สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 327 สู่ขอ (1)
บทที่ 327 สู่ขอ (1)
กู้ฉังชิงกลับไปยังจวนติ้งอันโหว
กู้เฉิงเฟิงกับกู้เฉิงหลินไปเก็บผลไม้ที่หลังเขา เขาจึงตรงไปที่ห้องของตัวเอง
เขานั่งลงข้างเตียง
เมื่อไม่มีคนนอกอยู่ ในที่สุดใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งหมื่นปีก็แสดงสีหน้าออกมา เขาขมวดคิ้วพลางคลายเสื้อออก
บนลำคอ ลาดไหล่ หลังมือหรือแม้กระทั่งข้อมือของเขาล้วนมีแต่รอยเล็บที่เห็นแล้วน่าตื่นตะลึงนัก ซ้ำบางจุดยังมีเลือดซึมออกมาด้วย คราบเลือดแห้งกรังเกาะอยู่กับเสื้อผ้า เมื่อดึงลงมาทำเอาเขาเจ็บจนสูดหายใจลึก
“ไอ้หยา! ซื่อจื่อ!”
บ่าวรับใช้หอบเสื้อผ้าที่เก็บมาจากราวตากเข้ามาด้านใน มองปราดมาเห็นรอยเล็บเต็มลำคอของกู้ฉังชิงจึงตกใจยกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยถาม “นังแพศยาคนไหนมันทำขอรับ!”
กู้ฉังชิงดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ รีบดึงเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่รู้จักเคาะประตูก่อนหรืออย่าง
ไร”
บ่าวรับใช้เอ่ยด้วยหน้าเจื่อน “ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านกลับมาแล้ว เมื่อครู่ข้าน้อยยังเก็บกวาดห้องอยู่ที่นี่อยู่เลยนะขอรับ แล้วก็ออกไปเก็บผ้ามา ใครจะคิดว่าซื่อจื่อจะกลับมา…จะว่าไปแล้ว บาดแผลบนร่างซื่อจื่อมันเป็นมาอย่างไรหรือขอรับ แม่นางคนใดทำหรือ นอกจวนหรือว่าที่จวนของเรา”
เขาไม่กล้าใช้คำว่านางแพศยาอีก
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” กู้ฉังชิงลุกขึ้นนิ่งๆ ก่อนเอากระบี่พกตรงบั้นเอวขึ้นมาแขวนไว้
“อ๋อ” บ่าวรับใช้เดินมาข้างเตียง พับเสื้อผ้าอาภรณ์ทีละตัวๆ ให้เรียบร้อย ตัวไหนไม่ต้องพับก็แขวนไว้ในตู้
“เหตุใดจึงเป็นสตรีล่ะ” จู่ๆ กู้ฉังชิงโพล่งขึ้น
บ่าวรับใช้เอ่ย “ยังต้องบอกอีกหรือ แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าโดนข่วนมา บุรุษที่ไหนไว้เล็บกันเล่าขอรับ”
กู้ฉังชิงดวงตาขยับไหว “อย่าเพ้อเจ้อ”
บ่าวรับใช้พึมพำ “ซื่อจื่อไม่ให้ข้าน้อยพูด ข้าน้อยก็จะไม่พูดขอรับ”
กู้ฉังชิงยืนอยู่หน้าแท่นแขวนกระบี่ บริเวณที่โดนข่วนเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา เจ็บแบบแสบๆ ซึ่งแตกต่างจากการโดนคมกระบี่คมดาบ ความเจ็บเช่นนี้ช่างแปลกยิ่ง และไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
ในสมองปรากฏภาพที่นางนั่งอยู่ในรถม้าทั้งๆ ที่ยากำลังออกฤทธิ์ กู้ฉังชิงหลับตาลง
บ่าวรับใช้แววตาเป็นประกาย ก่อนถามอย่างระมัดระวังว่า “ว่าแต่ซื่อจื่อขอรับ เหตุใดจู่ๆ ท่านจึงคิดตกแล้วล่ะ”
กู้ฉังชิงฉงน “คิดตกอะไรของเจ้า”
บ่าวรับใช้ยิ้มแหยๆ “ขอพูดกับซื่อจื่อตรงๆ เลยแล้วกัน หลายปีมานี้ซื่อจื่อไม่แตะต้องสตรีใดเลย แม้แต่สาวใช้ในเรือนก็ไม่มี ซ้ำยังไม่ดูตัวที่ไหนด้วย พวกข้าน้อย…ต่างเดากันว่า…ซื่อจื่อคงจะชื่นชอบบุรุษกระมัง”
กู้ฉังชิงสีหน้าทะมึนทันที “ออกไป!”
บ่าวรับใช้ตัวสั่น ก่อนจะออกไปอย่างไม่พอใจ
จากนั้นเขาก็ไปรายงานกับท่านเหล่าโหวกับเหล่าฮูหยินกู้ว่าซื่อจื่อของเขาเปิดบริสุทธิ์แล้ว ซื่อจื่อของเขาแตะต้องสตรีแล้ว!
การรักษาผ่านมาหลายชั่วยาม ในที่สุดอาการบาดเจ็บของอันจวิ้นอ๋องก็ทรงตัวในคืนนั้น
หมอประจำจวนเห็นเขาดื่มยาแล้วก็ออกจากห้องมา
ราชครูจวงมาหาอันจวิ้นอ๋องที่ห้อง สีหน้าเขาไม่ค่อยดีนัก ทั้งคู่ต่างไม่ได้พูดคุยอะไรกัน บรรยากาศจึงค่อนข้างหนักอึ้ง
ราชครูจวงเอ่ย “ข้าจะถามเจ้าเป็นคราสุดท้าย เจ้าเป็นคนทำจริงๆ รึ”
อันจวิ้นอ๋องเอ่ย “ข้าเองขอรับ ท่านปู่จะถามอีกกี่หนก็มีคำตอบเดียว”
ราชครูจวงไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของหลานชายที่ตนหวังไว้ หลานชายคนนี้เป็นรุ่นหลังที่เขาให้ความสำคัญที่สุด เขาฝากความหวังแห่งความมั่นคงของตระกูลจวงในอีกร้อยปีข้างหน้าไว้ให้หลานคนนี้ ทว่าหลานกลับทำลายอนาคตตัวเอง โดยการก่อความผิดมหันต์เช่นนี้ขึ้น
เขาข่มโทสะเอาไว้ ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “วันนี้คนที่เจ้าล่วงเกินหาใช่สตรีครอบครัวเล็กๆ ไม่มีหัวนอนปลายเท้าตามข้างถนนที่เงินสักก้อนหรืออำนาจเล็กน้อยจะสามารถจัดการได้ นั่นมันคุณหนูแห่งจวนติ้งอันโหวเชียวนะ ต่อให้เป็นลูกเลี้ยงที่อุ้มมาผิดตั้งแต่เด็กๆ แต่ก็อยู่ในวงศ์ตระกูล อยู่ในผังตระกูล ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญต่อท่านเหล่าโหวกับกู้ฉังชิงเป็นอย่างมากเลย เรื่องนี้จะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ เจ้าต้องมอบสถานะให้แก่นางสักอย่างหนึ่ง”
อันจวิ้นอ๋องนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ตามแต่ท่านปู่จะจัดการ”
อย่างไรเสียก็ไม่ใช่นางอยู่แล้ว แต่งกับคุณหนูหยวนหรือคุณหนูกู้จะไปต่างอะไร
วันรุ่งขึ้น ราชครูจวงก็ส่งผู้ดูแลของจวนคนหนึ่งให้มาที่จวนติ้งอันโหว เพื่อบอกกล่าวเจตนาที่มาเยือนแก่ท่านเหล่าโหวกับเหล่าฮูหยินกู้
“นายท่านของข้าบอกว่ายินดีจะให้จวิ้นอ๋องรับคุณหนูกู้เป็นเช่อเฟยขอรับ”
ประโยคนี้จบลง เหล่าฮูหยินกู้ก็ปรีดายิ่ง ฐานะของจวนติ้งอันโหวในเมืองหลวงนั้น สามารถเกี่ยวดองกับตระกูลจวงได้นับเป็นการยกฐานะขึ้นไปอีก ต่อให้จะเป็นเช่อเฟยก็ไม่นับว่าทำให้กู้จิ่นอวี๋อับอายอะไร
ทว่าสีหน้าท่านเหล่าโหวกลับอึมครึมขึ้นมา “นี่คือสิ่งที่ตระกูลจวงของพวกเจ้ารับผิดชอบจวนติ้งอันโหวรึ! เหอะ พวกเจ้าเห็นว่าจวนติ้งอันโหวไม่มีกองทัพตระกูลกู้ ไม่มีอำนาจทางการทหารแล้ว จึงได้ปล่อยให้พวกเจ้ารังแกเหยียดหยามได้ตามใจใช่หรือไม่!”
ผู้ดูแลแย้มยิ้มนิ่ง “ท่านเหล่าโหวกู้พูดอะไรเช่นนั้นล่ะขอรับ ราชครูไม่ได้มองข้ามเจตนาของจวนติ้งอันโหวเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เมืองหลวงลือกันจนทั่วแล้วว่าคุณหนูกู้ผู้นี้หาใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านโหวกู้กับโหวฮูหยิน แต่อุ้มมาผิดตอนแรกเกิดต่างหาก โปรดอภัยด้วยที่ต้องพูดตรงๆ ว่านายน้อยของข้าเป็นจวิ้นอ๋องที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง เป็นเชลยที่แคว้นเฉินแทนไท่จื่ออยู่สิบปี สร้างคุณูปการให้แคว้นเจาอย่างยิ่ง พระชายาของเขาจะเป็นเพียงสตรีชนบทธรรมดาๆ คนหนึ่งได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ที่คุณหนูกู้ก่อเรื่องก่อราวใหญ่โตขึ้น ข้าได้ยินว่าคุณหนูกู้แอบอ้างคุณูปการการประดิษฐ์เครื่องเป่าลม จากนั้นก็ขโมยความดีความชอบเรื่องปูน ซ้ำยังปรับแก้เครื่องเป่าลมเองโดยพลการทำร้ายนายช่างของกรมโยธาไปไม่น้อย สร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงแก่กรมโยธาเป็นอย่างมาก หากว่าอย่างสามหาวหน่อยก็คือคุณหนูกู้ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือดกับซื่อจื่อแห่งติ้งอันโหวเลย หากเป็นท่านเหล่าโหวท่านยินดีจะให้ซื่อจื่อสู่ขอสตรีที่มีนิสัยเยี่ยงนี้อย่างคุณหนูกู้มาเป็นพระชายาอย่างนั้นหรือ”
“นางเด็กเวรนั่นไหนเลยจะคู่ควรกับฉังชิงได้!” เหล่าฮูหยินกู้เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้
นางเพิ่งจะเอ่ยจบก็ได้รับสายตาเย็นเยียบจากท่านเหล่าโหว
นางรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไป แววตาจึงเป็นประกายวาบพลางยกชาขึ้นดื่ม
ผู้ดูแลรู้ว่าตัวเองชนะแล้ว จึงไม่พูดซ้ำอีก เขาประสานมืออย่างมีนัยยะแฝง “หากท่านเหล่าโหวกับเหล่าฮูหยินไม่มีความเห็นต่างกับการแต่งงานครานี้ เช่นนั้นข้าน้อยก็ขอตัวกลับไปรายงานราชครูก่อน”
เหล่าฮูหยินกู้อ้าปากพะงาบๆ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ถูกสายตาเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งของท่านเหล่าโหวกวาดมามอง จึงหุบปากทันใด
ผู้ดูแลกลับไปอย่างลำพองวางท่า
แต่ในความจริงแล้วในใจกลับไม่ได้สะใจสักนิด เช่อเฟยอย่างนั้นรึ สตรีที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างกู้จิ่นอวี๋คู่ควรแล้วหรือ
มากเกินไปสำหรับนางด้วยซ้ำ!
“นายท่าน…” เหล่าฮูหยินกู้รู้ตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองพลั้งปากทำให้พวกนางเพลี่ยงพล้ำ ยามนี้จึงไม่กล้าบ่นอะไร ทำได้เพียงเอ่ยเสียงอ่อน “อันที่จริงเด็กอย่างจิ่นอวี๋ก็มีความตั้งใจดี แม้ว่านางจะทำผิดมาไม่น้อย แต่ก็กลับตัวกลับใจใหม่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนยังไปบ้านเด็กกำพร้าด้วย มีนายท่านกับซูเฟยให้ท้ายนาง ข้าว่าต่อให้เป็นเช่อเฟย คนตระกูลจวงก็คงไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างโหดร้ายหรอกเจ้าค่ะ”
ท่านเหล่าโหวกลับไม่อาจยอมรับตำแหน่งเช่อเฟยนี้ได้
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเอาลูกตัวเองไปปีนตำแหน่งของใคร แต่เขามีหลักการหนึ่ง นั่นคือลูกสาวตระกูลกู้ยอมแต่งเป็นภรรยาชาวบ้านธรรมดาดีกว่าแต่งเข้าตระกูลใหญ่
เช่อเฟยตำแหน่งนี้ฟังดูแล้วสูงศักดิ์กว่าอนุ แต่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่พระชายา
ท่านเหล่าโหวไปยังเรือนของกู้จิ่นอวี๋
กู้จิ่นอวี๋พักรักษาตัวอยู่ในห้อง สีหน้านางซีดขาว อารมณ์ห่อเหี่ยว
ท่านเหล่าโหวถามนาง “ข้าขอถามหน่อย หากข้าสามารถระงับเรื่องนี้ลงไปได้ เจ้ายินดีจะแต่งกับคนอื่นหรือไม่”
กู้จิ่นอวี๋คุกเข่าลงตรงหน้าของท่านเหล่าโหว นางเอ่ยทั้งขอบตาแดงก่ำ “จิ่นอวี๋แตะต้องร่างกายกับจวิ้นอ๋องแล้ว จะมีหน้าไปแต่งกับคนอื่นได้อย่างไร หากตระกูลจวงไม่ยอมรับผิดชอบ จิ่นอวี๋ไปปลงผมบวชเป็นชีที่สำนักชีก็ได้…”
ท่านเหล่าโหวขมวดคิ้วทอดถอนใจ
ต่อให้เขาไม่ได้เอ็นดูนาง ก็ไม่มีทางให้คนเอาเกียรติของจวนโหวมาเหยียบย่ำกับพื้นหรอก
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้หากจะพูดให้ชัดคืออีกฝ่ายกำลังกลั่นแกล้งกัน ไม่ยอมรับผิดชอบตามที่สมควรกระทำ ซ้ำยังบีบให้คุณหนูตระกูลกู้บวชเข้าสำนักชีอีก ไร้เหตุผลสิ้นดี