สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 408 มาหาถึงที่ (1)
บทที่ 408 มาหาถึงที่ (1)
องค์หญิงซิ่นหยางเป็นลมสลบไปโดยไม่ได้มีสันญาณอะไรบ่งบอกมาก่อนเลย
บ่าวรับใช้ภายในเรือนกลับไม่ได้ลนลานเพราะเป็นห่วงและตื่นตระหนก ในทางตรงกันข้ามแต่ละคนกลับจัดการงานของตัวเองอย่างเป็นระเบียบตามคำสั่งของอวี้จิ่น
องค์หญิงซิ่นหยางถูกอวี้จิ่นอุ้มมาบนเตียง
กู้เจียวมองไม่ออกเลยว่าอวี้จิ่นที่ดูอ่อนแอจะมีพละกำลังเพียงนี้ แต่อย่างไรเสียอวี้จิ่นก็ไม่ใช่คนมีวรยุทธ์ติดกาย ยามนี้จึงต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของนางแล้ว
นางหอบแฮกอย่างหมดสภาพครู่หนึ่ง หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมา
“ใต้เท้าอวี้จิ่น บ่าวจะไปตามหมอนะเจ้าคะ” สาวใช้คนหนึ่งมาบอก
อวี้จิ่นพยักหน้า เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วส่ายหน้า
จากนั้นนางก็มองไปยังกู้เจียวที่ยังไม่อาศัยจังหวะชุลมุนเผ่นไป จดจ้องพลางถาม “หมอกู้ ข้าเชื่อเจ้าได้หรือไม่”
…
ยามพลบค่ำ
เซียวลิ่วหลังสะสางงานตลอดทั้งวันเสร็จสิ้นก็ออกมาจากสำนักฮั่นหลิน มองปราดเดียวก็เห็นเสี่ยวซานจื่อเดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนรนตรงหน้าประตู
เสี่ยวซานจื่อเป็นคนขับรถของโรงหมอ มักจะตามกู้เจียวไปออกตรวจด้วย
เซียวลิ่วหลังมองไปด้านหลังเสี่ยวซานจื่อตามสัญชาตญาณทันที เห็นเพียงรถม้าอันเงียบงันคันหนึ่ง ผ้าม่านปิดไว้สนิท แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่ากู้เจียวไม่ได้อยู่บนรถม้า
“เสี่ยวซานจื่อ เป็นอะไรไป” เซียวลิ่วหลังเดินไปหา ก่อนจะถาม
เสี่ยวซานจื่อได้ยินเสียงเซียวลิ่วหลังก็หันมาหาทันที เขาเอ่ยด้วยสีหน้าวิตก “ท่านพี่เซียว แม่นางกู้หายตัวไปแล้ว!”
เซียวลิ่วหลังขมวดคิ้ว “หายไปตั้งแต่เมื่อใด หายไปตรงไหน”
เสี่ยวซานจื่อร้อนใจจะแย่แล้ว “มะ…เมื่อครู่…”
เซียวลิ่วหลังปลอบ “เจ้าใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ พูด”
เสี่ยวซานจื่อก็รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ได้ ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นคนติดตามแม่นางกู้ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เขาต้องใจเย็นๆ ต้องใจเย็นๆ…
เสี่ยวซานจื่อปรับอารมณ์ให้สงบ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหน้าร้านให้ฟัง
เซียวลิ่วหลังขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าหมายความว่าจู่ๆ นางก็หายตัวไปรึ”
เสี่ยวซานจื่อตอบ “ก็ใช่น่ะสิขอรับ มือหนึ่งข้าถือขนมเปี๊ยะไว้ อีกมือหิ้วกล่องอาหาร ยังพูดกับนางอยู่เลยว่าต้องกินตอนร้อนๆ มิฉะนั้นอีกเดี๋ยวจะนิ่มเอา ไม่กรอบแล้ว นางยังขานรับข้าอยู่เลย แต่พอหันไปอีกทีนางก็หายไปแล้ว! ไม่ใช่…ข้าหมายความว่าไม่เห็นนางแล้ว! ข้าถามคนทำขนมสองคนนั้น พวกนางก็ไม่เห็น! ข้าจึงหารอบๆ…แต่ข้าหาจนทั่วถนนสายนี้แล้วก็ยังหาไม่เจอ…”
เซียวลิ่วหลังไปจุดเกิดเหตุ
“ตอนนั้นรถม้าเจ้าจอดตรงไหน” เขาถามเสี่ยวซานจื่อ
เสี่ยวซานจื่อหาจุดที่อยู่ห่างจากร้านราวๆ ครึ่งจั้ง เปรียบเทียบพลางเอ่ย “ตรงนี้! ม้ายืนอยู่ตรงนี้ ห้องโดยสารอยู่ตรงนี้!”
หลังจากที่ร้านนี้ทำขนมให้กู้เจียวเสร็จก็ของหมดพอดีจึงปิดร้าน ไม่มีลูกค้ามาซื้ออีก
เซียวลิ่วหลังเดินกลับไปกลับมาที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด จู่ๆ ก็นั่งยองลงไปหยิบดินสอที่หักขึ้นมา
ดินสอไม่ใช่เครื่องเขียนที่เขียนดีเท่าใดนัก คนทั่วไปไม่ใช้กันแล้ว แต่กู้เจียวนั้นชอบใช้มาก กระเป๋าที่ท่านย่าส่งมาให้นางมีชั้นซับในของไส้ดินสอถ่านโดยเฉพาะ ถ้าสกปรกก็เอาออกมาซักได้
ยามปกตินางจะใส่ไว้ในนั้นอันสองอัน
แต่ดินสอถ่านในมือเซียวลิ่วหลังไม่ใช่ดินสอถ่านที่กู้เจียวใช้ประจำ
ดินสอถ่านของนางเหลาแล้ว จึงมีเนื้ออ่อนนุ่ม
ดินสอถ่านชนิดนี้เป็นดินสอที่ใช้เฉพาะคนบางคน เขาเคยเห็นแค่ที่เดียวเท่านั้น
…
ณ คฤหาสน์ในถนนจูเชวี่ย องค์หญิงซิ่นหยางค่อยๆ ลืมตาขึ้น
อวี้จิ่นเฝ้านางอยู่ตลอด เห็นนางลืมตาขึ้นก็ยิ้มจางพลางเอ่ย “องค์หญิง ท่านฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ”
องค์หญิงซิ่นหยางไม่ได้เป็นลมคราแรกแล้ว แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ฟื้นมารู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้ ทั้งไม่วินเวียน และไม่ปวดเมื่อยตามร่างกาย ราวกับนอนหลับไปเท่านั้น
อวี้จิ่นมองสีหน้านางก็รู้ว่านางฟื้นฟูดีกว่าแต่ก่อน จึงยิ้มเอ่ย “องค์หญิง เมื่อครู่นี้เป็นลมไป หมอกู้เป็นคนฝังเข็มรักษาให้องค์หญิง”
นางเล่าพลางลุกขึ้นยืน แล้วถอยหลังคำนับให้ “หม่อมฉันบังอาจตัดสินใจเอาเอง ขอองค์หญิงโปรดลงโทษด้วย”
องค์หญิงซิ่นหยางมองนางอย่างจนปัญญา “เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าไม่มีทางลงโทษเจ้า”
อวี้จิ่นแย้มยิ้มออกมา
องค์หญิงซิ่นหยางถาม “เด็กคนนั้นล่ะ”
อวี้จิ่นหันกลับมามองพลางเอ่ย “อยู่ที่ลานด้านนอกเพคะ”
ในลานบ้านที่มีดอกไม้สีสันสวยสดงดงามนี้ ใต้ต้นไม้ใหญ่กิ่งก้านใบอุดมสมบูรณ์ต้นหนึ่ง คนบางคนถูกบังคับให้เปิดกิจการหักดินสออีกแล้ว ใบหน้าดวงน้อยบึ้งตึงยิ่งนัก
“เจ้าว่ายอดฝีมืออย่างเจ้า เป็นถึงองครักษ์หลงอิ่งแห่งแคว้นเจา ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดบนผืนแผ่นดินนี้ เหตุใดจึงชอบให้คนอื่นตบหน้าเจ้านัก”
กู้เจียวพร่ำบ่น ไม่ลืมหักดินสอไปด้วย
จากนั้นนางก็รู้สึกว่าปรมาจารย์ท่านนี้อารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว!
น่าฉงนนัก
เมื่อองค์หญิงซิ่นหยางเดินออกมาโดยมีอวี้จิ่นคอยพยุงไว้ สิ่งที่เห็นก็คือคนตัวโตคนหนึ่งกับคนตัวเล็กอีกคนนั่งยองกับพื้นหักดินสออยู่
เมื่อครู่อวี้จิ่นมัวแต่เฝ้าอยู่ข้างเตียงองค์หญิงซิ่นหยาง จึงไม่รู้ว่าที่แท้พวกเขาสองคนจะทำแบบนี้ อวี้จิ่นเป็นอีกครั้งที่กลั้นไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา
“องค์หญิง” นางเอ่ย “หลงอีไม่มีคนเล่นด้วยมานานแล้ว คราก่อนที่เป็นแบบนี้ก็เป็นตอนที่ท่านโหวน้อย…”
องค์หญิงซิ่นหยางขัดนาง “อวี้จิ่น เขาตายไปแล้ว ต่อไปนี้อย่าได้พูดถึงเขาอีก”
อวี้จิ่นหลบตาลง “…เพคะ”
กู้เจียวหักดินสออย่างหมดอาลัยตายอยาก จนกระทั่งท้องนางร้องโครกครากจึงได้ปิดกิจการวันนี้ลง
อวี้จิ่นรั้งให้กู้เจียวกินข้าวที่นี่ แต่กู้เจียวปฏิเสธ
จู่ๆ นางก็หายตัวไปนานเพียงนี้ เสี่ยวซานจื่อคงร้อนใจแย่แล้ว ไม่แน่ว่าเซียวลิ่วหลังอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่านางหายตัวไป นางต้องรีบกลับไป
เห็นแก่เห็ดหลินจือพันปีหรอกนะ นางจึงไม่คิดค่ารักษา แต่อวี้จิ่นก็ยืนกรานจะให้ นางจึงรับไว้
คิดเป็นค่าเหนื่อยหักดินสอตลอดทั้งเย็นก็แล้วกัน!
กู้เจียวยัดตั๋วเงินร้อยตำลึงนั่นใส่กระเป๋า
เทียบกับเซวียนผิงโหวที่ให้นางมาแค่เหรียญทองแดงเหรียญเดียวแล้ว องค์หญิงซิ่นหยางช่างมือใหญ่ใจโตนัก
ขามากู้เจียวถูกหลงอีพาตัวมา ยามนี้จะให้หลงอีหิ้วนางกลับไปไม่ได้
อวี้จิ่นจึงให้คนเตรียมรถม้าให้อย่างใส่ใจ
“ข้าไปส่งเจ้าเอง”
นางเพิ่งจะเอ่ยขึ้น สาวใช้คนหนึ่งก็สาวเท้าก้าวสั้นๆ มาหา “ใต้เท้าอวี้จิ่น เหมือนว่าดอกโบตั๋นนั่นจะตายเสียแล้ว”
“กิ่งไหนรึ” อวี้จิ่นถาม
“กิ่งที่องค์หญิงโปรดปรานที่สุด” สาวใช้บอก
กู้เจียวเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจ “ใต้เท้าอวี้จิ่นไปดูแลโบตั๋นเถอะ ไม่ต้องส่งข้าหรอก”
ดูแลดอกโบตั๋นไม่ใช่เรื่องรีบร้อนที่ต้องทำเดี๋ยวนี้หรอก แต่อวี้จิ่นมองออกว่ากู้เจียวไม่ชอบพิธีรีตองพวกนี้ นางจึงแย้มยิ้มเอ่ย “ก็ได้ เช่นนั้นแม่นางกลับดีๆ ล่ะ รถม้าอยู่หน้าประตูแล้ว แม่นางอยากไปที่ใดก็บอกคนขับรถได้เลย”
“อืม” กู้เจียวขานรับ นางบอกลาอวี้จิ่นที่เดินมาส่งตรงประตูหน้าของวัง
ประตูใหญ่แง้มเปิดเข้าด้านในไว้น้อยๆ
ในขณะที่กู้เจียวดึงประตูเปิดออกก็เห็นเซียวลิ่วหลังกำลังยกมือจะเคาะประตูพอดี
ทั้งสองจึงชะงักไปพร้อมกัน
กู้เจียวคิดไม่ถึงว่าเขาจะหาที่นี่เจอ เซียวลิ่วหลังคิดไม่ถึงว่าประตูจะเปิดเอง แล้วกู้เจียวจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ในเวลานี้
“เจ้าไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง”
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
เซียวลิ่วหลังยังหอบแฮก หน้าผากเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เห็นชัดเลยว่าเขารีบร้อนมาตลอดทางอย่างยากลำบากเพียงใด
เขามองดูวังที่อยู่ด้านหลังของกู้เจียว
กู้เจียวแววตาขยับไหว ก้าวข้ามธรณีประตูออกมา แล้วงับประตูปิด “พวกเราไปกันเถอะ”
อวี้จิ่นได้ยินเสียงชายแปลกหน้า นางไม่ค่อยวางใจ จึงเดินมามองดูแวบหนึ่ง แต่กู้เจียวกลับจากไปพร้อมกับเซียวลิ่วหลังแล้ว
อวี้จิ่นถามคนขับรถ “ท่านหมอกู้เล่า”
คนขับรถตอบ “เมื่อครู่นี้มีคนมาหานาง นางจึงกลับไปกับเขาแล้ว”
มีคนมาหานางอย่างนั้นรึ
นางถูกลักพาตัวมา ผู้ใดกันที่สามารถเดาได้ว่าหลงอีจะลักพาตัวนางมาที่นี่
อวี้จิ่นคิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ออก นางเดินตามไปสองสามก้าวด้วยความฉงน จนถึงมุมเลี้ยวของถนนใหญ่จูเชวี่ย กลับเห็นเพียงรถม้าเคลื่อนเข้าสู่ราตรีอันมืดมิด