ปีศาจคลั่งหลานชาย (3)
กู้เจียวก็ไปที่โรงประลองเช่นกัน
ก่อนหน้านี้กู้เจียวพ่ายแพ้การต่อสู้ ได้ยินว่าหลังจากข่าวนี้ท่านเหล่าโหวก็เร่งรุดมาดูการประลองของกู้เจียวเลย
คู่ต่อสู้ของกู้เจียวยังคงเป็นนักดาบหนุ่มเมื่อคราก่อน อีกฝ่ายน่าจะอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี กำลังเป็นช่วงวัยรุ่งโรจน์กำยำแข็งแกร่งเลย หันกลับมาดูกู้เจียวที่ยังไม่โตเต็มวัย พละกำลังก็ด้อยกว่าอีกฝ่ายด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือกระบวนท่า
ในองค์กรนั้นกู้เจียวร่ำเรียนเพื่อให้มีความสามารถในการสังหารคน แต่ในโรงประลองยุทธ์จะฆ่าคนไม่ได้
ท่านเหล่าโหวดูอยู่ครึ่งรอบก็เห็นปัญหาทั้งหมดแล้ว
ชนะสองในสามครั้ง ซึ่งครั้งแรกกู้เจียวแพ้
ท่านเหล่าโหวเรียกกู้เจียวไปหาที่ลานด้านหลัง “น้องเสี่ยวกู้ เจ้าใช้กระบวนท่าเมื่อครู่ที่ใช้โจมตีเขามาโจมตีข้าอีกทีซิ”
ท่านเหล่าโหวเอ่ยจบก็เลียนแบบกระบวนท่าของนักดาบคนนั้นทันที แต่ละกระบวนท่าเหมือนกันไม่มีผิด
กู้เจียวร้องตื่นเต้นอยู่ในใจ
ตาเฒ่าเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวรึ แค่มองปราดเดียวก็ทำเป็นเลยรึ
กู้เจียวไปโจมตีท่านเหล่าโหว ผลสุดท้ายพ่ายแพ้อนาถเสียยิ่งกว่าตอนอยู่บนสังเวียนเสียอีก
ท่านเหล่าโหวเอ่ย “กระบวนท่าของเจ้ายุ่งเหยิงนัก เจอปัญหาอะไร ก็หาวิธีรับมือตามปัญหาที่เกิดขึ้นมันตรงนั้น เดี๋ยวใช้หมัด เดี๋ยวใช้ฝ่ามือ อาจารย์เจ้ามาจากไหนรึ”
กู้เจียวถือสมุดเล่มเล็กจดไม่หยุด “ไม่มีอาจารย์หรอก ตีมั่วซั่วเอาเอง”
ท่านเหล่าโหวมุมปากกระตุก
ตีมั่วซั่วยังตีได้ถึงขนาดนี้…
ท่านเหล่าโหวครุ่นคิด ก่อนจะสาธิตให้ดูพลางเอ่ย “หากเจ้าอยากใช้หมัด ต้องใช้กระบวนท่าพวกนี้ หากเจ้าอยากใช้ฝ่ามือ…”
กู้เจียวได้รับคำชี้แนะจากเขา หลังจากขึ้นสังเวียนแล้วก็ชนะติดกันสองครั้งเลย ก่อนจะคว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้มา
ท่านเหล่าโหวพออกพอใจไม่น้อย
พรสวรรค์ของด็กคนนี้สูงส่งยิ่งนัก เทียบกับกู้ฉังชิงแล้วไม่ด้อยไปกว่ากันเลย
กู้เจียวชนะการประลอง ก็ลูบหน้ากากเงยหน้าขึ้นมองท่านเหล่าโหว
ท่านเหล่าโหวเดินลงเรือนไป ก่อนจะเรียกนางให้ไปคลังอาวุธของโรงประลองแล้วเอ่ยกับนาง “เจ้าไม่เคยใช้อาวุธเลย อันที่จริงมันก็เสียเปรียบอยู่มาก แรกๆ ข้านึกว่าเจ้าไม่ชอบใช้อาวุธ”
ยามนี้เขารู้แล้ว นางใช้อาวุธไม่เป็นเลยต่างหาก
กู้เจียวคิดในใจว่า ข้ายิงปืนเป็นนะ เป่าหัวโป้งเดียวอะไรเทือกนั้นน่ะ!
ท่านเหล่าโหวมองไปยังอาวุธเต็มห้องแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเลือกมาสักอันสิ”
กู้เจียวไม่ค่อยสนใจพวกอาวุธเย็นเยียบเหล่านี้นัก
ท่านเหล่าโหวคิดว่านางเลือกไม่เป็น จึงพินิจมองอย่างละเอียดแล้วหยิบหอกพู่แดงมาด้ามหนึ่งแล้วเอ่ยกับนาง “ใช้อันนี้ก็แล้วกัน”
กู้เจียวพยักหน้า ไม่มีปัญหา
ท่านเหล่าโหวสาธิตกระบวนหอกให้นางชุดหนึ่ง
เขายังคงเก็บงำลมปราณเอาไว้ ทว่ากู้เจียวกลับยังสัมผัสได้ถึงพลังโค่นเขาถล่มทะเลได้อยู่ดี
นี่คือยอดฝีมือ ยอดฝีมือขนานแท้เลย!
“เจ้าลองดู” ท่านเหล่าโหวเก็บกระบวนท่า ก่อนจะโยนหอกพู่แดงให้กู้เจียว
กู้เจียวคว้ารับไว้
ชาติก่อนนางสัมผัสพวกอาวุธน้อยมาก นอกจากกริชแล้วก็มีแต่มีดผ่าตัด จู่ๆ จะเอาหอกพู่แดงให้นาง นางค่อนข้างมึนงง
กระบวนท่าแรกของนางทำผิด
หากเป็นทหารใต้บัญชาของกู้ฉังชิงหรือท่านเหล่าโหวละก็ ท่านเหล่าโหวคงสะบัดแส้ใส่ไปแล้ว
แต่เหมือนว่าท่านเหล่าโหวจะมีความอดทนต่อน้องกู้น้อยเป็นพิเศษ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เมื่อกู้เจียวทำผิดเป็นครั้งที่เจ็ด ท่านเหล่าโหวก็ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่แล้ว
กู้เจียวมองเขาอย่างน่าเอ็นดู แววตาไร้เดียงสายิ่งนัก
ท่านเหล่าโหว “…”
ชะชะช่างเถอะ ยังเด็กอยู่ ค่อยๆ สอนก็ได้
“ข้าจะสาธิตให้เจ้าดูเป็นครั้งสุดท้ายนะ เจ้าดูให้ดี หากทำผิดอีก ข้าจะไม่สอนเจ้าแล้ว”
เมื่อสาธิตเป็นครั้งที่สิบแปด…
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ แล้วนะ!”
ท่านโหวกู้จะบ้าตายอยู่รอมร่อแล้ว!
เด็กคนนี้มาทรมานเขากระมัง!
เหตุใดจึงเรียนหมัดเปล่าไร้อาวุธได้รวดเร็วเพียงนั้น พอเจอหอกพู่แดงไปด้ามเดียวกลับไปไม่เป็นแล้วเล่า!
เมื่อท่านเหล่าโหวแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่รอมร่อ ในที่สุดกู้เจียวก็กวาดวาดวิถีหอกทั้งกระบวนออกมาได้แบบพอถูไถ
ท่านเหล่าโหวอ่อนยวบลงกับพื้น รู้สึกว่าตัวเองแทบจะนอนราบไปกับพื้นแล้ว!
นี่ใครฝึกใครกันแน่น่ะ
เหตุใดเขาต้องสร้างปัญหาเพิ่มโดยการสอนวรยุทธเด็กคนนี้ด้วยล่ะ
ชีวิตเขาเกือบจะตายเพราะฝึกแล้ว!
“วะวันนี้พอเท่านี้ก่อน!”
แขนขาจะขาดสะบั้นแล้ว เอวแก่ๆ เคล็ดไปหมดแล้ว
กู้เจียวยังเล่นไม่พอ
นางลองจนติดใจเสียแล้ว
แต่เห็นสภาพใกล้จะล้มไปกองกับพื้นของเขาแล้ว จิตใจคุณธรรมของนางจึงตัดสินใจว่าอย่าไปกดขี่คนแก่เลยดีกว่า
นางหยิบสมุดเล่มเล็กออกมาขีดเขียนไม่หยุดแล้วเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าข้าค่อยฝึกอีก”
ขมับท่านเหล่าโหวเต้นตุบๆ !
คราวหน้าอย่างนั้นรึ
ยังจะมีคราหน้าอีกรึ
ท่านเหล่าโหวสีหน้าปฏิเสธ
กู้เจียวครุ่นคิด ก่อนยื่นปลายนิ้วน้อยๆ สีขาวดุขหยกไปจับแขนเสื้อเขาเบาๆ ดวงตาหงส์รื้นน้ำใต้หน้ากากมองเขาอย่างไร้เดียงสายิ่ง
ท่านเหล่าโหวส่งเสียงอืมออกมาไปอย่างคลุมเครือ
กู้เจียวโคลงศีรษะอย่างเบิกบาน
ท่านเหล่าโหวมองศีรษะน้อยๆ ที่โคลงไปมาตรงหน้าตัวเองแล้วอยากยื่นมือไปยีอย่างไม่เข้าใจ!
แน่นอนว่าเขาพยายามข่มเอาไว้อย่างยิ่ง
เพราะเขารู้สึกว่ายีหัวพี่น้องตัวเองมันไม่เหมาะ
ภาพนี้ถูกกู้เฉิงเฟิงที่ตามรอยกู้เจียวมาเห็นทั้งหมด
คนอื่นมองไม่ออกว่าเป็นกู้เจียว แต่เขารึจะมองไม่ออก
เขาเป็นคนแนะนำให้กู้เจียวมาที่โรงประลอง และเขาก็สมคบคิดกับกู้เจียวที่สวมหน้ากากมาไม่รู้กี่ครั้งกี่คราแล้ว!
จะว่าไปแล้ว…ปู่เขาก็ชอบแบบนี้นี่เองรึ
ท่านปู่ใจร้อนเจ้าอารมณ์ เขาคิดว่าเด็กคนนี้คงโดนต่อยเป็นกองปุ๋ยไปแล้วเสียอีก!
ที่กู้เฉิงเฟิงตามรอยกู้เจียวมาเพราะเขาสืบจนได้ข่าวที่เกี่ยวกับเรือนนางฟ้าเริงรื่นแล้ว เขากะว่าจะขายข่าวให้กับเด็กคนนี้เสียหน่อย ราคาไม่แรงหรอก คนกันเอง พันตำลึงเท่านั้น!
แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนี้เล่นกับท่านปู่อยู่เสียนาน วันนี้คงไม่ได้คุยแล้วล่ะ
ช่างเถอะ วันหลังค่อยไปหานางก็แล้วกัน
กู้เฉิงเฟิงกลับไปที่จวนโหว
เพียงไม่นาน ท่านเหล่าโหวก็กลับมา
เขาเหนื่อยล้ายิ่งนัก
สอนกู้ฉังชิงไม่เห็นจะเหนื่อยเท่านี้เลย นั่นเพราะต่อยกู้ฉังชิงได้ตลอดเวลา แต่เด็กคนนั้น…ขะเขาลงมือไม่ค่อยจะได้
ผลสุดท้ายข่มอารมณ์ไว้จนบาดเจ็บภายในเสียแล้ว
“ท่านปู่!”
จู่ๆ กู้เฉิงเฟิงก็เดินออกมาจากระเบียงด้านหลัง
ท่านเหล่าโหวตกใจยกใหญ่ เมื่อเห็นชัดว่าเป็นกู้เฉิงเฟิงแล้ว แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้วเอ่ยขึ้น “ดึกดื่นไม่หลับไม่นอนมาหลบๆ ซ่อนๆ ทำอะไรอยู่ตรงนี้”
หลังจากที่กู้เฉิงเฟิงเห็นอีกด้านของปู่แล้วก็เหมือนว่าจะไม่ได้กลัวปู่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เขาแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ดึกดื่นแล้วท่านปู่ยังไม่กลับเสียที ข้าเป็นห่วงท่านปู่ จึงได้มารออยู่ตรงนี้”
ท่านโหวกู้มองกู้เฉิงเฟิงอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
กู้เฉิงเฟิงรีบแย้มยิ้มจางๆ ทันที “ท่านปู่ ให้ข้ายืมขี่เนี่ยเฟิ่งสักสองวันได้หรือไม่”
เนี่ยเฟิ่งเป็นพาหนะของท่านเหล่าโหว เทียบกับม้าของกู้ฉังชิงแล้วน่าเกรงขามกว่ามาก กู้เฉิงเฟิงเล็งมันมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ขี่สักครั้ง
ท่านเหล่าโหวรักม้าเท่าชีวิต
ขี่ม้าก็เหมือนขี่เขา
ท่านเหล่าโหวไม่สนใจกู้เฉิงเฟิง สาวเท้าเร็วๆ ราวกับดาวตกเดินไปทางเรือน
กู้เฉิงเฟิงจึงเอาเคล็ดลับท่าไม้ตายที่เรียนมาจากกู้เจียวออกมา เขายื่นนิ้วออกไปสองนิ้ว จับแขนเสื้อท่านเหล่าโหวเอาไว้เบาๆ
ท่านเหล่าโหวหันกลับมามอง
เขามองท่านเหล่าโหวแล้วเริ่มปั้นหน้าบ๊องแบ๊วอย่างไร้ยางอาย
ท่านเหล่าโหวตบบ้องหูฉาดใหญ่ทันที!
กู้เฉิงเฟิงถูกตบจนกระเด็นลอยไปชนเสาต้นหนึ่ง ติดเสาอยู่เนิ่นนานจึงได้ไถลลื่นลงกับพื้น
กู้เฉิงเฟิง “…”
ทำตรงไหนผิดไปกันนะ
เหตุใดคนที่เจ็บตัวต้องเป็นเขาตลอดเลยด้วย
การกระทำเหมือนกันแท้ๆ กู้เจียวทำแล้วแสนน่ารัก
กู้เฉิงเฟิงทำแล้วท่านเหล่าโหวกลับรู้สึกว่าเขาตุ้งติ้ง!
ท่านเหล่าโหวขนพองสยองเกล้าขึ้นมาทันที!
ยังไม่ทันตั้งตัว มือก็ยื่นออกไปแล้ว
กู้เฉิงเฟิงถูกตบบ้องหูจนไม่ยืนไม่มั่น อเนจอนาถเสียจนต้องให้คนรับใช้หามกลับไป
ทว่าทางกู้เจียวหลังจากออกจากโรงประลองแล้ว นางเห็นว่าดึกดื่นแล้วจึงกะว่าจะตรงกลับบ้านเลย
นางใช้ทางลัดจึงค่อนข้างเปลี่ยวสักหน่อย เมื่อนางเดินผ่านถนนที่เงียบงันไร้ผู้คนสายหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงขวานทอง จากนั้นก็เป็นเสียงร้องคุ้นหูดังขึ้น “ไอ้หมาบ้า! แม้แต่ทางของข้าเจ้าก็ยังกล้ามาขวางรึ”
เสียงเว่ยกงกง!
กู้เจียวดวงตาเย็นเยียบ เบี่ยงฝีเท้ากระโดดขึ้นไปบนหลังคา แล้วทะยานจากหลังคาไปถนนอีกเส้นทันที
ระยะห่างค่อนข้างไกล กู้เจียวเร่งความเร็ว แต่เมื่อนางมาถึงที่เกิดเหตุเว่ยกงกงกลับนอนจมกองเลือดไปแล้ว
“เว่ยกงกง!” กู้เจียวเดินไปหา หยิบผ้าและยาห้ามเลือดออกมาจากอ้อมอกห้ามเลือดให้เขา
เว่ยกงกงกลับใช้มือนองเลือดจับข้อมือนางแน่น “มะ…ไม่ต้องสนใจข้า…รีบไปช่วย…ฝ่าบาท…”
กู้เจียวใช้ผ้าพันบาดแผลบริเวณท้องให้เขาแน่น “เจ้ารอข้าก่อนนะ!”
กู้เจียววิ่งตามไปทางที่เว่ยกงกงชี้ ฮ่องเต้กำลังโดนล้อมไว้
ฮ่องเต้ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน องครักษ์คนสุดท้ายคุ้มกันเขาให้หลบหนีถูกคนใช้กระบี่แทงทะลุดวงใจไปแล้ว
เห็นว่าชายชุดดำคนหนึ่งจะตัดหัวเขา ทันใดนั้นหอกพู่แดงก็พุ่งออกมาพร้อมกับเสียงแหวกอากาศ แทงทะลุสะบักของอีกฝ่ายไปปักอยู่บนกำแพงพร้อมกับตัวอีกฝ่าย
หากบอกว่าที่โรงประลองกู้เจียวแค่เล่นๆ ถ้าอย่างนั้นยามนี้นางก็กำลังสัมผัสได้ถึงพละกำลังของหอกพู่แดงอย่างแท้จริงแล้ว
เลือดสดๆ อาบย้อมเต็มหน้าฮ่องเต้
ฮ่องเต้ฟุบอยู่บนพื้น ทั่วทั้งร่างนิ่งงันไป
กู้เจียวคว้าตัวฮ่องเต้ไว้ “วิ่ง!”
เมื่อชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งเร่งตามมาถึง ภายในตรอกก็ไร้เงาฮ่องเต้แล้ว
กู้เจียวพาฮ่องเต้ไปซ่อนในคอกวัวก่อน จากนั้นก็หันไปหาเว่ยกงกง จนใจที่นางหาเขาไม่เจอ
ฮ่องเต้บาดเจ็บ
หากอีกฝ่ายตามหาคงต้องไปหาที่โรงหมอก่อนแน่
ความคิดนานแล่นฉับไว พาฮ่องเต้กลับไปที่ตรอกปี้สุ่ยแทน
ไปบ้านท่านปู่คงไม่ได้ ไปที่ห้องเซียวลิ่วหลังก็ไม่ได้เช่นกัน ยามนี้เสี่ยวจิ้งคงหลับไปแล้ว
หลังจากคิดใคร่ครวญแล้ว ที่บ้านมีห้องว่างเหลือเพียงห้องเดียว
กู้เจียวจึงพาฮ่องเต้ไปที่ห้องของท่านย่า
“เกิดอะไรขึ้นรึเจียวเจียว” แม่นางเหยาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงเดินออกมา
กู้เจียววางฮ่องเต้ลงบนเตียง แล้วเอ่ยกับแม่นางเหยาว่า “ไม่มีอะไรหรอก คนป่วยน่ะ”
“ให้ช่วยหรือไม่” แม่นางเหยาถาม
“ต้มน้ำร้อนมาที” กู้เจียวบอก
“ได้” แม่นางเหยาไปห้องครัว
“ฮูหยิน ฮูหยิน ข้าทำเองเจ้าค่ะ!” อวี้หยาเอ๋อร์วางเสื้อผ้าที่ซักไปได้ครึ่งหนึ่งลง ก่อนเอ่ยกับแม่นางเหยา “ท่านไปพักที่ห้องเถอะ ข้าต้มน้ำเอง!”
แม่นางเหยาพยักหน้า นางมองไปทางห้องนั้นอย่างเป็นห่วง
แต่กู้เจียวกลับปิดประตูไปแล้ว
ฮ่องเต้โดนแทงได้น่าหวาดเสียวนัก แผลอยู่เหนือต้นขา อีกนิดเดียวนั่นได้ขาดแน่!
กู้เจียวจุดเทียนในห้องทั้งหมด ไข่มุกราตรีที่ท่านย่าให้กู้เหยี่ยนมาก็เอามาใช้ด้วย นางเปิดกล่องยาใบเล็กออก เริ่มตัดตอน เอ๊ย ผ่าตัดให้ฮ่องเต้!