สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 339-2 หนูน้อยกู้ (2)
บทที่ 339 หนูน้อยกู้ (2)
นางไปหาแม่นางเหยา แม่นางเหยาสบายดีทุกอย่าง แค่…ครรภ์ดิ้นแปลกประหลาดนัก
“เอาแต่นิ่งไม่ขยับเลย ข้ากลัวไปหมดว่า…” คำพูดไม่เป็นมงคลแม่นางเหยาไม่ได้เอ่ยออกมา
กู้เจียวหยิบหูฟังออกมาฟังหัวใจของเด็กน้อยในครรภ์ “ปกติดี วางใจได้”
แม่นางเหยากลุ้มอยู่ค่อนวันแล้วเอ่ยอย่างน้อยใจ “เขาเกียจคร้านนัก”
นอกจากตอนที่ท่านโหวกู้มาแล้ว เจ้าเด็กน้อยดิ้นแรงมาก แทบจะใช้เท้าน้อยๆ ถีบตุ้บๆ เวลาอื่นๆ ก็ไม่ดิ้นอีกเลย
หากไม่ใช่เพราะลูกสาวมีวิธีฟังเสียงเต้นของหัวใจของเด็กคนนี้ละก็ เกรงว่าแม่นางเหยาคงคิดว่าเด็กน้อยตายในท้องแล้ว
“ครรภ์แรกก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ” กู้เจียวถาม
“เจ้ากับเหยี่ยนเอ๋อร์ตอนอยู่ในท้องชอบเล่นกันยิ่งนัก” เล่นกันจนแม่นางเหยานอนไม่ได้ทั้งคืน ตอนนั้นรู้สึกลำบากยิ่งนัก ครรภ์นี้กลับสบายๆ แต่ใจนางกลับกระวนกระวาย
กู้เจียวพยักหน้า “อ๋อ เช่นนั้นอาจเป็นเด็กเกียจคร้านจริงๆ ก็ได้นะ”
ท้องแม่นางเหยานูนป่องออกมา
เหมือนกำลังแย้งอย่างเงียบๆ
กู้เจียวไปโรงหมอ ที่น่าเหลือเชื่อคือนึกไม่ถึงว่านางจะเจอหวงจง
หมู่นี้หวงจงติดตามท่านโหวกู้อยู่นอกบ้านสร้างจวนไม่ได้กลับเมืองหลวงนานแล้ว
“คุณหนูใหญ่” หวงจงคำนับให้อย่างเคารพ
“มีธุระใดรึ” กู้เจียวถาม
“เอ่อ คืออย่างนี้ขอรับ ท่านโหวให้ข้านำเงินมาให้คุณหนู” หวงจงบอกพลางล้วงเอากล่องผ้าไหมออกมาจากอก “นี่หนึ่งพันตำลึง คุณหนูใหญ่โปรดรับไว้ด้วย”
“อ๋อ” กู้เจียวรับไว้
หวงจงสีหน้ามึนงง
ไม่สิ ปฏิกิริยาของท่านมันไม่ค่อยถูกนะ
ท่านไม่ถามหน่อยหรือว่าเหตุใดจู่ๆ ท่านโหวจึงให้เงินท่าน
ความจริงคือท่านเหล่าโหวไม่รู้ไปทราบมาจากไหนว่าท่านโหวตัดเงินเดือนคุณชายน้อย จึงเดือดดาลยกใหญ่ จัดการท่านโหวไปยกหนึ่ง จากนั้นก็บังคับท่านโหวให้เปิดคลังสมบัติของตัวเอง แล้วหยิบเงินก้อนนี้ให้เขาเอามาให้คุณหนูใหญ่
ช่างเถอะ คุณหนูใหญ่จัดการทุกอย่างได้อย่างน่าอัศจรรย์อยู่แล้ว แม้แต่พ่อแท้ๆ นางคิดจะต่อยก็ต่อยเลย ยังจะหวังให้นางทำอย่างคนปกติทั่วไปอีกรึ
หวงจงคิดว่าคงเกิดเยียวยา เรื่องที่ควรบอกก็บอกไปชัดเจนแล้ว เขาเอ่ยต่อ “หนึ่งพันตำลึงนี้มอบให้คุณหนูใหญ่ เพื่อขอบคุณคุณหนูใหญ่ที่ดูแลคุณชายน้อย อีกอย่างด้านในยังมีเงินเดือนสิบตำลึงที่ต้องมอบให้คุณชายน้อยด้วย ภายหน้าเงินเดือนของจวนจะนำส่งให้คุณชายน้อยยี่สิบตำลึงทุกเดือน”
กู้เจียวส่งเสียงอืม “ทราบแล้ว ข้าจะเอาไปให้กู้เหยี่ยนเอง”
ตกค่ำ กู้เจียวกลับมาถึงบ้าน
กู้เหยี่ยนที่กำลังตักขี้ไก่อยู่ได้รับเงินเดือนสิบตำลึงที่ท่านโหวกู้มอบให้ เขาก็เท้าเอวหัวเราะขึ้นเสียงดังทันที!
“เจ้าเณรน้อย!”
เขาไปหาเสี่ยวจิ้งคงในสวนผักตรงลานหน้าบ้าน ก่อนจะยัดพลั่วกับบุ้งกี๋ใส่มือน้อยๆ ของเสี่ยวจิ้งคงอย่างลำพองใจ “พอแล้ว แต่นี้ต่อไปเจ้าตักขี้ไก่เองเลยนะ!”
เสี่ยวจิ้งคงขมวดคิ้วมองเขา “เจ้าจะอู้งานอีกแล้วรึ”
กู้เหยี่ยนเลิกคิ้วหัวเราะ ก่อนโน้มตัวลงยื่นแท่งเงินสองอันมาตรงหน้าเขา แล้วเอ่ยอย่างลำพองว่า “เห็นหรือยัง นี่คืออะไร”
เสี่ยวจิ้งคงปรายตามองเขา “เจ้าโง่หรือไร แค่นี้ก็ยังต้องเอามาถามข้าอีก!”
“ชิ” กู้เหยี่ยนโมโหจนจิ๊ปาก เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วมองเจ้าเณรน้อยพลางเอ่ย “ความหมายของข้าก็คือข้ามีเงินแล้วต่างหากล่ะ เงินที่ติดค้างเจ้าข้าสามารถคืนให้เจ้าได้แล้ว ต่อไปนี้ไม่ต้องมาทำงานใช้หนี้อีกแล้ว!”
“อย่างนั้นรึ” เสี่ยวจิ้งคงลากเสียงยาว ก่อนมองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
กู้เหยี่ยนแค่นหัวเราะเอ่ย “แน่นอนสิ! นี่มันเงินจริงๆ นะ ไม่เชื่อเจ้าก็ไปถามเจียวเจียวดูสิ!”
เด็กสี่ขวบทั่วไปจะไม่รู้คุณสมบัติเฉพาะของเงิน แต่ผู้เช่าตัวน้อยเริ่มเก็บค่าเช่ามากว่าครึ่งปีแล้ว สามสิบตำลึงต่อเดือน เขาจึงคุ้นเคยกับเงินไม่น้อย
“นี่มันสิบตำลึงนี่” เสี่ยวจิ้งคงเอ่ย
“ใช่ นี่สิบตำลึง!” กู้เหยี่ยนพยักหน้า
เสี่ยวจิ้งคงส่งเสียงอ๋อออกมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าติดเงินข้าเท่าใด”
ประโยคนี้ถามเสียจนกู้เหยี่ยนชะงัก
นั่นน่ะสิ เขาติดเงินเด็กนี่เท่าใดกันล่ะ
เสี่ยวจิ้งคงวางพลั่ววางบุ้งกี๋ลง แล้วล้วงเอาสมุดบัญชีเล่มน้อยออกมาจากอก เขาพลิกเปิดพลางเอ่ยกับกู้เหยี่ยนอย่างจริงจัง “เจ้ามายืมเงินข้าไปทั้งหมดห้าสิบตำลึง ดอกเบี้ยสามส่วน ซึ่งหมายความว่าดอกเบี้ยในทุกๆ เดือนคือหนึ่งตำลึงครึ่ง เจ้าติดหนี้ข้าเก้าเดือน ดอกเบี้ยทั้งหมดสิบสามตำลึงครึ่ง”
กู้เหยี่ยนปากอ้าตาค้าง “ตะ…แต่ข้าทำงานใช้มานานเพียงนี้ แล้วแบบนี้จะคิดอย่างไรล่ะ!”
เสี่ยวจิ้งคงส่ายหน้าอย่างจนใจ ก่อนคำนวณให้เขาอย่างละเอียดโดยไม่ได้ใช้ลูกคิด แต่คิดในใจไปเลย “เจ้ามีรายได้หลักสี่แหล่ง ทุกวันจะต้องให้อาหารไก่หนึ่งครั้ง เป็นเงินห้าทองแดง พาไก่ไปเดินเล่นวันละครั้ง เป็นเงินห้าทองแดง ทำความสะอาดขี้ไก่ทุกวัน เป็นเงินห้าทองแดง ชมข้าวันละครั้ง เป็นเงินสิบทองแดง”
กู้เหยี่ยนสีหน้ามึนงง “เหตุใดชมเจ้าจึงได้เงินเยอะเช่นนี้เล่า” เมื่อก่อนไม่ได้ติดใจอะไร วันนี้มาฟังดูดีๆ แล้วรู้สึกโดนรีดไถยิ่งนัก!
เสี่ยวจิ้งคงวางมาดตอบจริงจัง “นี่ก็เพราะข้ามีข้อดีมากมายน่ะสิ เจ้าก็จะได้หาเงินได้ง่ายหน่อย นี่ข้าคิดแทนเจ้าเลยนะ!”
กู้เหยี่ยนสีหน้า ‘ข้าเหมือนคนโง่หลอกง่ายหรือไร’
เสี่ยวจิ้งคง ในเรื่องวิชาความรู้เจ้าหลอกง่ายมากจริงๆ นี่นา!
เสี่ยวจิ้งคงกระแอมในลำคอ แล้วพลิกเปิดมาหนึ่งหน้า ก่อนมองตัวเลขในบัญชี แล้วเอ่ยต่อ “แต่ว่าเจ้าไม่ได้ชมข้ามาแปดเดือนแล้ว เจ้าชมข้าแค่เดือนเดียวเอง ทั้งหมดสามร้อยทองแดง เจ้าทำความสะอาดขี้ไก่หนึ่งร้อยครั้ง ห้าร้อยทองแดง พาไก่ไปเดินเล่นยี่สิบครั้ง หนึ่งร้อยทองแดง ป้อนอาหารไก่สามสิบห้าครั้ง หนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าทองแดง ทั้งหมดหนึ่งตำลึงกับเจ็ดสิบห้าทองแดง บวกกับสิบตำลึงในมือเจ้า ก็เป็นสิบเอ็ดตำลึงเจ็ดสิบห้าทองแดง”
เขาเอ่ยถึงตรงนี้ก็ปิดสมุดบัญชีน้อย แล้วทอดถอนใจเลียนแบบผู้ใหญ่ “ทั้งเนื้อทั้งตัวเจ้าน่ะยังไม่พอแม้แต่ดอกเบี้ยให้ข้าเลยด้วยซ้ำ”
กู้เหยี่ยนปากอ้าตาค้าง “นะ…นี่…”
เสี่ยวจิ้งคงเปิดอีกหนหนึ่ง “ข้ายังไม่ได้คิดที่เจ้าป้อนลูกเจี๊ยบข้าจนป่วยนะ หักหนึ่งร้อยทองแดง ว่าข้าว่าไม่น่ารัก หักห้าร้อยทองแดง!”
กู้เหยี่ยนโมโหทันที “เหตุใดจึงหักเยอะเช่นนี้เล่า!”
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ย “เสี่ยวปาแอบกินอาหารไก่สามครั้ง ไม่คิดเศษเจ้าแล้วกัน หักทั้งหมดสองร้อยทองแดงถ้วน”
กู้เหยี่ยนหันไปมองหมาหน้าโง่ตัวนั้นทันที
เสี่ยวปาฟุบกับพื้น ยกอุ้งเท้ามาปิดตา
มองไม่เห็น มองไม่เห็น มองไม่เห็น…
กู้เหยี่ยนโมโหจนตัวสั่น นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะแอบกินอาหารไก่! เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าตัวเองเป็นไก่น่ะ!
กู้เหยี่ยนกัดฟัน “ขะขะข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าไม่ได้จดตามใจเจ้า”
เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “ทุกครั้งที่ข้าจดบัญชีจะให้เจียวเจียวลงนามกำกับไว้ เจียวเจียวเป็นผู้ค้ำประกัน มีคำถามอะไรเจ้าก็ไปถามเจียวเจียวได้เลยนะ”
หนูน้อยกู้น้อยใจในความไม่เป็นธรรมยิ่ง
หนูน้อยกู้ไม่พูดด้วยแล้ว
เสี่ยวจิ้งคงเก็บสมุดบัญชีน้อยไว้ในอกตัวเองคืน แล้วก้มลงหยิบพลั่วน้อยกับบุ้งกี๋น้อยขึ้นจากพื้นมายัดใส่มือกู้เหยี่ยน แล้วตบกู้เหยี่ยนเบาๆ…
เดิมทีกะว่าจะตบลงบนบ่า เสียดายที่เขาเตี้ยเกินจึงตบไม่ถึง จึงต้องเปลี่ยนมาตบต้นขากู้เหยี่ยนแทน “เอาละ ยามนี้ก็ไปตักขี้ไก่ได้แล้ว พี่เหยี่ยนสู้ๆ นะ!”
หนูน้อยกู้ ฮือออ