สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 407-2 หลงอีลำเอียง (2)
บทที่ 407 หลงอีลำเอียง (2)
“แม่นาง ขนมเปี๊ยะได้แล้ว” เถ้าแก่เนี้ยะยิ้มบอกกู้เจียว
กู้เจียวเดินไปหา นางเหลียวกลับมาพลางเอ่ย “เสี่ยวซานจื่อ ไปเอากล่องอาหารมาให้ข้าหน่อย”
“ขอรับ!”
บนรถม้ามีกล่องอาหารสะอาดเอี่ยมอยู่ เสี่ยวซานจื่อเลิกม่านขึ้นหยิบกล่องอาหารลงมา
กู้เจียวยื่นขนมเปี๊ยะร้อนๆ ที่ใช้ใบไผ่ห่อให้แก่เขาอันหนึ่ง “เอาไปสิ”
เสี่ยวซานจื่อชะงัก “หา มีของข้าด้วยรึ”
กู้เจียวเอ่ย “กินตอนที่ยังร้อนๆ อยู่ล่ะ”
เสี่ยวซานจื่อหัวเราะตาหยี รับขนมเปี๊ยะมา “ขอบคุณแม่นางกู้ยิ่งนัก!”
กู้เจียวใส่ขนมเปี๊ยะลงกล่องเสร็จก็จ่ายเงิน
เสี่ยวซานจื่อกัดขนมเปี๊ยะร้อนๆ คำหนึ่ง เป่าปากฟู่ๆ พลางยื่นมืออีกข้างไปรับกล่องอาหารพลางเอ่ย “ข้าถือเอง”
เขาหิ้วกล่องอาหารขึ้นรถม้าไป
“แม่นางกู้ เจ้าก็กินสักอันตอนที่มันร้อนๆ สิ ตอนนี้กรอบอร่อยนัก พอเจ้ากลับถึงบ้านมันก็นิ่มหมดแล้ว”
“เอาสิ”
กู้เจียวขานรับ
“แล้ว….” เสี่ยวซานจื่อวางกล่องอาหารเสร็จ ก็หันหลังกระโดดลงจากรถม้า ทว่าเงาร่างของกู้เจียวหายไปแล้ว
เขาเดินจนทั่วรถม้า ดูแม้กระทั่งใต้ท้องรถ “เอ๋ นางล่ะ เถ้าแก่ พวกเจ้าเห็นแม่นางบ้านข้าหรือไม่”
เถ้าแก่เนี้ยะบอก “เมื่อครู่นี้ขึ้นรถม้าไปด้วยกันกับเจ้ามิใช่รึ”
“ไม่มีนี่” เสี่ยวซานจื่อเลิกม่านขึ้น ในรถม้าว่างเปล่าจริงๆ
ยามนี้เขาพลันแปลกใจขึ้นมา เมื่อครู่นี้ยังพูดกับตนอยู่แท้ๆ เหตุใดเพียงพริบตาเดียวก็หายไปแล้วเล่า
เขาปากอ้าตาค้างยืนงงอยู่กับที่ “ขะ…ข้าเจอผีเข้าแล้วรึ”
กู้เจียวก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเวลาแค่ซื้อขนมเปี๊ยะจะโดนคนลักพาตัวไปได้ อีกทั้งยังไม่มีใครเห็นด้วย ยังคงใช้แขนหนีบนางไว้ตรงบั้นเอว
ท่าทีคุ้นๆ เช่นนี้ กระบวนท่าคุ้นๆ เช่นนี้…
ความหวาดกลัวที่จะโดนหักดินสอพลันพุ่งพล่านขึ้นมาในใจนาง
กู้เจียวทำสีหน้าเย็นชา ตัดสินใจทิ้งภาพลักษณ์ ร้องตะโกนแหกปากไปตามถนน ทว่านางเพิ่งจะอ้าปากกลับแก้มบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปไปเพราะถูกลมแรงที่พัดมาหา…
กู้เจียวถูกหลงอีพามาไปยังถนนจูเชวี่ย
หลงอีไม่ต้องเข้าประตูหลัง และแน่นอนว่าไม่ต้องเข้าประตูหน้า เขาทะยานตัวลงมาจากหลังคาเข้าสู่เรือนขององค์หญิงซิ่นหยางไปเลย
กู้เจียวเห็นดอกตูมสีสันหลากสีในสวน ประตูแห่งความทรงจำก็พลันเปิดออก
นางเคยมาที่นี่
นี่เป็นคฤหาสน์หลังแรกหลังต้นส้ม นางคิดว่าฮูหยินบ้านนี้เป็นผู้ป่วยวัณโรคที่บัณฑิตสวี่บอก จึงได้เข้าไปรักษาให้นางโดยไม่ได้คิดเงิน
ถูกต้อง ไม่ได้คิดเงิน เพราะไม่มีใครจ่ายค่ารักษา
แปลกจริง เหตุใดหลงอีจึงพานางมาที่นี่เล่า
เพียงไม่นานนางก็ทราบสาเหตุ เพราะหลงอีพานางลงมาแล้ว นางก็เห็นองค์หญิงซิ่นหยางนั่งตัวตรงอยู่ในห้องทันที
ในตอนนี้กู้เจียวกระจ่างแจ้งทุกอย่างแล้ว
มิน่า ตอนที่พบองค์หญิงซิ่นหยางในวังนางจึงรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด ที่แท้ตนก็เคยพบนางมาก่อนจริงๆ
ถ้าอย่างนั้นวันนั้นที่ตนได้ยินเสียงสนทนาในหอสุราใกล้ๆ โรงประลองใต้ดินก็เป็นข้าหลวงหญิงคนนั้นสินะ
ข้าหลวงหญิงไปซื้อยากับหมอยาแคว้นเยี่ยนที่โรงประลองใต้ดิน ก็ซื้อมาให้องค์หญิงนี่เอง
แต่เพราะเหตุใดจึงเป็นยาบำรุงชั้นดีเล่า
หมอยาแคว้นเยี่ยนกระจอกเพียงนี้เชียวรึ แม้แต่ยาลูกกลอนที่คล้ายกับยารักษาโรคหัวใจก็ยังเอาออกมาขาย
แน่นอนว่ากู้เจียวไม่รู้ว่ายาบำรุงชั้นเยี่ยมขวดนั้นมีนามว่ายาลูกกลอนไป่ฮวา ไท่จื่อเฟยเป็นคนซื้อมาจากนักดาบแคว้นจ้าว
ยาลูกกลอนไป่ฮวาอันเป็นที่เรื่องลือในหมู่แวดวงใต้ดินนั้น แท้จริงกลับเป็นเพียงยาบำรุงเลือดลมชนิดหนึ่งเท่านั้น ประสิทธิภาพในการบำรุงร่างกายไม่ต้องพูดถึง แต่หากเอามาใช้รักษากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแล้วก็ยากที่จะรักษาได้
อวี้จิ่นเดินมาหน้าประตู แล้วทำท่าผายมือ “เชิญแม่นางกู้”
กู้เจียวเข้าไปในห้องอย่างใจเย็น
คุณหนูที่โตมาในชนบทคนหนึ่งแรกเริ่มถูกคนลักพาตัวบนถนน จากนั้นก็พบองค์หญิงของรัชสมัยนี้ นึกไม่ถึงว่ายังรักษาท่าทีใจเย็นไว้ได้เช่นนี้ หากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงตกใจกู้เจียวไปแล้ว
ทว่าพระพักตร์ขององค์หญิงซิ่นหยางยังคงสงบนิ่ง
ในมือนางถือข่าวซุบซิบที่นางเพิ่งจะได้มาจากโรงน้ำชาของชาวบ้านแล้วเอามาเขียนกับเศษกระดาษเอาไว้
นางวางเศษกระดาษลงบนโต๊ะทีละแผ่น
กู้เจียวกวาดตามองคร่าวๆ ล้วนเกี่ยวกับตนทั้งสิ้น
ดูท่าแล้วองค์หญิงซิ่นหยางกำลังสืบที่มาที่ไปของนาง
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเข้าตรงประเด็นทันที “ว่ามาสิ เหตุใดจึงเข้าใกล้ข้า” นางมองกู้เจียวแวบหนึ่ง ความน่าเกรงขามในแววตาเห็นได้ชัดเจนยิ่ง “ทางที่ดีเจ้าพูดความจริงมาดีกว่า ข้าความอดทนต่ำ อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้ไม้แข็งกับเจ้า”
เป็นองค์หญิงที่ใช้ไม้หนักเลยทีเดียว
กู้เจียวไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่เกรงกลัวใดๆ นางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าคิดว่าองค์หญิงคงเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้คิดจะเข้าใกล้ท่าน”
องค์หญิงซิ่นหยางเทยาเม็ดสีขาวในขวดกระเบื้องลงในถาดเปล่าสะอาดสะอ้าน “อย่างนั้นรึ แล้วยาขวดนี้มันหมายความว่าอย่างไร อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนเอามาใส่”
กู้เจียวไม่ได้ปฏิเสธ “ข้าเป็นคนเปลี่ยนยาด้านในจริง แต่ข้ายังคงยืนยันคำเดิม องค์หญิงทรงเข้าใจผิดแล้ว ข้าได้รับการไหว้วานให้มารักษาคนป่วยวัณโรคที่ถนนใหญ่จูเชวี่ย แต่ดันมาผิดบ้าน คิดว่าองค์หญิงเป็นคนป่วยคนนั้น”
องค์หญิงซิ่นหยางมองกู้เจียว ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้เป็นวัณโรค”
กู้เจียวเอ่ย “ข้าทราบ ยาที่ข้าให้ไปก็หาใช่ยารักษาวัณโรค ท่านเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อืม…โบราณเรียกว่าโรคหัวใจ น้องชายข้าก็เป็นโรคหัวใจเช่นกัน ท่านไม่ได้มีอาการร้ายแรงเท่ากับเขา หากตั้งใจกินยา ไม่กี่เดือนก็หายแล้ว”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ย “เจ้าเป็นคนแรกเลยที่บอกว่าโรคของข้าสามารถรักษาหายได้”
กู้เจียวเลิกคิ้วตอบ “ท่านก็เป็นคนแรกเลยที่ถูกข้ารักษาให้แท้ๆ แต่กลับเข้าใจผิดคิดว่าข้ามีเจตนาอื่น”
องค์หญิงซิ่นหยางแค่นเสียงเย็น “ปากคอเราะร้าย อย่าคิดว่าแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปเชียว เจ้าพูดจริงหรือไม่ข้าจะให้คนไปตรวจสอบดู”
“ก็ไปตรวจดูสิ” นางไม่ได้โกหกเสียหน่อย
เรื่องที่แม่นางซุนเป็นวัณโรคไม่ใช่ความลับอะไรในถนนใหญ่จูเชวี่ยอยู่แล้ว กู้เจียวไม่ได้บอกแม้แต่ว่าใครในครอบครัวนั้นเป็นวัณโรค คนรับใช้ขององค์หญิงซิ่นหยางก็ตรวจสอบมาได้แล้ว
อีกทั้งพวกเขาสืบหาไปตามเบาะแส ตรวจสอบครอบครัวบัณฑิตสวี่มาด้วยพร้อมสรรพ บัณฑิตสวี่ชอบพอกันกับลูกสาวแม่นางซุน ดังนั้นบัณฑิตสวี่จึงแอบเชิญหมอจากเมี่ยวโส่วถังมารักษาให้แม่นางซุน
สุดท้ายวันนี้บัณฑิตสวี่มาโวยวายที่เมี่ยวโส่วถัง บอกว่าหมอที่เมี่ยวโส่วถังไม่รักษาคำพูด เอาเงินค่ารักษาไปแล้วก็ไม่ไปรักษาให้
สุดท้ายพบว่าเขาบอกทางแก่หมอผิดไป
เขาจึงเชิญหมอคนนั้นไปรักษาที่บ้านแม่นางซุนอีกครั้ง ซ้ำยังทิ้งยาไว้ให้หลายอย่าง
ยาพวกนั้นหน้าตาไม่เหมือนกับยาทั่วไป แต่เหมือนกันกับยาโรคหัวใจขององค์หญิงซิ่นหยาง หมายความว่ามาจากหมอคนเดียวกัน
“เป็นอย่างไรเล่า ข้าไม่ได้โกหกกระมัง” กู้เจียวเอามือกอดอก ไม่มีใครยกเก้าอี้ให้นาง นางก็หาเก้าอี้มานั่งเอง
ค่อนข้าง…ทำตัวตามสบายเลยทีเดียว
อวี้จิ่นอยากจะหัวเราะ
สีหน้าองค์หญิงซิ่นหยางยังคงเย็นชา “ถือว่าเรื่องเปลี่ยนยาเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เจ้าเคยพบกับหลงอีมาก่อน เจ้ากลับโกหกข้าที่วังหลวง”
ฉลาดถึงเพียงนี้เชียวรึ
แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังเดาออก
กู้เจียวเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “หลักฐานล่ะ องค์หญิงปรักปรำข้าหนแรกไม่ได้แล้วจะมาปรักปรำข้าอีกหนไม่ได้นะ”
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงเย็น “หากเจ้าไม่เคยพบหลงอีมาก่อน ไม่เคยใช้แผนการใดกับหลงอี แล้วหลงอีจะปล่อยเจ้าเข้ามาได้อย่างไร”
กู้เจียวตั้งอกตั้งใจคิด “เพราะข้าน่ารักกระมัง”
องค์หญิงซิ่นหยาง “…”
อวี้จิ่นหลุดหัวเราะ
สีหน้าองค์หญิงซิ่นหยางเย็นชาขึ้นกว่าเดิม “อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูจวนติ้งอันโหว ซ้ำยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทกับไทเฮาแล้วข้าจะไม่กล้าลงมือด้วยนะ อวี้จิ่น ไปเอาแส้มา”
อวี้จิ่นอ้าปากค้างราวกับคิดจะปราม “องค์หญิง…”
“ไปเอามา” องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
อวี้จิ่นถอนหายใจอย่างเสียดาย นางไปหยิบแส้ทองคำขององค์หญิงซิ่นหยางมาจากในห้องหนังสือ
องค์หญิงซิ่นหยางเอ่ยเสียงน้ำเย็นชา “แส้ทองคำนี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนพระราชทานให้ ต่อให้เป็นองค์ชายก็โบยได้ ได้โบยเจ้านับว่าเป็นการให้เกียรติแล้ว”
กู้เจียว เช่นนั้นข้าจะสู้กลับ!
แต่ใครจะไปคิดว่าแส้ขององค์หญิงซิ่นหยางยังไม่ทันมีโอกาสออกโรง หลงอีก็เร้นกายเข้ามาขวางไว้ ให้กู้เจียวอยู่ด้านหลังตน
องค์หญิงซิ่นหยางคิดไม่ถึงว่าเพื่อกู้เจียวแล้วหลงอีจะเป็นถึงขั้นนี้ นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นแววตาก็ลุ่มลึกขึ้น “เจ้าถอยไป”
หลงอีไม่ถอย
อันที่จริงองค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้จะโบยกู้เจียวจริงๆ หรอก นางไม่ได้โหดร้ายถึงเพียงนั้น นางเพียงแค่อยากจะขู่กู้เจียวเท่านั้น ให้กู้เจียวเชื่อฟังเสียหน่อย
ทว่าหลงอีคิดเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเสียนี่
ฉากนี้มันคุ้นๆ นะ
‘เจ้าหลีกไป!’
ปีศาจน้อยจอมป่วนบางตนที่หลบอยู่หลังหลงอี ‘หลงอีเจ้าอย่าหลีกนะ! แม่ข้าจะตีข้า!’
‘หลงอี หากเจ้ายังไม่หลีก ข้าจะฟาดทั้งเจ้าไปด้วยนะ!’
‘หลงอีเจ้ารีบพาข้าหนีเร็ว! แม่ข้าหายโกรธแล้วค่อยพาข้ากลับมา!’
ภาพที่ฝังลึกในความทรงจำของนางทิ่มแทงเข้ามาในหัวดุจสว่าน แส้ในมือองค์หญิงซิ่นหยางตกลงพื้น