สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 437 หาเรื่อง
บทที่ 437 หาเรื่อง
ภายในหัวใจของเขารู้สึกราวกับถูกบีบอัดอย่างรุนแรง เขามองนางด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนด้วยความไม่เชื่อ
เหตุใด
ต้องทำดีกับเขา
เขาไม่คู่ควรกับสิ่งนี้
กู้เจียวยังคงตัดฟืนแล้วเอ่ย “ข้าต้มน้ำร้อนแล้ว เจ้าไปล้างตัวและนอนเถอะ เดี๋ยวข้าจะทำให้เสร็จเร็วๆ ”
ทันทีที่พูดจบ กู้เจียววางเลื่อยลงแล้วเอ้ย “เดี๋ยวข้าไปตักน้ำเอง”
ทันใดนั้น เซียวลิ่วหลังคว้าแขนของนางและมองด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ “เจียวเจียว”
“หืม”
“อย่าดีกับข้าขนาดนี้เลย”
เพราะมันทำให้เขาตัดใจลำบาก
ถ้าวันหนึ่งนางเสียใจ เขาอาจจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางอยู่เคียงข้างเขา
เขาไม่ใช่คนไร้พิษภัยอย่างที่นางคิดหรอก
กู้เจียวสบตาที่ซับซ้อนของเขาและพูดอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าก็ดีกับข้ามากเช่นกัน”
สิ้นประโยค ภายในใจของเขาก็พลันยุ่งเหยิง
เขาหายใจเข้าลึกๆ ยกมือขึ้นช้าๆ และแตะแก้มของนางเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว “เด็กโง่ แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ”
กู้เจียวคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับความเป็นไปได้นี้ จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ข้าไม่เสียใจหรอก… อย่างดีก็แค่หย่ากับเจ้าก็เท่านั้นเอง”
เซียวลิ่วหลัง “…”
ไม่เห็นจะปลอบโยนตรงไหน
เซียวลิ่วหลังจ้องคนตรงหน้าอยู่พัก ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“เจ้าขำอะไร” กู้เจียวทำหน้างง
“ขำเจ้ายังไงล่ะ” เขาตอบนางตามตรง
เดิมทีเขาต้องรู้สึกเศร้า แต่พอเจอนางขัดจังหวะเขา ก็พลันไม่รู้สึกหดหู่อีกต่อไป
เซียวลิ่วหลังหัวเราะอย่างอดไม่ได้ พลางบีบแก้มยุ้ยของนาง “เจ้านี่นะ ทำลายบรรยากาศแบบนี้ได้อย่างไร”
กู้เจียวไม่เข้าใจว่าตัวเองทำลายบรรยากาศตั้งแต่เมื่อไหร่ และมองหน้าเขาอย่างฉงน
เขารู้สึกขบขันกับท่าทีเล็กๆ น้อยๆ ของนาง ก่อนจะค่อยๆ วางมือข้างหนึ่งไว้ที่หลังคอของนางแล้วช้อนขึ้น ก่อนจะก้มลงมาใกล้ๆ ที่ใบหน้าของนาง
กู้เจียวนึกในใจ นี่เขา…จะจูบรึ
นางค่อยๆ หลับตาลง
อย่างไรก็ตาม หลังจากรอเป็นเวลานาน นอกจากจะไร้ซึ่งจูบของเขา กลับกัน กู้เจียวกลับได้ยินเสียงหัวเราะอู้อี้อยู่ในหู
นางลืมตาขึ้น ก็เห็นคนตรงหน้ากำลังถือเศษขี้เลื่อยด้วยปลายนิ้ว พลางทำหน้าอมยิ้ม “เจ้านี่ติดอยู่บนหัวเจ้าน่ะ”
กู้เจียวทำหน้าบึ้ง “อ้อ”
เซียวลิ่วหลังเข้าใจว่านางต้องการอะไร เขาเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะยามค่ำคืนหรือแม้แต่ในฝันเขาคิดถึงแต่นาง เขาปรารถนาที่จะโอบกอดนางไว้ไม่ให้ไปไหนเฉกเช่นในฝัน
แต่เขาทำเช่นนั้นกับนางไม่ได้
นางเพิ่งรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา ยังไม่เข้าใจหรอกว่าบุตรของหญิงไพร่นั้นมันหมายถึงอะไร
ไม่ว่านางจะเสียใจหรือไม่ เขาจะให้เวลากับนาง
แต่คงไม่นานเกินไปหรอก
….
ไม่กี่วันถัดมา เซียวลิ่วหลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอยู่ที่เรือนตรอกปี้สุ่ย ส่วนกู้เจียวเองก็เริ่มสืบหาผู้อยู่เบื้องหลังเหตุครั้งนี้
สี่วันถัดมา หยวนถังก็ได้มาเยือนที่โรงหมอ
กู้เจียวนึกว่าเขามาที่นี่เพื่อรับยาให้หลิ่วอีเซิง แผลที่นิ้วของเขาเชื่อมกันดีและดึงไหมออกแล้ว แต่ยังต้องใช้ยาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับมาแข็งแรง
“สิบตำลึง” กู้เจียวแจ้งราคา
หยวนถังถึงกับทำท่าตะลึง “นี่เจ้า เหตุใดยาของเจ้าถึงได้แพงเช่นนี้! ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะจ่ายไหวได้อย่างไร”
กู้เจียวเอ่ยเสียงเรียบ “ก็เจ้าเป็นคนซื้อมิใช่รึ ลูกพี่ลูกน้องเจ้าไม่ได้มาซื้อนี่นา”
หยวนถังย้อนถาม “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
กู้เจียวตอบ “คนมาซื้อไม่เหมือนกัน ข้าก็ขายให้ราคาไม่เท่ากันน่ะสิ”
หยวนถัง “…เจ้ามันหัวหมอยิ่งนัก”
สุดท้ายหยวนถังก็ควักเงินสิบตำลึงออกมา
กู้เจียวรับเงินเสร็จ และเห็นว่าเขายังไม่เดินออกไป “มีอะไรอีกรึ ถ้าคิดจะขายข่าวให้ข้าละก็ ยอมแพ้เสียเถอะ”
“นี่เจ้าเป็นพยาธิในตัวข้ารึยังไงกัน ถึงได้รู้ว่าข้ากำลังจะพูดอะไร”
เฮอะ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
กู้เจียวนั่งลงบนเก้าอี้และจดจ่ออยู่กับการคัดแยกรายชื่อคนไข้ของวันนี้
ลืมมันไปเถอะ เขาแค่อยากแกล้งนางเท่านั้น เอาคืนที่นางคิดเงินเขาเกิน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่พูดธุระอะไรเลย
หยวนถังสะบัดพัดคู่ใจออก พลางเอ่ยอย่างถ้อยที “ได้ข่าวว่าสามีของเจ้าหายตัวไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือใคร”
“ใครรึ” กู้เจียวเอ่ยถาม
หยวนถังยิ้มมุมปากหนึ่งที พลางตอบ “หนิงอ๋องน่ะสิ”
กู้เจียวไม่แปลกใจที่ได้ยินคำตอบนี้ พอเก็บเล่มรายชื่อเสร็จก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามเขา “เจ้า แน่ใจรึ”
หยวนถังแลบลิ้นแล้วชูสามนิ้ว “ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ในฐานะว่าที่ไท่จื่อแห่งแคว้นเฉิน คำตอบนี้ไม่มีผิดเพี้ยนและไม่มีการหลอกลวงอย่างแน่นอน! แต่ว่า—”
เขาวางมือที่สาบานลง และยกด้ามพัดตบเข้าที่ฝ่ามือ “หนิงอ๋องสายเลือดเดียวกับจวงไทเฮาไม่ใช่หรือ ทำไมเขาถึงจับสามีของเจ้าล่ะ หรือเขากำลังแก้แค้นเจ้าที่ฆ่าลูกน้องฝีมือดีของเขาไปหลายคน แม้ว่าข้าคือคนที่พวกมันหมายหัว แต่เจ้ากลับช่วยข้าไว้ ก็เลยอยากแก้แค้นเจ้าอย่างนั้นรึ”
เรื่องที่หนิงอ๋องแค้นไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่เป็นตอนหลังจากที่นางไปหาหนิงอ๋องเฟยต่างหาก
แต่ต่อให้เป็นเรื่องนั้น เขาก็ไปเผาโณงเก็บยาของนางแล้วนี่นา
ต่อมานางก็เข้าไปขโมยคลังสมบัติของเขา
ว่ากันด้วยเหตุผลแล้ว คนอย่างหนิงอ๋องไม่น่าจะถึงขั้นแตะต้องเซียวลิ่วหลังเพียงเพราะทองของเขาถูกขโมยไปหรอก
จู่ๆ กู้เจียวพลันนึกถึงสีหน้าละอายใจของไท่จื่อเฟยขึ้นมา
ไท่จื่อเฟยเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่ๆ
หรือว่า
ไท่จื่อเฟยรู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียวลิ่วหลัง จากนั้นเอาไปบอกกับหนิงอ๋อง
หนิงอ๋องไม่แตะต้องเซียวลิ่วหลังไม่เท่ากับจะไม่แตะต้องเซียวเหิง
ไท่จื่อเฟยเคยเป็นคู่หมั้นของเซียวเหิง และทั้งสองก็เติบโตขึ้นเป็นคู่รักในวัยเด็ก หากหนิงอ๋องเข้าใจผิดว่าไท่จื่อเฟยยังคิดถึงเซียวเหิง ด้วยนิสัยของหนิงอ๋องแล้ว ย่อมคิดอาฆาตเซียวเหิงอย่างแน่นอน
เดี๋ยวก่อนนะ
ฆ่าเซียวเหิงอย่างนั้นรึ
มีบางอย่างแวบเข้ามาในความคิดของกู้เจียว แต่กลับหายไป
“ท่านหมอกู้ เหม่ออะไรอยู่รึ” เสียงทักของหยวนถังหยุดความคิดของนางลง
“ข้ากำลังคิด”
“ไอ้หยา! ไหม้แล้ว ไหม้แล้ว!” เสียงของหมอผู้ช่วยดังขึ้น
กู้เจียวลุกขึ้นยืน หยวนถังเปิดประตูให้นาง และพวกเขาก็เดินออกไป
กลายเป็นว่าผู้ช่วยหมอคนหนึ่งบังเอิญทำที่จุดไฟตกลงไปในขวดยาฆ่าเชื้อ ภายในขวดจึงเกิดลุกเป็นไฟ
พอเห็นดังนั้น หยวนถังรีบไปหยิบขวดที่ไหม้แล้วนำไปวางไว้ที่พื้นที่เปิดโล่ง
พอได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ความคิดที่หายไปในตอนแรกของกู้เจียวก็กลับมาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
ใช่แล้ว
ไฟ
เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อสี่ปีก่อน!
บางทีคนที่วางเพลิงจะไม่ใช่องค์หญิง แต่เป็นหนิงอ๋อง
แค่ว่าเซียวลิ่วหลังอาจเข้าใจเขาผิดด้วยเหตุผลบางอย่าง เลยคิดว่าเป็นฝีมือขององค์หญิง
หากเป็นฝีมือหนิงอ๋องจริงๆ ดูเหมือนปมนี้จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว
ที่ครั้งนี้หนิงอ๋องลักพัวเซียวลิ่วหลัง ไม่ใช่แค่เพื่อขู่นางเท่านั้น แต่เขาต้องการปลิดชีวิตของเซียวลิ่วหลังจริงๆ
ตอนแรกกู้เจียวกะว่าจะค่อยๆ เล่นงานหนิงอ๋อง แต่ดันมายุ่มย่ามกับสามีของนาง!
แม้กู้เจียวไม่มีหลักฐานว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่ไม่เป็นไร แม้ว่าจะไม่นับหนี้เก่าเมื่อสี่ปีก่อน แต่คราวนี้ หนิงอ๋องมีความผิดอย่างไม่อาจให้อภัย
ตกบ่าย กู้เจียวมุ่งหน้าไปที่วังหลวง
หนิงอ๋องเป็นองค์ชายที่ได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้ ตอนนี้เขาทำงานในราชสำนักอย่างเป็นทางการ บางครั้งเขาถูกเรียกตัวไปยังห้องทรงงานหรือไม่ก็ตำหนักหวาชิง เหตุการณ์ตามหาเซียวลิ่วหลังเมื่อเร็วๆ นี้ ฮ่องเต้มักจะเรียกตัวเขาและไท่จื่อเกือบทุกวันเพื่อถามความคืบหน้า
แม้ว่ากู้เจียวจะไม่ได้อาศัยอยู่ในวัง แต่นางก็ติดต่อใกล้ชิดกับตำหนักเหรินโซ่วและทราบข่าวคราวจากฉินกงกง
พอกู้เจียวมาถึงที่วังหลวงก็เอ่ยถามทหารยาม “หนิงอ๋องเสด็จเข้าวังแล้วหรือ”
ทหารจำกู้เจียวได้และรู้ว่านางเป็นคนโปรดของไทเฮาและฮ่องเต้ พวกเขาจึงยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลให้นาง “เข้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“หนิงอ๋องเสด็จไปที่ตำหนักฮว๋าชิงหรือว่าห้องทรงงาน” กู้เจียวถามต่อ
“ทรงเสด็จไปทางทำหนักหวาชิงพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบใจท่านมาก” กู้เจียวเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางตำหนักฮว๋าชิง
กู้เจียวไม่สามารถเข้าไปยังตำหนักฮว๋าชิงได้เร็วเหมือนที่ตำหนักเหรินโซ่ว ต้องใช้วิธีส่งข่าวก่อน จากนั้นสักพัก เว่ยกงกงก็เดินออกมาต้อนรับนาง
“แม่นางกู้ มาได้อย่างไรหรือขอรับ มาถามเรื่องเบาะแสของท่านเซียวใช่หรือไม่”
แน่นอนว่ากู้เจียวเล่าเรื่องนี้ให้ท่านยายฟังคนเดียว และไม่ได้บอกกับฮ่องเต้ เว่ยกงกงย่อมไม่รู้ด้วย
“ใช่แล้ว ข้ามาเพื่อถามไถ่ข่าวคราว” กู้เจียวเอ่ยตอบ
“พอดีเลย หนิงอ๋องเอก็อยู่ที่นี่ เผื่อแม่นางจะได้เบาะแสจากเขาไป”
ไม่มีทางมีเบาะแสอะไรหรอก เพราะเซียวลิ่วหลังอยู่ที่เรือนแล้ว
กู้เจียวเข้าเฝ้าฝ่าบาทและหนิงอ๋อง และถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี
และตามคาด ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ฮ่องเต้ออกอาการกระวนกระวาย “นานขนาดนี้แล้วยังไม่มีความคืบหน้าอะไรอีกรึ หรือบางที เขาอาจจะ…”
กู้เจียวสังเกตใบหน้าของหนิงอ๋อง เต็มไปด้วยสีหน้ากังวล ไร้ซึ่งความเปรมปรีใดๆ
นั่นสินะ
ถ้าซ่อนความรู้สึกไม่เก่ง ป่านนี้เรื่องของเขากับไท่จื่อเฟยคงถูกจับได้ไปตั้งนานแล้ว
ฮ่องเต้หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “ส่งคนไปสืบเพิ่ม ถ้าเขามีชีวิตอยู่ก็ต้องพบตัว แต่ถ้าตายก็ต้องเห็นศพ! ”
“น้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” หนิงอ๋องยื่นมือคำนับ
ฮ่องเต้ถอนหายใจ “ข้าจะส่งคนไปให้อีกสองสามคนด้วย สองสามวันมานี้ท่านต้องทำงานให้หนักขึ้น… ข้าหวังว่าจะพบเซียวลิ่วหลังโดยเร็วที่สุด”
“กระหม่อมจะไปตามหาเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ! ” หนิงอ๋องกล่าวแล้วโค้งคำนับ ก่อนเตรียมเดินออกไป
กู่เจียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “หนิงอ๋องจะทรงรังเกียจไหมถ้าข้าจะออกไปนอกวังกับท่านด้วย”
หนิงอ๋องตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าทันที “แน่นอน ข้าไม่ว่าอะไร เชิญท่านหมอกู้”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ” กู้เจียวอำลาฮ่องเต้
ฮ่องเต้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเซียวลิ่วหลัง ดังนั้นเขาจึงไม่รั้งให้กู้เจียวอยู่ทานข้าวต่อ
หนิงอ๋องและกู้เจียวเดินทางออกจากวังด้วยกัน
ตลอดทาง พวกเขาพูดคุยถามไถ่เรื่องสัพเพเหระ ไร้ซึ่งความบาดหมางใดๆ
ก่อนที่จะเข้าไปในรถม้า หนิงอ๋องยิ้มให้นางแล้วเอ่ย “ท่านหมอกู้ ถ้าเราสามารถเข้ากันได้เช่นนี้ ข้าจะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในอดีต”
กู้เจียวไม่ตอบคำถามของเขา แต่ถามกลับ “วันนี้ข้าไม่ได้นั่งรถม้ามา ให้ข้านั่งไปด้วยได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว” หนิงอ๋องแสดงท่าทางใจดีพลางเชิญกู้เจียวขึ้นรถ
กู้เจียวและหนิงอ๋องขึ้นรถม้า
ทั้งสองรักษาระยะตามมารยาท
กู้เจียวเอ่ยถามเขาอย่างจริงจัง “ข้ามีอะไรจะพูดกับหนิงอ๋องเป็นการส่วนตัว”
หนิงอ๋องจ้องเข้าไปในดวงตาของนาง พลางยิ้มหนึ่งที ก่อนหันไปสั่งผู้ติดตาม “พวกเจ้า หยุดก่อน และอย่าเพิ่งตามมาหากไม่ได้คำสั่งจากข้า”
รถของทหารองครักษ์หยุดลง
ส่วนรถม้าของพวกเขามุ่งหน้าไปก่อน
“ตอนนี้เจ้าพูดได้แล้วหรือยัง” หนิงอ๋องเอ่ยถาม
พูดกะผีน่ะสิ!
ทันใดนั้น กู้เจียวยืนขึ้นและคว้าหนิงอ๋องยัดลงถุงกระสอบ!