สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 373 เจียวเจียวสวนกระแส (1)
บทที่ 373 เจียวเจียวสวนกระแส (1)
หงเอ๋อร์อะไรกัน น่ากลัวชะมัด!
ฮ่องเต้พลันขนลุกเกลียวในทันใด! ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแก่เกินไปที่จะล้มลง มีหวังคงได้ถูกโยนออกไปด้วยกันได้!
จวงไทเฮาเดินพุ่งตัวเข้ามายังห้องทรงอักษรของฮ่องเต้
โชคดีว่าที่ผ่านมานางใช้เวลาพักฟื้นกับกู้เจียวเป็นเวลาหลายปี ทำให้ร่างกายของนางแข็งแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่น่าทึ่งกว่าคือมีผมสีดำงอกออกมาใหม่ด้วย
นางนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม ยกขาขึ้นไขว่ห้าง และมองตรงไปที่ฮ่องเต้
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วกับท่าทางจอมอันธพาลของคนตรงหน้า “เสด็จแม่มาที่นี่มีธุระอันใดรึ”
“ก็ไม่มีธุระอะไรหรอก ข้าแค่อยากมาหาเจ้า!” จวงไทเฮานิ่งไป ก่อนจะนึกอะไรสนุกๆ ขึ้นได้ “ข้าแค่อยากมาหาหงเอ๋อร์ของข้า”
ฮ่องเต้ขนลุกซู่อีกครั้ง!
เพื่อให้การแสดงของตนเองแยบยลมากขึ้น จวงไทเฮาจึงต้องกำชับให้ฉินกงกงเฝ้าที่หน้าประตู
จวงไทเฮานั่งสั่นขาพลางจ้องคนตรงหน้าไปด้วย คิดเสียว่ากำลังจ้องไปที่ผลไม้เชื่อม
พอมองแบบนั้นก็ยิ่งทำให้สบายใจมากขึ้น
ฮ่องเต้คิดในใจ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
จวงไทเฮามองว่าตัวเองควรจะแสดงท่าทีเป็นห่วงผลไม้เชื่อม เอ้ย ไม่สิ หมายถึงบุตรชายของตัวเองบ้าง จึงทำหน้ายิ้มแย้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนให้ดู พลางเอ่ยถาม “กินข้าวแล้วหรือยัง หิวน้ำหรือไม่ หิวหรือไม่ หนาวไหม ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรบอกข้าได้เลยนะ”
ฮ่องเต้ “…”
ไม่เพียงเท่านี้ ไทเฮายังจัดแจง (บังคับ) ให้ฮ่องเต้เสวยอาหารกลางวัน แถมยังพากันออกไปเดินเล่นที่สวนหลวง (อย่างไม่เต็มใจ) เพื่อให้ทุกคนในวังเห็นอย่างแน่ชัดว่านางคือแม่ที่รักลูกจริงๆ
พอเสร็จทุกอย่าง จวงไทเฮาก็กลับไปที่ตำหนักเหรินโซ่ว
“เจียวเจียวเล่า” ไทเฮาถามฉินกงกง
“ออกไปนอกวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉินกงกงยิ้ม
สีหน้าของจวงไทเฮาเริ่มไม่สู้ดี “เดี๋ยวนะ แล้วผลไม้เชื่อมของข้าล่ะ”
ฉินกงกงหดคอลง “นางเอา เอาไปแล้วขอรับ…”
ไทเฮาพลันหน้าเขียว!
แต่กู้เจียวไม่ได้กลับไปที่โรงหมอทันทีหลังจากออกจากวัง เมื่อเร็วๆ นี้มีหมอคนใหม่เข้ามา นางจึงไม่ต้องไปโรงหมอทุกวันเหมือนเมื่อก่อน จึงมีเวลาทำงานของตัวเองมากขึ้น
กู้เจียวใช้ดินประสิวจนหมดแล้ว ตั้งใจว่าจะหาซื้อเพิ่ม แต่น่าเสียดายที่สิ่งนี้หาซื้อได้ยากยิ่งในตลาด
ขณะที่กู้เจียวเดินคอตกอยู่กลางถนน ทันใดนั้น
“แม่หนู!”
จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกเอ่ยรั้งนางเอาไว้
กู้เจียวชะงักไป นางเหลียวกลับมองด้วยความประหลาดไป ก่อนจะเห็นขอทานชราที่เล่นหมากรุกกับนางหลายต่อหลายหนกำลังวิ่งมาทางนี้
“ใช่แม่หนูจริงด้วย!” ขอทานยิ้มให้กู้เจียว “เมื่อกี้ข้ามองจากด้านหลัง ไม่แน่ใจว่าใช่เจ้าไหมเลยลองเรียกดู”
“ว่าแต่ ที่นี่ไม่ใช่ถนนหลิ่วซวี่นะ ท่านมาที่นี่ทำไมรึ” กู้เจียวถาม
หากจำไม่ผิด ขอทานชรามักจะทำงานอยู่ที่ถนนหลิ่วซวี่ ขณะที่ตรงนี้แทบจะใกล้ถึงถนนเสวียนอู่แล้ว
“แหม ข้าก็ไปเรื่อยๆ ของข้าน่ะ!” ขอทานชราเอ่ย
เขาถือชามเงินที่แตกบิ่นอยู่ในมือ แบกตะกร้าไว้บนหลังเหมือนของกู้เจียว เพียงแต่ตะกร้าของเขาดูขาดรุ่งริ่งกว่าหลายเท่า
“อ๋อ” กู้เจียวขานตอบ
“แม่หนู ทำไมไม่เห็นแวะมาเล่นหมากเลย”
“ข้ากำลังช่วยท่านประหยัดเงินอยู่ไม่ใช่หรือ” กู้เจียวเอ่ยอย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ
มุมปากของขอทานชราเริ่มกระตุก ทำอย่างกับว่าคนใจดำที่ขูดรีดเงินสิบสองตำลึงเมื่อคราวก่อนไม่ใช่เจ้าอย่างไรอย่างนั้น!
กู้เจียวเอ่ยต่อ “เช่นนั้นท่านก็เดินเล่นของท่านต่อเถิด ข้าไปก่อน”
ขออทานชรายักคงตื๊อ “โธ่ ไม่มาเล่นด้วยกันจริงๆ หรือ”
ขอทานคิดในใจ จะรั้งแม่หนูนี่ไว้ทำไมมันยากขนาดนี้เนี่ย
“ท่านมีเงินรึ” กู้เจียวเลิกคิ้วถาม
“ใจคอคิดแต่จะรีดไถเงินคนแก่รึไง!” ขอทานชราเท้าเอว
กู้เจียวพยักหน้า “อืม ใช่!”
ขอทาน “…”
จากนั้นขอทานชรายื่นตะกร้าอันผุพังกับชามเก่าๆ ให้กู้เจียว “เพิงของข้าอยู่ตรงนั้น เจ้าช่วยไปเฝ้าให้ที เดี๋ยวข้ากลับมา”
โอ้โห…เป็นแค่ขอทานมีเพิงกับเขาด้วยหรือนี่
ไม่ธรรมดา
พอขอทานส่งมอบหน้าที่เสร็จก็รีบเดินออกไป กู้เจียวเห็นว่าเขาเลี้ยวเข้าไปที่ซอยแรก ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านหมากรุก กู้เจียวเองก็เคยเข้าไปรักษานอกสถานที่แถวนั้น
กู้เจียวไม่พูดอะไรมาก เดินถือของของขอทานชราตรงเข้าไปที่เพิงแล้วนั่งยองลงสีหน้านิ่งเฉย
ร่างเล็กๆ ของเด็กสาวย่อลงที่นั่นพร้อมกับเรียงถ้วยเก่าๆ ไว้ตรงหน้า ดูแล้วช่างน่าสงสาร
กู้เจียวไม่ได้แต่งตัวเหมือนขอทาน แต่ยิ่งสูงส่ง ยิ่งดูน่าสงสาร สมัยนี้ใครๆ ก็อยากมีที่ยืนในสังคมกันทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวล้มละลายมีหรือจะปล่อยให้เด็กหญิงตัวเล็กๆ มานั่งขอเงินข้างถนนแบบนี้
ทุกสายตาบนถนนจับจ้องมาทางกู้เจียว
กู้เจียวไม่รู้ตัวเองว่ากำลังเป็นที่สนใจ และคิดไปว่าคงเป็นเพราะกระดานหมากรุกที่ดึงดูดคนให้หันมามอง
ขณะที่ในหัวของกู้เจียวกำลังคิดถึงกลยุทธ์ในการลงหมากอยู่นั้น
แกร๊ง!
เหรียญทองแดงถูกโยนลงในชาม
กู้เจียวไม่สนใจ ยังคงก้มหน้าก้มตาครุ่นคิด
แกร๊ง!
เหรียญทองแดงถูกโยนลงในชามดังขึ้นอีกครั้ง
กู้เจียวยังคงก้มหน้าก้มตาเหมือนเดิม
ในที่สุดนางก็เริ่มจับกลยุทธ์ได้แล้วว่าจะใช้ท่าไม้ตายอย่างไร
ให้ตายสิ ใครกันนะที่สร้างกระดานหมากรุกด่านนี้ขึ้นมา ทำไมถึงได้โหดเช่นนี้
ขณะที่กู้เจียวกำลังฉงนอยู่กับกระดานหมากรุก เหรียญทองแดงในถ้วยก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าขอทานชรามารู้เข้าว่ากู้เจียวที่แค่เข้ามานั่งเฝ้าแป๊บเดียวยังหาเงินได้มากกว่าเขาที่นั่งขอเงินทั้งวันแบบนี้ มีหวังได้กระอักเลือดแน่ๆ
“ท่านชาย ดูนั่นขอรับ!”
บนชั้นสองของโรงน้ำชา องครักษ์ชุดเทาผลักหน้าต่างออก โน้มร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาออกไปนอกหน้าต่าง แล้วชี้ไปทางกู้เจียว
ชายคนนั้นโน้มตัวออกมองไปทางนิ้วขององครักษ์ชุดเทา ก่อจะตบพัดของเขาแล้วเอ่ย “ก็แค่ขอทานมีอะไรน่าสนใจ”
องครักษ์ชุดเทารีบแย้ง “ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านชาย นั่นนางอย่างไรเล่าขอรับ!”
“นางไหน”
“นางผู้นั้นที่อยู่ด้วยกันกับเณรตัวเล็กๆ นั่นไงขอรับ!”
“คนที่โยนระเบิดลูกแก้วเพลิงดำใส่เจ้าน่ะรึ” ชายหนุ่มร้องทัก
“ใช่ขอรับ นางนั่นแหละ!” องครักษ์ชุดเทาตอบ แต่สักพักเขาก็ทำท่าเกาหัวอย่างอดสงสัยมิได้ “แต่แปลกจังขอรับ นางเป็นขอทานรึ”
ชายหนุ่มยิ้มมุกปาก “สงสัยต้องลงไปดูเสียหน่อย”
องครักษ์ชุดเทาคนนั้นจึงปิดหน้าต่าง แล้วเดินตามชายหนุ่ม
“เจ้าเดินตามข้ามาทำไม” ชายหนุ่มตะโกนถาม
องครักษ์ชุดเทา “ไหนท่านชายบอกว่าจะลงไปดูมิใช่หรือขอรับ”
ชายคนนั้นตะคอกอย่างเย็นชา “ข้าหมายถึงว่าข้าจะไปดูเอง ไม่ได้ให้เจ้าตามมา ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดอีกรึ”
องครักษ์ชุดเทาเบะปาก ก่อนเดินกลับไปในห้อง
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาวนวลดั่งพระจันทร์เสี้ยว คลุมด้วยผ้าโปร่งสีน้ำเงินเข้ม และคาดเข็มขัดหยกรอบเอว ดูหล่อเหลา สง่างาม อย่างไม่มีใครเทียบได้
เพิงขอทานของกู้เจียวมีคนแวะผ่านไปมาไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่ก็แค่เดินผ่านไป ไม่มีใครมาหยุดยืนแวะนาน
เมื่อแสงเหนือศีรษะของกู้เจียวหรี่ลง ตอนแรกกู้เจียวก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอแสงทั้งหมดถูกบังจนมืด กู้เจียวจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด
ใบหน้าหล่อเหลาและสง่างามปรากฏให้เห็น คิ้วและดวงตาที่ลึกมาก ดั้งจมูกสูงโด่ง ริมฝีปากสีอ่อน และมุมของริมฝีปากทำให้เกิดส่วนโค้งที่สวยงาม
พ่อหนุ่มคนนี้เป็นราชนิกุลหรืออย่างไร
ถึงได้หน้าตาดูดีมีสกุลรุนชาติเช่นนี้
ชายคนนั้นยิ้มขึ้น แล้วเอ่ยทัก “แม่นาง…”
“เจ้าบังแสงของข้า” กู้เจียวเอ่ย
ชายหนุ่ม “……”
พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาสนใจกระดานตรงหน้าต่อ
ชายคนนั้นแตะดั้งจมูกของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเหตุใดแม่หญิงคนนี้ถึงได้เมินเฉยขนาดนี้
ผมเขายุ่งเหยิงเกินไปรึ
หรือใบหน้าของเขามีอะไรติดอยู่อย่างนั้นรึ