สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 353-2 อบอุ่นหัวใจ (2)
บทที่ 353 อบอุ่นหัวใจ (2)
หลายวันมาแล้วที่กู้เจียวไม่ได้เข้าวังหลวง
ยามเซียวลิ่วหลังอยู่ที่บ้านก็แทบจะไม่เห็นเขาทำอะไร แต่พอเขาไม่อยู่ ทุกคนถึงได้รู้ซึ้งแล้วว่าเขาคือคนที่ลำบากที่สุดในเรือนหลังนี้
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่สอนเสริมให้กับเด็กชายสามคนก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว
เสี่ยวจิ้งคงก็ยังเป็นเจ้าหนูจำไม มีสารพัดเรื่องที่จะสงสัย กู้เหยี่ยนเองก็มีข้ออ้างสารพัดที่ไม่อยากเรียน ส่วนกู้เสี่ยวซุ่นเรียนอะไรก็ไม่เข้าหัว
จี้จิ่วอาวุโสเองก็อายุมากแล้ว หากต้องรับมือกันวันสองวันยังพอไหว แต่หากต้องต่อล้อต่อเถียงกันทุกวันแบบนี้ เขาเองนี่แลคงบ้าตายไปเสียก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ใช่ว่าจะมีเวลาว่างทุกวัน หากมีงานที่กั๋วจื่อเจียน หน้าที่การสอนหนังสือก็จะตกมาอยู่ที่กู้เจียว
ด้วยเหตุนี้ช่วงที่ผ่านมากู้เจียวจึงยุ่งมาก
วันนี้เสี่ยวจิ้งคงมีการบ้านวิชาลูกคิด กู้เจียวให้เขาหยิบลูกคิดทองคำออกมา “ลูกคิดเจ้าล่ะ ฉู่อวี้เอามาคืนเจ้าหรือยัง”
ดวงตาของเสี่ยวจิ้งคงล่อกแล่ก “คืนแล้ว แต่ว่า…ข้าให้พี่โจวโจวยืมไปน่ะ! เป็นเพื่อนกันก็ต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียม!”
ใช่ ต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เขานี่มันฉลาดจริงๆ!
กู้เจียวมองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงรึ”
เสี่ยวจิ้งคงพยักหน้ารัว “จริงสิๆ! ข้าไม่ได้เอาไปขาย”
กู้เจียวหรี่ตามองเขา
ทำการบ้านเสร็จแล้ว แต่อาหารเย็นยังไม่เสร็จ
กู้เจียวไปเก็บวัตถุยาที่ผึ่งแดดไว้ท้ายเรือน เสี่ยวจิ้งคงชะโงกศีรษะน้อยออกมาจากโถง “เจียวเจียว! ข้าไปเล่นกับจ้าวเสี่ยวเปานะ!”
พูดจบเขาก็วิ่งฉิวออกไปในทันที
จ้าวเสี่ยวเป่าอีกแล้ว
ช่วงนี้เจ้าหนูน้อยมักจะไปหาจ้าวเสี่ยวเปาอยู่บ่อยๆ เขากลายเป็นคนชอบเล่นกับเด็กที่อายุน้อยกว่าตัวเองตั้งแต่เมื่อใดกัน
กู้เจียวรู้สึกตงิดใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวางวัตถุดิบยาในมือลงแล้วเดินออกมาจากเรือน
นางเดินไปยังเรือนที่อยู่ติดกัน ท่านปู่จ้าวกำลังซ่อมเก้าอี้อยู่ที่ลานบ้าน พอเห็นนางเดินมาก็ยิ้มทักทาย “เจียวเจียวนี่เอง! เข้ามานั่งก่อนสิ!”
“ท่านปู่จ้าว” กู้เจียวเอ่ยทักทายอย่างนอบน้อม ก่อนจะเอ่ยถาม “จิ้งคงได้มาที่นี่หรือเปล่า”
“ไม่นี่” ท่านปู่จ้าวส่ายหน้า
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
กู้เจียวถามต่อ “แล้วเสี่ยวเป่าเล่า เขาอยู่หรือไม่”
ท่านปู่จ้าวตอบ “เสี่ยวเป่าไม่อยู่ ไปหาหู่เกอร์นู่นแหนะ”
หู่เกอร์คือหลานชายของท่านย่าโจว อยู่อีกฟากหนึ่งของตรอก
หรือว่าเสี่ยวจิ้งคงจะไปหาเสี่ยวเป่านี่นั่น
ท่านปู่จ้าวถาม “เสี่ยวจิ้งคงออกมาแล้วหรือ”
กู้เจียวเอ่ย “เจ้าค่ะ เขาบอกว่าจะมาหาเสี่ยวเป่า”
ท่านปู่จ้าวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะชี้ไปทางถนนฉังอาน “ช่วงนี้ข้าเห็นเจ้าหนูเดินไปทางนั้นหลายครั้ง ข้านึกว่าเจ้ารู้แล้วเสียอีก”
“เดี๋ยวข้าจะไปตามดู”
กู้เจียวเดินออกมาจากเรือนตระกูลจ้าว มุ่งหน้าไปยังถนนฉังอาน
ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กนี่ใจกล้าไม่เบา กล้าโกหกแถมยังออกจากตรอกไปอีก
กู้เจียวตั้งใจว่าจะไปจับตัวเจ้าตัวเล็ก ต่อให้เขาจะแก้ตัวหรือออดอ้อนอย่างไรก็จะลงโทษอย่างหนัก!
กู้เจียวมาถึงถนนฉังอาน ถนนสายนี้ครึกครื้นกว่าถนนเสวียนอู่ เพียงแต่พอมีสำนักบัณฑิตสตรีมาเปิดที่ถนนเสวียนอู่ก็เรียกลูกค้าได้มากขึ้น
ยามนี้ถนนทั้งสองสายแทบจะพลุกพล่านไม่ต่างกัน
กู้เจียวเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาด
กลิ่นนั้นเบาบาง หากไม่เข้าใกล้คงไม่อาจสัมผัสได้
คนผู้นั้นจับจ้องไปทางตรอกปี้สุ่ย
น้อยครั้งนักที่กู้เจียวจะเดินมาทางถนนสายนี้ แต่คราวก่อนที่กลับไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายนี้
นิ้วมือของกู้เจียวกระตุก ดินปืนลูกหนึ่งถูกดีดออกไป!
อีกฝ่ายคิดว่าเป็นอาวุธลับ จึงชักมีดออกมาป้องกัน ทว่ายามดินปืนกระทบกับคมมีดเสียงระเบิดก็ดังสนั่น!
“ไอ้หยา! นั่นมันอะไรน่ะ”
คนผู้นั้นไถลพรืดลงมาจากหลังคา
กู้เจียวก้าวเดินไปข้างหน้า ก่อนจะย่ำลงบนอกของอีกฝ่าย
คนผู้นั้นไม่ยอมแพ้ แม้จะโดนแรงระเบิดเข้าอย่างจัง แต่ก็ยังคงไม่ยอมลดละ เขากระเด้งตัวลุกยืนขึ้นราวกับปลาดิ้นทุรนทุราย หลบหลีกฝ่าเท้าของกู้เจียว
หลังจากนั้นก็เหวี่ยงมีดพุ่งเข้าหากู้เจียว!
อาวุธเหล็กเดียวกู้เจียวเคยใช้เมื่อชาติก่อนก็คือกริช หากจะใช้สิ่งนี้ทำร้ายนางละก็ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
กู้เจียวใช้เพียงฝ่ามือเดียวคว้าข้อมือเขาเอาไว้ ก่อนบิดพลิกไปอีกทาง ปัดมีดกริชในมืออีกฝ่ายให้ร่วงลงพื้น ตามด้วยจับมืออีกข้างไพล่หลังไว้ ดันร่างทั้งร่างของอีกฝ่ายให้แนบไปกับกำแพง
กู้เจียวจับมือทั้งสองเข้าของเขาไขว้หลัง ใบหน้าของเขาถูกกดใบบิดเบี้ยวไปกับกำแพงเย็นเฉียบ “เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ที่นี่”
เขาเอ่ยเสียงขุ่น “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
สิ้นเสียงของอีกฝ่าย วัตถุสีทองอร่ามก็ร่วงลงมาจากอกเสื้อของเขา ก่อนจะกระทบพื้นดิน หากนั่นไม่ใช่ลูกคิดทองคำของเสี่ยวจิ้งคงแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก
กู้เจียวหรี่ตามองอย่างเย็นชา “ที่แท้ลูกคิดทองคำถูกเจ้าปล้นเอาไปนี่เอง!”
อีกฝ่ายร้องตะโกน “จี้ปล้นอะไรกัน! ข้าไม่ได้ปล้น!”
กู้เจียวเอ่ยเสียงเยือกเย็น “หากไม่ได้ปล้น เช่นนั้นก็ขโมย”
อีกฝ่ายถอนหายใจอย่างเหลืออด “ไม่ได้ขโมยเช่นกัน!”
กู้เจียวออกแรง อีกฝ่ายสัมผัสได้ว่าเสียงกระดูกของตัวเองกำลังดังกรอบแกรบ จึงรีบเอ่ยขึ้นในทันใด “ซื้อ! ซื้อต่อมาจากคนอื่น! หากเจ้าชอบก็เอาไปเสีย! ไม่ได้มีราคาอะไรมากมาย!”
ลูกคิดทองคำยังไม่มีราคาอีกหรือ ร่ำรวยไม่เบานี่!
มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนผู้นี้มีวรยุทธ์ กู้เจียวกังวลว่าเขาจะทำร้ายเสี่ยวจิ้งคง หลอกซื้อมาจากเสี่ยวจิ้งคง ยิ่งคิดได้ดังนั้นก็ยิ่งไม่ออมแรง
ขณะที่นางกำลังจะหักกระดูกเขาอยู่รอมร่อ เขาโพล่งออกมา “หากเจ้าไม่เชื่อก็ถามเขาดู! ข้าซื้อมาจากเขา!”
กู้เจียวเหลียวกลับไปมอง เสี่ยวจิ้งคงเงยหน้าขึ้นมาพอดี
ดวงตาทั้งสองคู่สอดประสาน ร่างกายของเสี่ยวจิ้งคงสั่นสะท้าน
“จะ…เจียวเจียว” เขารีบซ่อนของที่อยู่ในมือไว้ข้างหลัง
สองมือของกู้เจียวกดร่างชายผู้นั้นอยู่ ไม่เหลือมือให้เก็บลูกคิดทองคำขึ้นมา จึงใช้สายตามองไปที่ลูกคิดทองคำบนพื้นพลางเอ่ย “หาลูกคิดของเจ้าเจอแล้ว รีบเก็บขึ้นมา”
ทว่าเสี่ยวจิ้งคงกลับยืนนิ่ง
เขาก้มหน้างุด
องครักษ์ชุดเทาเอ่ย “เจ้าหนู นั่นคือของที่ท่านชายของข้าซื้อมาจากเจ้า! เจ้าจำท่านชายของข้าได้หรือไม่ ชายที่ถือพัดสีขาวหยก สวมชุดสีขาวเสื้อคลุมผ้าโปร่งสีดำ”
สีหน้าของเสี่ยวจิ้งคงให้คำตอบกับกู้เจียวแล้ว
กู้เจียวคลายมือออก องครักษ์ชุดเทาทรุดลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด
หญิงสาวประสาอะไรกัน เหตุใดถึงแรงเยอะเช่นนี้
กู้เจียวเดินเข้าไปใกล้ ย่อตัวลงนั่งจ้องมองเสี่ยวจิ้งคงที่มือไม้อยู่ไม่สุกแล้วเอ่ยถาม “เหตุใดถึงต้องขายลูกคิดทองคำของตัวเอง”
เสี่ยวจิ้งคงก้มหน้า “ข้าอยากได้เงิน”
กู้เจียวมองเขา เอ่ยสีหน้าจริงจัง “หากเจ้าต้องการเงินก็บอกข้าได้ เงินของเจ้าอยู่ที่ข้า ข้าแค่ช่วยดูแลแทนเจ้า หากเจ้าต้องการใช้เมื่อใดก็บอกได้เสมอ”
กู้เจียวเห็นเขาไม่ตอบจึงถามต่อ “เจ้าต้องการเงินไปทำอะไรหรือ”
“ซื้อสิ่งนี้” เสี่ยวจิ้งคงยื่นห่อผ้าที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้นาง
ห่อผ้านั้นหนักไม่เบา ทั้งยังมีเสียงขลุกขลัก ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดบรรจุอยู่ภายใน
กู้เจียวรับห่อผ้ามา “ซื้อสิ่งนี้มาทำไมหรือ”
เสี่ยวจิ้งคงก้มหน้าเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม “ซื้อให้เจียวเจียว”
“ให้ข้าอย่างนั้นหรือ”
กู้เจียวเปิดดูด้วยความสงสัย ก่อนสีอาทิตย์อัสดงจะสะท้อนกระแทกสายตา
นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีชุดเจ้าสาวผืนใหม่เอี่ยมอยู่ภายในนั้น