สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 314 เจียวเจียวอันธพาล (1)
บทที่ 314 เจียวเจียวอันธพาล (1)
มือสังหารคลุมหน้าคนหนึ่งชักดาบออกมา ทว่าทันทีที่เข้าใกล้รถม้าก็ถูกลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมาปัก
เขาชนเข้ากับต้นไม้เข้าอย่างจัง ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างอเนจอนาถ หัวสมองมึนงงแล้วหมดสติไป
คนขับรถถูกธนูยิงเข้า ล้มลงไปตั้งแต่แรกแล้ว
ม้าตื่นตกใจจึงวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่สนใจทิศทาง
นี่เป็นเส้นทางที่วิ่งขึ้นเขา หากวิ่งไปเรื่อยๆ จะเจอกับหน้าผา
“คุ้มกันอ๋องเฟย!”
องครักษ์ที่ติดตามร้องขึ้นเสียงดัง
จนใจที่พวกเขาถูกมือสังหารกลุ่มหนึ่งที่ลอยลงมาจากฟ้าขวางเอาไว้ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด
“นั่งดีๆ นะ!” กู้เจียวปล่อยรุ่ยอ๋องเฟย แล้ววางมือนางไว้กับที่พักแขนของเบาะรถ “จับให้แน่น!”
“อื้อ!” รุ่ยอ๋องเฟยพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด ใจนางกระดอนขึ้นมาจนถึงคอหอยแล้ว ทว่าเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้นางจะไม่พลั้งพลาดเพิ่มปัญหาให้กู้เจียว
นางจับที่เท้าแขนไว้แน่น
กู้เจียวเลิกม่านขึ้นก่อนจะเดินออกไปนั่งอยู่บนตำแหน่งนอกรถ สองมือจับบังเหียนไว้
ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดเรื่องกระโดดออกจากรถ แต่หากทำแบบนั้นเด็กในท้องรุ่ยอ๋องเฟยอาจจะแท้งได้ นางจึงจำต้องคิดหาวิธีให้รถม้าหยุด
ยามนี้ใกล้หน้าผาเข้าไปทุกทีแล้ว
ม้าวิ่งทะยานไปเบื้องหน้าราวกับเสียสติไปแล้ว
กู้เจียวทะยานตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าหนึ่งในนั้น สองขาหนีบท้องม้าไว้ ดึงบังเหียนแน่น ม้าถูกดึงไว้จนขาหน้ายกจนร่างทั้งร่างตั้งตรงหมายจะดีดกู้เจียวให้ตก
ทว่ากู้เจียวโอบมันเอาไว้แน่น พละกำลังในมือไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายม้าก็ถูกปราบลง หลังจากส่งเสียงร้องก็หอบออกมาไม่หยุด แต่ยามนี้รถม้ากลับเคลื่อนออกไปเพราะแรงเฉื่อย ล้อชนเข้ากับก้อนหินจนแตก ครึ่งหนึ่งของห้องโดยสารรถห้อยอยู่บนหน้าผา
เอี๊ยดอ๊าด
ห้องโดยสารที่อยู่ริมหน้าผาโงนเงนไปมา
“กรี๊ดดด” ดวงหน้างามของรุ่ยอ๋องเฟยซีดเผือด นางนั่งอยู่ในห้องโดยสารครึ่งนั้นที่ยื่นออกนอกหน้าผา หากไม่ระวังแม้เพียงนิดเดียวก็จะตกลงไปทั้งคนทั้งรถจนร่างแหลกแน่
“อยู่นิ่งๆ!”
กู้เจียวบอก
รุ่ยอ๋องเฟยสั่นเทาด้วยความกลัว ทว่าได้ยินถ้อยคำกู้เจียวแล้วก็ยังพยายามทำให้ตัวเองไม่สั่น
กู้เจียวเดินไปหารุ่ยอ๋องเฟยอย่างระมัดระวัง นางค่อยๆ เลิกม่านขึ้น ก่อนยื่นมือไปหารุ่ยอ๋องเฟยที่มีสีหน้าหวาดกลัว “อย่ากลัว ส่งมือมาให้ข้า”
รุ่ยอ๋องเฟยยื่นมือไปให้อย่างสั่นๆ แต่นางเพิ่งจะขยับห้องโดยสารรถก็สั่นโคลงอย่างแรง นางตกใจจนชักมือกลับ
แววตานางเต็มไปด้วยความหวาดผวาและน้ำตา “ข้า…ข้าไม่กล้า…”
กู้เจียวปลอบ “ไม่เป็นไร ข้าเหยียบห้องโดยสารรถไว้แล้ว เจ้าค่อยๆ เดินมา”
รุ่ยอ๋องเฟยมองเท้ากู้เจียว เห็นนางเหยียบบนพื้นห้องโดยสารรถอยู่ข้างหนึ่งจริงๆ นางจึงกัดฟันเรียกกำลังใจค่อยๆ ขยับไปหากู้เจียว
ทุกๆ การขยับเพียงเล็กน้อยของนางสามารถสัมผัสได้เลยว่าห้องโดยสารเคลื่อนลงไปทีละนิด
“ขะ…ข้ากลัว…”
น้ำตานางหลั่งไหลลงมา
กู้เจียวเอ่ยเสียงเบา “อย่ากลัว ข้าจับเจ้าไว้อยู่”
รุ่ยอ๋องเฟยมองแววตาหนักแน่นของกู้เจียวแล้วเกิดความกล้าขึ้นมาในใจ นางเรียกกำลังใจ เดินไปหากู้เจียวก้าวหนึ่ง
ทว่าในขณะที่กู้เจียวคว้าปลายนิ้วของนางไว้นั้น ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศมา เฉียดแขนเสื้อกู้เจียวไป
ซี๊ดดด กู้เจียวสูดหายใจลึก ฝ่ามือพลันลื่น ปลายนิ้วของรุ่ยอ๋องเฟยจึงลื่นออกไป
รุ่ยอ๋องเฟยล้มกลับไปอยู่ฝั่งเดิมของห้องโดยสาร ทั้งห้องโดยสารพลันตกลงไปกว่าครึ่ง!
กู้เจียวจับแอกรถไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างชักกริชออกมาอย่างแรง ก่อนจะปักแน่นลงไปที่ก้อนหินบนเนินเขา
รุ่ยอ๋องเฟยรู้สึกว่ากว่าครึ่งของห้องโดยสารแขวนอยู่กลางอากาศ
นางมองกู้เจียวดึงห้องโดยสารเอาไว้สุดชีวิต เหมือนร่างกายจะฉีกขาดอยู่รอมร่อ น้ำตานางพลันร่วงออกจากขอบตา “แม่นางกู้…ปล่อยมือเถอะ…เดี๋ยวเจ้าก็จะตกลงไปด้วยนะ…”
กู้เจียวไม่ได้ปล่อยมือ “เจ้าเดินมา…จับมือข้าไว้…จับไว้ให้แน่น…”
ฟุ่บ
ธนูอีกดอกยิงมาปักลงบนห้องโดยสารรถ การโจมตีมหาศาลทำเอากู้เจียวกดดันไม่น้อย
ทว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่อันตรายที่สุด ที่อันตรายที่สุดก็คือลูกธนูมีมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ธนูหลายดอกปักลงข้างกายกู้เจียว ไม่รู้ว่าดอกไหนจะปักลงบนร่างนาง
“แม่นางกู้…”
“ไม่มีเวลาแล้ว เร็วเข้า!”
ฟุ่บ
ธนูอีกดอกทะยานมายิงตัดผมดำขลับปอยหนึ่งของกู้เจียว
รุ่ยอ๋องเฟยกัดฟันทั้งน้ำตา ใช้เรี่ยวแรงและความกล้าทั้งหมดโผไปหากู้เจียว
นางกอดแขนกู้เจียวไว้
แทบจะในขณะเดียวกัน กู้เจียวก็ปล่อยแอกรถ เปลี่ยนมาคว้าข้อมือข้างหนึ่งของนางแทน
เมื่อไร้แรงดึงจากกู้เจียว ห้องโดยสารรถก็ตกลงไปในหน้าผาอย่างรวดเร็ว รุ่ยอ๋องเฟยกรีดร้องพร้อมกับหลับตา
นางไม่ได้ตกลงไป กู้เจียวคว้าตัวนางเอาไว้แล้ว
ในระหว่างที่กู้เจียวกำลังจะดึงนางขึ้นมานั้นเอง มือสังหารหลายคนก็ไล่ล่ากู้เจียว
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น กระบี่ยาวด้ามหนึ่งก็แหวกอากาศมาแทงเข้าดวงใจของมือสังหารหนึ่งในนั้น
พวกมือสังหารสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่ยังไม่ทันได้รับมือกับศัตรู ก็พากันพุ่งไปหากู้เจียวต่อ
เจ้าของกระบี่ยาวทะยานร่างขึ้นไปขวางตรงหน้ากู้เจียว
ทั้งสองฝ่ายเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด กู้เจียวรีบดึงรุ่ยอ๋องเฟยขึ้นมา
รุ่ยอ๋องเฟยตกใจจนใจหายใจคว่ำไปหมดแล้ว หลังจากขึ้นมาร่างกายจึงอ่อนยวบอยู่ในอ้อมอกกู้เจียว ทอดมองคนผู้นั้นพร้อมกับเรียกว่าหนิงอ๋อง เบื้องหน้าพลันมืดมิดแล้วสลบไป
ที่แท้ก็เป็นหนิงอ๋องนี่เอง
กู้เจียวอุ้มรุ่ยอ๋องเฟยขึ้นมา ก่อนหันกลับไปมองอีกฝ่าย
ขณะนี้มือสังหารสามคนถูกหนิงอ๋องฆ่าไปแล้ว คนหนึ่งเห็นท่าไม่ดีจึงทะยานตัวเหาะหนี
หนิงอ๋องออกคำสั่งว่า “ไปจับไว้! จับเป็นเท่านั้น!”
องครักษ์จวนหนิงอ๋องที่อยู่ไม่ไกลไล่ตามไปทางที่มือสังหารหลบหนี
หนิงอ๋องใช้ผ้าเช็ดคราบเลือดบนกระบี่ แล้วเสียบกระบี่ยาวเข้าฝักตามเดิม ก่อนจะเดินมาตรงหน้ากู้เจียวกับรุ่ยอ๋องเฟยแล้วเอ่ย “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง”
กู้เจียวเหลือบตาขึ้นมองเขา
หนิงอ๋องในชุดคลุมยาวผ้าไหมสีดำอมฟ้า มีดิ้นผ้าไหมของวังหลวงคาดเอว รูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง หน้าตาคมเข้ม ท่าทางอาจหาญ หน้าตาคล้ายจวงกุ้ยเฟยอยู่สามส่วน อีกห้าส่วนเหมือนฮ่องเต้
เขาเป็นองค์ชายที่เหมือนฮ่องเต้ที่สุดที่กู้เจียวเคยเจอมา ไม่เพียงแต่หน้าตาจะเหมือนเท่านั้น สีหน้าท่าทางก็มีเค้าฮ่องเต้อยู่ไม่น้อย
ปีนี้หนิงอ๋องอายุยี่สิบหก อายุมากกว่าไท่จื่อสามปี มีทั้งกล้าบ้าบิ่นของบุรุษวัยยี่สิบและมีความสงบของหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ
กู้เจียวดึงสายตากลับ ก่อนจะจับชีพจรให้รุ่ยอ๋องเฟย
รุ่ยอ๋องเฟยสัญญาณชีพปกติดี เพียงแค่กระหืดกระหอบผนวกกับเสียขวัญจึงสลบไป กู้เจียวเอ่ย “ไม่เป็นอะไรมาก อีกเดี๋ยวฟื้นมาก็หายแล้ว”
หนิงอ๋องพรูลมหายใจโล่งอกออกมา
หนิงอ๋องไม่ได้ถามถึงตัวตนของกู้เจียว แต่ในแววตาเขาไม่ได้มองนางเป็นคนแปลกหน้าอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้จักนาง
กู้เจียวมองเขาอย่างแปลกใจ
นางจำไม่ได้ว่าพวกนางเคยพบกันไม่ก่อนนะ
หนิงอ๋องแย้มยิ้มเอ่ย “ตอนเกิดเรื่องขึ้นที่ศาลาว่าการกรมโยธา ข้าไปที่เกิดเหตุมา เห็นแม่นางกำลังช่วยคนเจ็บอยู่”
กู้เจียวส่งเสียงอ๋อออกมา
อุบัติเหตุตอนนั้นร้ายแรงมาก นางเอาแต่สนใจผู้บาดเจ็บ ไม่ได้มาสนใจคนที่ปกติดี
หนิงอ๋องเอ่ย “ทำแม่นางตกใจเสียแล้ว แม่นางกับรุ่ยอ๋องเฟยจะไปไหนกันรึ ข้าจะให้คนไปส่งพวกเจ้า”
องครักษ์ของจวนรุ่ยอ๋องถูกมือสังหารฆ่าตายหมดแล้ว รถม้าก็ไม่มีแล้วด้วย
กู้เจียวเอ่ย “พวกเราเพิ่งมาจากสำนักชี กำลังจะกลับกัน”
หนิงอ๋องชะงักก่อนเอ่ยถาม “แม่นางไปเยี่ยมไท่เฟยเป็นเพื่อนรุ่ยอ๋องเฟยมาหรือ”
กู้เจียวพยักหน้า
หนิงอ๋องขมวดคิ้ว รีบสั่งองครักษ์ “พวกเจ้ารีบไปสำนักชี ดูว่าไท่เฟยเป็นอะไรหรือไม่!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
พวกองครักษ์ขานรับ แล้วรีบไปสำนักชีทันที
หนิงอ๋องเอ่ยกับกู้เจียว “ข้าจะให้คนไปส่งพวกเจ้ากลับ”
กู้เจียวรีบเรียกเขาไว้ “เหตุใดหนิงอ๋องจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
หนิงอ๋องถูกสายตาคมของนางมองใจพลันเย็นยะเยือก “เจ้าสงสัยข้ารึ”
กู้เจียวเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ทันเวลาเกินไป”
หนิงอ๋องหัวเราะออกมาอย่างจนใจ “แม่นาง หากข้ามาช้าอีกนิด พวกเจ้าสองคนได้ตายแน่ หากข้าอยากทำร้ายพวกเจ้า ไม่โผล่ออกมาก็ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น…”
เขามองรุ่ยอ๋องเฟยที่สลบอยู่ในอ้อมอกกู้เจียว “นางเป็นชายาของเจ้าสาม”
ใครไม่รู้บ้างว่ารุ่ยอ๋องเป็นคนสายหนิงอ๋อง หนิงอ๋องลงมือกับชายาเขาคงจะบ้าไปแล้วกระมัง
หนิงอ๋องเอ่ย “เสด็จพ่อเป็นห่วงไท่เฟย จึงให้ข้าไปสำนักชีให้หน่อย”
นี่คือความจริง เขาได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้จริงๆ จึงได้ไปเยี่ยมจิ้งไท่เฟยที่สำนักชี
จิ้งไท่เฟยเป็นมารดาเลี้ยงของฮ่องเต้ ข่าวที่ฮ่องเต้โดนลอบสังหารแพร่ออกไป นางต้องเป็นห่วงมากแน่
จุดนี้ไม่เพียงรุ่ยอ๋องและชายาจะคาดคิดถึงเท่านั้น ฮ่องเต้เห็นไทเฮาป่วยหนักก็พลันนึกถึงจิ้งไท่เฟยที่สำนักชีขึ้นมาเช่นกัน จึงได้ให้หนิงอ๋องเดินทางมาแทนพระองค์
กู้เจียวส่งเสียงอ้อออกมา เรื่องนี้ตรวจสอบง่ายมาก หนิงอ๋องคงไม่มีทางโกหก
ดังนั้นมือสังหารจึงไม่เกี่ยวข้องกับหนิงอ๋อง
แล้วแบบนี้จะเป็นใครล่ะ
อีกฝ่ายเหมือนจะพุ่งไปทางรุ่ยอ๋องเฟย แต่ก็จะตัดข้อสงสัยที่มาฆ่านางไม่ได้เช่นกัน
หนิงอ๋องเอารถม้าให้กู้เจียวกับรุ่ยอ๋องเฟย ส่วนตัวเองขี่ม้าไปยังสำนักชี
กู้เจียวส่งรุ่ยอ๋องเฟยกลับจวนรุ่ยอ๋อง