สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 324 คืบหน้า (1)
บทที่ 324 คืบหน้า (1)
ถึงกู้เจียวจะไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ แต่ก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการแนบชิดกับใครขนาดนั้น เมื่อม่อเชียนเสวี่ยซับหน้าผากให้นางเสร็จก็ไล้ไปซับลำคอของนาง จึงถูกกู้เจียวยั้งมือเอาไว้
ม่อเชียนเสวี่ยส่งสายตาค้อนกู้เจียว พลางยกมืออีกข้างหมายจะถอดหน้ากากของกู้เจียว แต่ก็ถูกกู้เจียวยั้งมือไว้อีกครั้ง
ม่อเชียนเสวี่ยนั้นเป็นคนมีวรยุทธ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่ไวเท่ากู้เจียว นางขยับตัวไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยค้อนด้วยความโมโห “รู้แล้วน่า รู้แล้วน่า ไม่แตะต้องท่านก็ได้! ท่านทำเองก็แล้วกัน!”
กู้เจียวคลายมือลง
ม่อเชียนเสวี่ยกลอกตามองบน พ่นลมออกจมูกฮึดฮัด แล้วโยนผ้าให้กู้เจียว
กู้เจียวเช็ดเหงื่อบนลำคอด้วยตนเอง
อากาศร้อนนัก ยิ่งรัดหน้าอกยิ่งอบอ้าวกว่าเดิม พอสวมหน้ากากอีกก็เหมือนสุมไฟ โชคดีที่ห้องของม่อเชียนเสวี่ยทำเลดี ยามฤดูหนาวอบอุ่น ยามฤดูร้อนเย็นสบาย ไม่อย่างนั้นกู้เจียวคงเป็นลมแดดไปแล้ว
กู้เจียววางผ้าขนหนูกลับลงในอ่างทองแดง จากนั้นก็มีสาวใช้เดินเข้ามายกออกไป
“เสี่ยวอู่ ลิ้นจี่ที่เพิ่งมาส่งเช้าวันนี้ยังเหลืออยู่หรือไม่” ม่อเชียนเสวี่ยถาม
สาวใช้เสี่ยวอู่ที่ถูกเรียกขานตอบ “ยังมีเจ้าค่ะ ยังมีเจ้าค่ะ ข้าจะไปเอามาให้แม่นางเอง!”
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวอู่ก็ยกลิ้นจี่แช่เย็นจานหนึ่งเข้ามา ลิ้นจี่แต่ลูกทั้งใหญ่ทั้งเนื้ออวบ เปลือกสีแดงสด ราวกับเพิ่งเก็บมาจากต้น
เมืองหลวงไม่ปลูกลิ้นจี่ ทั้งหมดล้วนแต่ใช้ม้าเร็วลำเลียงมาจากทางใต้ นอกจากม้าจะต้องวิ่งเร็วมากพอแล้ว ยังต้องเปลี่ยนน้ำแข็งตลอดทาง ไม่อย่างนั้นพอส่งมาถึงเมืองหลวงอาจจะเน่าเสียเอาได้
นี่คือผลไม้แสนหรูหราก็ว่าได้ กู้เจียวเคยกินที่ตำหนักเหรินโซ่ว ได้ยินแม่นางเหยาบอกว่าเมื่อปีก่อนแม้แต่จวนโหวยังแทบหาซื้อผลไม้นี้ไม่ได้
ใครจะไปคาดคิดกันว่าในหอนางโลมเล็กๆ แห่งนี้จะได้กินผลไม้แสนหรูหราเช่นนี้
กู้เจียวจ้องมองลิ้นจี่ จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด
“ไม่กินเอง หรือว่ารอให้ข้าปอกให้ท่านอย่างนั้นหรือ” ม่อเชียนเสวี่ยส่งเสียงฮึดฮัด ทว่าเรียวนิ้วขาวนวลดุจหยกกลับหยิบลิ้นจี่ผลใหญ่ที่สุดและแดงที่สุดขึ้นมา ก่อนจะปอกเปลือกแล้วป้อนถึงปากของกู้เจียว
ลิ้นจี่ที่ปอกเปลือกแล้วผลนั้นลูกกลมใหญ่ เนื้อขาวนุ่มเด้ง ดูฉ่ำหวานเหลือเกิน
เจ้ากินเองสิ กู้เจียวบอกด้วยสายตา
“เชอะ!” ม่อเชียนเสวี่ยกลอกตา “ของที่ข้ามอบให้แล้ว หากไม่อยากได้ก็ทิ้งไปเสีย ไม่เก็บกลับคืนมาหรอก!”
เฮ้อ เหตุใดต้องหาเรื่องกับผลไม้ด้วย
กู้เจียวรับมาอย่างจนใจ ก่อนจะหยิบใส่ปากกิน
ช่วงนี้นางเป็นร้อนในอยู่บ่อยๆ จึงกินลิ้นจี่มากไม่ได้
พอเห็นนางกิน แววตาของม่อเชียนเสวี่ยก็กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง ข้อศอกซ้ายของนางค้ำกับโต๊ะ ข้อนิ้วของนิ้วกลางเท้าอยู่ที่ใต้คางมน มองกู้เจียวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “จู่ๆ เหตุใดท่านชายถึงมาหาข้า คิดถึงข้าแล้วหรืออย่างไร”
กู้เจียวหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมา ก่อนจะเขียนแทนคำพูด “ข้าไม่ได้มาหาเจ้า”
สีหน้าของม่อเชียนเสวี่ยบึ้งตึง สมุดของนางถูกแย่งมา จากนั้นคำว่า ‘ไม่ได้’ ก็ถูกขีดฆ่า แล้วเขียนคำว่า ‘ก็’ ไว้ด้านบนแทน จากนั้นก็เขียนทิ้งท้ายอีกประโยคว่า ‘คิดถึงเจ้าเหลือเกิน’
ต่อมาสมุดเล่มน้อยก็ถูกโยนคืนให้กู้เจียว
กู้เจียวคิดในใจ ‘เช่นนี้ก็ได้หรือ’
ม่อเชียนเสวี่ยเลิกคิ้วถาม “พู่ห้อยที่ให้ท่านเมื่อคราวก่อนได้ใช้งานหรือไม่ สืบหาตัวคนร้ายได้หรือไม่”
กู้เจียวพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า
ม่อเชียนเสวี่ยขมวดคิ้วเอ่ย “หมายความว่าอย่างไร หาเจอหรือไม่เจอกันแน่”
กู้เจียวขีดเขียนแทนคำพูด “สืบหาเจอครึ่งหนึ่ง”
หยวนถังเป็นคนลงมือ แต่หยวนถังเพียงคนเดียวไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้สำเร็จแน่ กู้เจียวแน่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าต้องมีคนคอยช่วยเหลือเขา
“เช่นนั้นข้าก็จนปัญญาแล้วล่ะ” ม่อเชียนเสวี่ยยักไหล่ “เขาแค่บังเอิญได้ยินพวกเขาคุยกัน แล้วก็เก็บพู่ของหนึ่งในนั้นได้ก็เท่านั้น”
เพราะอย่างนั้นสถานที่ที่หยวนถังกับคนผู้นั้นแลกเปลี่ยนข่าวสารกันคือหอเซียนเล่อสินะ หอเซียนเล่อไม่ใช่สถานที่ที่คนจะเข้าออกได้ตามอำเภอใจ อีกฝ่ายอาจจะเป็นลูกค้าของหอเซียนเล่อ หรือไม่ก็อาจเป็นคนในหอเซียนเล่อ
หรือความเป็นไปที่ว่าอีกฝ่ายคือผู้คุมหอเซียนเล่อก็ยังไม่ถูกตัดออกเช่นกัน
กู้เจียวเขียนแกรกๆ “ผู้คุมหอเซียนเล่อคือใคร”
“ท่านถามถึงผู้คุมหรือ” ม่อเชียนเสวี่ยเบียดเข้ามาใกล้กู้เจียว จ้องมองนางสายตากรุ้มกริ่ม ในแววตานั้นแฝงไปด้วยความหยอกเย้าแกมระแวดระวัง “ท่านจะถามไปทำไมกัน”
กู้เจียวเขียนตอบ “อยากรู้น่ะ ก็ถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่สะดวกตอบก็ช่างเถิด”
นี่สินะที่เรียกว่าถอยเพื่อบุก
ม่อเชียนเสวี่ยเบ้ปาก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบื่อหน่าย “อันที่จริงข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าเคยเจอผู้คุมแค่สองครั้งเอง แถมยังมีฉากบังลมกั้นไว้อีก แม้แต่ผู้คุมหน้าตาเป็นอย่างไรข้ายังไม่รู้เลย”
หญิงงามประจำหอนางโลมยังไม่รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของผู้คุมเลยด้วยซ้ำ อีกฝ่ายปกปิดตัวตนได้อย่างรอบคอบนัก
กู้เจียวนึกถึงคำพูดที่ม่อเชียนเสวี่ยสั่งสอนแม่นางชุดเหลือเมื่อครู่…เห็นแก่ผู้คุม ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป!
นางเขียนต่อ “ฮวาซีเหยากับผู้คุมมีความสัมพันธ์อะไรกัน”
“ท่านยังจำชื่อนางแพศยานั่นได้อยู่อีกหรือ!” ม่อเชียนเสวี่ยพลันเดือดดาลขึ้นมา
กู้เจียว…เฮ้อ แล้วจะให้นางตอบอย่างไร
ม่อเชียนเสวี่ยเอ่ยเสียงขุ่น “ท่านถูกใจนางแพศยานั่นเข้าแล้วใช่ไหม”
กู้เจียวเขียนตอบอย่างเอาอกเอาใจ “นางอัปลักษณ์ถึงเพียงนั้น จะให้ลืมคงยากนัก”
พอเห็นกู้เจียวบอกว่านางอัปลักษณ์ ม่อเชียนเสวี่ยก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา ไฟโกรธดับมอดลงในทันใด นางเอ่ยอย่างลำพองใจ “นางกับผู้คุมก็ไม่นับว่ามีความสัมพันธ์อะไรกันหรอก แค่เคยปรนนิบัติข้างกายผู้คุมอยู่ช่วงหนึ่งก็เท่านั้น ผู้คุมเห็นว่านางพอมีจริตจะก้าน จึงวานให้ข้าช่วยสอนนาง แต่ท่านไม่ต้องกังวลไป วันหน้านางคงไม่กล้ามาตามตอแยท่านแล้ว”
กู้เจียวพยักหน้า
นางยังมีคำถามสุดท้ายอีกหนึ่งข้อ “ผู้คุมเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
ม่อเชียนเสวี่ยตอบในทันใด “ผู้คุมหอเซียนเล่อก็ต้องเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว คิดว่าเป็นพวกผู้ชายเหม็นสาบอย่างพวกท่านหรือ ข้าไม่มีทางทำงานถวายชีวิตเพื่อผู้ชายเช่นนั้นหรอก”
ผู้หญิง ถวายชีวิต
กู้เจียวจำเบาะแสสำคัญสองอย่างนี้ไว้ขึ้นใจ
คงสืบถามข้อมูลอะไรจากม่อเชียนเสวี่ยไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว กู้เจียวหาข้ออ้างว่าฟ้ามืดแล้ว ก่อนจะลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกไป
ม่อเชียนเสวี่ยยู่ปากขมุบขมิบ ดวงตาฉายแววไม่พึงพอใจ แต่บังเอิญว่าคืนนี้นางมีนัดหมายอื่น จึงไม่รั้งกู้เจียวไว้
นางมาส่งกู้เจียวถึงชั้นล่าง
เมื่อเดินมาถึงหัวมุมเลี้ยวของบันได จู่ๆ นางก็ดึงแขนเสื้อของกู้เจียวเอาไว้ “อย่างน้อยบอกข้าหน่อยไม่ได้หรือว่าท่านแซ่อะไร”
กู้เจียวเขียนตอบ “กู้”
“ท่านชายกู้” ม่อเชียนเสวี่ยเอ่ยเรียกเสียงพึมพำพลางอมยิ้ม “ฟังดูไม่เลว”
ยามนางและกู้เจียวเดินผ่านโถงบันไดขั้นสอง ก็บังเอิญพบเข้ากับฮวาซีเหยา
เห็นได้ชัดว่าฮวาซีเหยาหวาดกลัวม่อเชียนเสวี่ย ก้มหน้างุด ทั้งยังถอยเปิดทางให้แล้วคำนับอีกต่างหาก
ม่อเชียนเสวี่ยส่งเสียงเย้ยหยัน ไม่ปรายตามองนางแม้แต่นิด จากนั้นก็ส่งกู้เจียวถึงชั้นล่าง
ฮวาซีเหยาลูบใบหน้าที่ยังปวดระบม ความโกรธเอ่อล้นทางดวงตา “ม่อเชียนเสวี่ย คอยดูเถิด เจ้าไม่มีทางโชคดีไปตลอดหรอก!”
สาวใช้เดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยกับฮวาซีเหยา “แม่นางฮวา เมื่อครู่องครักษ์ลับบอกข่าวมาว่า ผู้คุมกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮวาซีเหยาตาเป็นประกายในทันใด “ข้าจะไปรับผู้คุม”
สาวใช้เอ่ยเสียงเจื่อน “ไม่ต้องเจ้าแล้วเจ้าค่ะ องครักษ์ลับบอกว่าจะให้แม่นางเชียนเสวี่ยไปรับ”
ฮวาซีเหยากำหมัดแน่น มองม่อเชียนเสวี่ยที่กำลังบอกลากู้เจียวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่หน้าประตูหอเซียนล่อ สองเท้าก็กระทืบตึงตังด้วยความโมโห!
ฮวาเชียนเสวี่ย ฮวาเชียนเสวี่ย อะไรๆ ก็เรียกหาแต่ฮวาเชียนเสวี่ยไปเสียหมด!
…
กู้เจียวออกมาจากหอเซียนเล่อก็มุ่งตรงกลับไปที่ตรอกปี้สุ่ย
ยามนี้ท้องฟ้ากลายเป็นสีของยามราตรี บ้านเรือนในตรอกต่างปิดประตูกันหมดแล้ว แต่ยังดีที่ทางเดินยังแขวนโคมไฟ แสงสลัวจากเปลวเทียนสะท้องสีเหลืองนวลเป็นสายยาวตลอดเส้นทางของตรอกสายน้อย
กู้เจียวมาถึงหน้าประตูเรือน ก็พบว่ามีก้อนกลมนั่งอยู่ที่ธรณีประตูอย่างน่าสงสาร แม้ไม่ส่งเสียงพูดก็สัมผัสได้ว่าร่างน้อยนั้นถูกปกคลุมด้วยความน้อยอกน้อยใจ
กู้เจียวเดินเข้าไปใกล้พลางเอ่ยกระซิบ “จิ้งคง”
พอได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย เสี่ยวจิ้งคงก็พลันเงยหน้าขึ้น ก่อนจะวิ่งตึงตังโผเข้ากอดกู้เจียว “เจียวเจียว!”
กู้เจียวย่อตัวลง เพื่อให้เจ้าตัวเล็กซุกกอดได้สะดวก
เสี่ยวจิ้งคงโผเข้าหาอ้อมกอดของนางแล้วก็ขย่ำคอเสื้อนางทันที พลางยู่ปากเอ่ยน้ำเสียงตัดพ้อ “เจียวเจียว…”
“เป็นอะไรหรือ” กู้เจียวกระชับกอดเจ้าตัวเล็ก
เสี่ยวจิ้งคงเบ้ปาก “ท่านย่าไม่ชอบข้าแล้ว”
กู้เจียวถามพลางหัวเราะ “เหตุใดท่านย่าถึงไม่ชอบเจ้าแล้ว เจ้าไปได้ยินมาจากใคร”
เสี่ยวจิ้งคงส่งเสียงฮึดฮัด “พี่เขย”
กู้เจียวถาม “เขาบอกว่าท่านย่าไม่ชอบเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ”
เสี่ยวจิ้งคงส่ายหน้า
กู้เจียวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าท่านย่าไม่ชอบเจ้าแล้ว”
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยเสียงตัดพ้อ “ท่านย่าให้ของพี่เขยเยอะแยะไปหมด ไม่เห็นให้ข้าเยอะแยะอย่างนั้นบ้างเลย ข้าไม่ใช่หนุ่มน้อยที่ท่านย่ารักที่สุดแล้วอย่างนั้นหรือ”
เขาเน้นย้ำคำว่าหนุ่มน้อย เพราะเขาตัดกู้เจียวออก ในใจของเขารู้ดีว่าท่านย่านั้นดีกับเจียวเจียวมากที่สุด เขาไม่อิจฉาเจียวเจียวหรอกนะ
กู้เจียวยิ้มออกมา “เมื่อก่อนตอนที่ท่านย่าให้ของกับเจ้า แต่พี่เขยไม่ได้นะ”
เสี่ยวจิ้งคงครุ่นคิดอย่างจริงจัง ก็เหมือนจะจริงอย่างที่ว่า
เพราะอย่างนั้นท่านย่าไม่ได้ตั้งใจให้ของพี่เขยเยอะกว่า เพียงแต่ชดเชยของที่ไม่เคยได้ให้ก่อนหน้านี้รวดเดียวทั้งหมด
พอคิดได้ดังนั้น หัวใจของก็สงบลง
แต่เขายังอยากอาศัยโอกาสนี้อ้อนขอสักจุ๊บหนึ่งอยู่ดี เขาก้มศีรษะน้อยลง “แต่ข้าก็ยังรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อยอยู่ดี”
คำพูดผู้ใหญ่แบบนี้ ไปเอาเยี่ยงอย่างมาจากที่ไหนกัน
เขาโพล่งคำศัพท์ใหม่ออกมาอีกแล้ว กู้เจียวรู้สึกประหลาดใจทั้งยังแสนเอ็นดู
กู้เจียวจุ๊บเขาหนึ่งที
คราวนี้เสี่ยวจิ้งคงถึงได้พอใจสักที เขากุมใบหน้าน้อยก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหาผ้าพันแผล