สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 316 รุมรักเจียวเจียว (1)
บทที่ 316 รุมรักเจียวเจียว (1)
ตอนกลางคืนเซียวลิ่วหลังนอนหลับไม่สนิท วันรุ่งขึ้นจึงตื่นสายกว่าเดิมหนึ่งเค่อ
เพียงแค่หนึ่งเค่อเท่านั้นก็ถูกฟ้องว่ากู้เจียวออกจากบ้านไปแล้ว
กู้เจียวไปเยี่ยมท่านย่า
เหมือนกับฮ่องเต้ที่เห็นจวงไทเฮาประชวรก็นึกถึงจิ้งไท่เฟยขึ้นมาว่าจะร่างกายแข็งแรงดีหรือไม่ กู้เจียวเห็นจิ้งไท่เฟยประชวรก็นึกถึงท่านย่าที่เฝ้าฮ่องเต้อยู่ทั้งคืนขึ้นมา ท่านย่าอายุมากแล้ว ไม่หลับไม่นอนทั้งคืนเป็นการทำร้ายร่างกายขนาดหนัก
ในตัวกู้เจียวไม่ได้มีเพียงป้ายหยกของจวงไทเฮาเท่านั้น ยังมีป้ายหยกที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ด้วย นางคว้าป้ายออกมา ทำเอาองครักษ์นอกประตูวังตกตะลึงยกใหญ่
ไม่สิ
คราก่อนๆ เจ้าถือแค่ป้ายของตำหนักเหรินโซ่วมิใช่หรือไร
เหตุใดวันนี้จึงเปลี่ยนเป็นคนของตำหนักชิงหวาไปแล้วเล่า
“ไม่ถูกหรือ” กู้เจียวพลิกๆ ดู แล้วหยิบอีกแผ่นออกมาแทน
องครักษ์รับมาดูแล้วแทบจะเป็นลมไป
นี่มันป้ายของฮ่องเต้พระองค์ก่อน!
เอ่อ เหมือนว่าแผ่นนั้นท่านปู่จะเป็นคนให้นางมานะ
กู้เจียวล้วงกระเป๋าอีกหน เหมือนจะยังมีอีกนะ
องครักษ์หน้าซีด เจ้าหยุดค้นได้แล้ว! เดี๋ยวเจ้าได้ล้วงเอาอะไรออกมาอีก! เจ้ารีบเข้าไปเลย! รีบเข้าไป!
องครักษ์คืนป้ายให้กู้เจียว
กู้เจียวไปตำหนักเหรินโซ่ว
ฉินกงกงเห็นนางมาหา หลังจากตกใจแล้วก็โล่งอกขึ้นมาทันที “ไอ้หยา แม่นางกู้ในที่สุดท่านก็มาเสียที หากยังไม่มาอีกบ่าวก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นรึ ท่านย่าป่วยหรือ” กู้เจียวมองสีหน้ากังวลของฉินกงกงก่อนถาม
ฉินกงกงถอนใจพลางพยักหน้า “ป่วยมาหลายวันแล้ว ไม่ยอมให้บอกภายนอกและไม่ยอมให้บ่าวไปเชิญแม่นางกู้มาด้วย ไทเฮาบอกว่าแค่ป่วยนิดหน่อย พักรักษาตัวสักพักก็หายแล้ว”
อายุอานามเท่านี้แล้วต่อให้ป่วยเบาๆ ก็ทรมานและอันตรายอยู่ดี
กู้เจียวรีบไปห้องนอนท่านย่าทันที
จวงไทเฮาแค่เหนื่อยล้าเกินไปจึงติดไข้มา ทว่าเป็นอย่างที่กู้เจียวบอกเลย อายุอานามเท่านี้แล้วจะป่วยหรือไม่ป่วยก็ถึงชีวิตได้ตลอดเวลา
จวงไทเฮานอนอยู่บนเตียงหงส์อย่างห่อเหี่ยว ตลอดทั้งคืนมานี้ราวกับโดนสูบพลังชีวิตไปกว่าครึ่ง
“ท่านย่า!” กู้เจียวเดินมาหา วางกล่องในมือลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งลงข้างเตียงแล้วเริ่มจับชีพจรของท่านย่า
จวงไทเฮามองกู้เจียวอย่างอ่อนแรง แล้วมองฉินกงกงที่ยืนอยู่ด้านหลังกู้เจียว ก่อนกลอกตาพลางเอ่ย “ใครให้เจ้าเรียกนางมา”
ฉินกงกงยิ้มแหย
กู้เจียวดึงผ้าห่มท่านย่าขึ้นมาพลางเอ่ย “ฉินกงกงไม่ได้เป็นคนเรียกมา ข้ามาเองต่างหาก”
จวงไทเฮา “เหอะ!”
“เมื่อเช้าดื่มยาหรือยัง” กู้เจียวถาม
ฉินกงกงเอ่ย “ยังเลย หมอหลวงสั่งให้กินหลังข้าว แต่ไทเฮานาง…”
จวงไทเฮามองฉินกงกงอย่างเย็นเยียบ “เบื่ออายุยืนแล้วใช่หรือไม่”
กล้าฟ้องเรื่องนางแล้ว!
ฉินกงกงหดคออย่างหวาดกลัว
กู้เจียวเอ่ยขึ้น “ข้าเอาของกินมาด้วยนะ”
“ใช่ ใช่ ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” ฉินกงกงรีบเดินไปข้างโต๊ะ แล้วเปิดกล่องอาหารที่กู้เจียวเอามาด้วย กลิ่นต้นหอมซอยอันคุ้นเคยลอยออกมา
ข้าวต้มไข่สับ ขนมข้าวเหนียวน้ำตาลแดง ขนมถั่วกวนและผลไม้แห้งที่ทำเอง
ขนมถั่วกวนแม่นางเหยาเป็นคนทำ ที่เหลืออีกสามอย่างจี้จิ่วอาวุโสเป็นคนทำหมดเลย และใส่น้ำตาลแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
จวงไทเฮาเดิมทีไม่อยากอาหาร แต่ลองชิมไปคำหนึ่งก็ชักจะหยุดไม่ได้
กู้เจียวไม่ได้ให้นางกินเยอะเกินไป ไม่กี่คำก็ให้ฉินกงกงยกออกไป
จวงไทเฮาเดาะลิ้นอย่างคับแค้นใจ “ข้าป่วยอยู่นะ ยังไม่ให้ข้ากินอิ่มอีก!”
กู้เจียวเอ่ย “ยังต้องเหลือท้องไว้กินยาอีกนะ”
นางไม่อยากกินยา นางจะกินให้อิ่ม!
ผ่านไปราวๆ สองเค่อ กู้เจียวจึงให้คนยกยาต้มมาให้ กู้เจียวลองชิมดูก่อน เป็นยาถูกโรค ฤทธิ์ยาอ่อนโยน
จวงไทเฮาสีหน้าปฏิเสธ
กู้เจียวหยิบผลไม้เคลือบน้ำตาลออกมาสามลูก
“เดิมทีก็กินได้แค่สามลูกอยู่แล้ว…” จวงไทเฮาเบ้ปาก
กู้เจียวจึงเอ่ยขึ้น “สามลูกนี้เพิ่มให้ หาก…”
ยังไม่ทันเอ่ยจบจวงไทเฮาก็ยกถ้วยยาขึ้นกรอกคออึกๆ จนหมดทันที จากนั้นก็หยิบผลไม้เคลือบน้ำตาลสามลูกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังปากอ้าตาค้าง
เมื่อคืนฝนตกอยู่พักหนึ่ง พอคลายร้อนลงได้บ้าง วันนี้อากาศจึงแจ่มใสเหมาะแก่การออกไปเดินเลยมาก
“ท่านย่า ข้าไปเดินเล่นที่สวนหลวงเป็นเพื่อนดีกว่า” กู้เจียวเอ่ยกับจวงไทเฮา
จวงไทเฮาคร้านจะขยับตัว
กู้เจียว “พรุ่งนี้ก็จะมาเยี่ยมอีกนะ”
จวงไทเฮา ได้
คนทั้งกลุ่มเดินไปสวนหลวงกัน
กู้เจียวชอบนั่งบนเกี้ยวหงส์ของจวงไทเฮามาก แต่จวงไทเฮาไม่ชอบอุดอู้จึงไม่อยากนั่ง พวกนางกำนัลขันทีจึงเกิดเป็นภาพแปลกๆ ขึ้น จวงไทเฮาจับแขนฉินกงกงพยุงตัวเดินนำหน้าอย่างช้าๆ กู้เจียวนั่งบนเกี้ยวหงส์ของจวงไทเฮาสีหน้าเพลิดเพลินตามมาข้างหลัง ซ้ำศีรษะน้อยๆ ยังโคลงไปโคลงมาอีกด้วย
คนในวัง “…”
คนทั้งขบวนมาถึงสวนหลวง
สวนหลวงมีศาลารับลมและเป็นร่มเงาบริเวณใหญ่เลย
จวงไทเฮากับกู้เจียวมองไปยังร่มไม้นั้นกันโดยพร้อมเพรียง ฉินกงกงเข้าใจในทันใด รีบให้คนไปยกโต๊ะเก้าอี้มา หลังจากที่จวงไทเฮากับกู้เจียวนั่งลง ฉินกงกงก็วางน้ำชาและขนมผลไม้สดใหม่ลงบนโต๊ะ
ขนมน่ะให้กู้เจียว
กู้เจียวกำลังอยู่ในวัยกำลังเติบโตจึงกินเก่งนัก
กู้เจียวหยิบขนมกุ้ยฮวามาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะกินอย่างตั้งใจ
กินไปกินมาก็เหงื่อออก จวงไทเฮาส่งสายตาให้นางกำนัล นางกำนัลรีบหยิบพัดมาด้านหลังกู้เจียว แล้วพัดให้นางเบาๆ
ลมอ่อนๆ เคล้ากลิ่นหอมอบอวลเต็มสวน
ทิวทัศน์เดียวกันแต่เพราะมีคนไม่เหมือนกัน จวงไทเฮาจึงรู้สึกแตกต่างออกไป
ฉินกงกงมองกู้เจียวที่กินขนมแก้มตุ่ย แล้วมองจวงไทเฮาที่ดื่มชาเงียบๆ
คนเฒ่าคนแก่อย่างไทเฮาจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีก
อันที่จริงก็แค่คนอยู่เป็นเพื่อนสักคนแค่นั้น
แม่นางกู้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แค่อยู่เป็นเพื่อนข้างกายไทเฮา ไทเฮาก็เบิกบานพระทัยแล้ว
มีเพียงวินาทีนี้กระมังที่จวงไทเฮาจึงไม่นึกเกลียดวังชั้นในแห่งนี้
ทว่าช่วงเวลาเงียบสงบมักจะสั้นนัก จวงไทเฮาเพลิดเพลินกับเวลาว่างได้ไม่ทันไรก็ถูกแขกไม่ได้รับเชิญขัดขึ้น
“เรามองจากไกลๆ เหมือนเสด็จแม่ จึงลองมาดูหน่อย ใช่จริงๆ เสียด้วย!”
ถูกต้อง แขกไม่ได้รับเชิญก็คือฮ่องเต้
ใบหน้าจวงไทเฮาพลันทะมึนขึ้นมา
ฮ่องเต้สาวเท้ารวดเร็วราวดาวตกมาหา ก่อนประสานมือคำนับให้ไทเฮา “ลูกถวายพระพรเสด็จแม่”
ถวายตะพาบเจ้าน่ะสิ!
จวงไทเฮากลอกตาใส่
ช่วงเวลางดงามกับกู้เจียว ไม่ได้หวังเลยสักนิดว่าจะถูกไอ้คนน่ารังเกียจนี่มาขัด!
ฮ่องเต้ไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายพระองค์ยังมีหนิงอ๋องด้วยอีกคน
หนิงอ๋องก็คำนับให้จวงไทเฮาเช่นกัน “ถวายพระพรเสด็จย่า”
จวงไทเฮายังพอมีสีหน้าที่ดีให้หนิงอ๋องอยู่บ้าง
“อืม” นางขานรับ
พวกฉินกงกงพากันคำนับให้พวกเขาสองคน
“ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ถวายบังคมหนิงอ๋อง”
หนิงอ๋องมองไปยังกู้เจียวที่อยู่ข้างกายไทเฮาต่อ
กู้เจียวกินขนมไปได้ครึ่งเดียว มุมปากยังมีคราบเศษขนมเปื้อนอยู่เลย นางเงยหน้าขึ้นนิ่งๆ ผงกหัวทักทายฮ่องเต้กับหนิงอ๋อง “ฝ่าบาท หนิงอ๋อง”
สีหน้านางเย็นชา แต่คราบขนมตรงมุมปากดึงดูดสายตานัก ดูๆ ไปแล้วก็น่ารักอยู่ไม่น้อย หนิงอ๋องอยากจะขำ
สำหรับเรื่องที่กู้เจียวไม่ได้คุกเข่าคำนับให้ฮ่องเต้และหนิงอ๋องนั้น ฮ่องเต้สีหน้าไม่ถือสา หนิงอ๋องย่อมไม่ถือสาเช่นกัน
“เจ้ากินของเจ้าไป” จวงไทเฮาบอกกู้เจียว
“อ้อ” กู้เจียวก้มหน้าก้มตากินต่อ
สำหรับเรื่องที่กู้เจียวเอ่ยเรียกหนิงอ๋องนั้น จวงไทเฮากับฮ่องเต้ต่างไม่ได้คิดว่าทั้งสองคนจะเคยพบหน้ากันมาก่อน นึกว่านางได้ยินพวกนางกำนัลคำนับจึงได้รู้ถึงฐานันดรของหนิงอ๋อง
ฮ่องเต้เมินความรังเกียจบนสีหน้าจวงไทเฮา เดินไปนั่งอีกฝั่งของกู้เจียว ตรงข้ามกับจวงไทเฮาพอดี
จวงไทเฮาคร้านแม้แต่จะมองพระองค์
ฮ่องเต้มองขนมในจาน ก่อนเอ่ยขึ้น “ขนมกุ้ยฮวามีอะไรอร่อยกัน ห้องเครื่องตำหนักเหรินโซ่วทำงานกันเช่นนี้รึ หากเสด็จแม่ขาดพ่อครัว เราส่งมาให้เสด็จแม่ได้นะ”
ตรัสจบก็ไม่รอให้จวงไทเฮาแย้ง รีบเอ่ยกับกู้เจียว “ทางเรามีพ่อครัวที่มาใหม่จากเจียงหนาน ทำขนมเหอฮวาได้อร่อยยิ่งนัก อร่อยกว่าอันนี้อีก”
ท่าทางเหมือนคนที่จะลักพาตัวเด็กกลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น
จวงไทเฮาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจียวเจียวไม่ชอบกินขนมเหอฮวา!”
หนิงอ๋องได้ยินคำเรียกนี้ก็มองกู้เจียวอย่างนิ่งอึ้งแวบหนึ่ง
ฮ่องเต้ล้อกู้เจียวต่อว่า “ที่นั่นยังมีขนมอย่างอื่นอีกนะ ขนมที่พ่อครัวทำอร่อยทั้งนั้นเลย เจ้าไปลองดูสิ พวกจิ้งคงเขาชอบกินอะไรก็เอากลับไปให้พวกเขาหน่อย”
ประโยคนี้ทิ่มแทงใจกู้เจียวเข้าอย่างจัง
ตัวกู้เจียวเองน่ะไม่ได้มีความหลงใหลต่อของกินมากมายเท่าใดนัก แต่น้องๆ ที่บ้านกลับเป็นพวกตะกละกันทั้งนั้น
จวงไทเฮารู้สึกถึงวิกฤตหนัก จึงใช้ท่าไม้ตาย “ข้าป่วย เจียวเจียวต้องรักษาให้ข้า!”
ฮ่องเต้ส่งเสียงอ๋อออกมา “บังเอิญเสียจริง เราก็มีแผลอยู่ด้วย หมอเทวดาน้อยมาได้พอดีนัก จริงสิ เว่ยกงกงด้วยนะ แขนเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เว่ยกงกง แขนบ่าวหายดีแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ…
ฮ่องเต้ส่งสายตาคมกริบไปให้
เว่ยกงกงเอ่ยอย่างเอาตัวรอด “ไอ้หยา เจ็บ! เจ็บยิ่งนัก!”
กู้เจียว “…”
หนิงอ๋อง “…”
จวงไทเฮา “…”
ไอสังหารของฮ่องเต้กับจวงไทเฮาปกคลุมทั่วทั้งสวนหลวง ราวกับครู่ต่อมาทั้งสองจะชักดาบออกมาฟันกันอย่างไรอย่างนั้น
กู้เจียวมองท่านย่าแวบหนึ่ง แล้วมองฮ่องเต้ต่อ “เอ่อ…ต้องเป่ายิงฉุบหรือไม่”
ฮ่าฮ่าฮ่า
ทุกคนต่างพากันหัวเราะ