สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 453-2 ที่มาที่ไปของหลงอี (2)
บทที่ 453 ที่มาที่ไปของหลงอี (2)
การตอบแทนของไท่จื่อเฟยนั้นมีค่ามาก
แต่นางต้องรักษาตำแหน่งไท่จื่อเฟยของนางไว้ให้ได้เสียก่อน
นางกำนัลทั้งสองไม่สนใจนาง
ไท่จื่อเฟยโมโหพลางกัดริมฝีปาก
ในขณะที่นางกำลังเค้นสมองหาวิธีอยู่นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนฟ้าหมุนแผ่นดินสะเทือน จึงคว้าแขนของนางกำลังไว้คนหนึ่งก่อนจะไถลตัวลงมา
“ข้าจะเป็นลม!”
“คงไม่ได้แสร้งเป็นลมหรอกกระมัง”
“แล้วถ้าเกิดเป็นจริงๆ เล่า ฮองเฮาให้พวกเราเฝ้านาง แต่ไม่ได้ให้เกิดเรื่องขึ้นกับนางนะ!”
“หมอหลวงเฝ้าอยู่ข้างเตียงไท่จื่อกระมัง รีบไปตามเขามาเร็วเข้า!”
หมอหลวงถูกเรียกตัวมาจับชีพจรให้ไท่จื่อเฟยที่นอนอยู่บนเตียง
เมื่อตรวจเสร็จ สีหน้าเขาก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
ไท่จื่อเฟยค่อยๆ ฟื้นคืนสติ มองหมอหลวงอย่างอ่อนแรง “หมอหลวง ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“รบกวนตามหมอหลวงเฉินมาด้วย” หมอหลวงไม่ได้ตอบคำถามนาง แต่หันไปสั่งการกับนางกำนัลหน้าห้อง
นางกำนัลขมวดคิ้ว ไปตามหมอหลวงเฉินมาจากห้องไท่จื่อ
หมอหลวงเฉินจับชีพจรให้ไท่จื่อเฟยเสร็จก็สีหน้าชะงักไป
ทั้งสองต่างสบตากัน
หมอหลวงหลัวเอ่ย “หมอหลวงเฉิน สัญญาณชีพจรที่เจ้าจับได้คือ…”
หมอหลวงเฉินพยักหน้า
หมอหลวงเฉินรู้แจ้งแก่ใจ เขาลุกขึ้นยืน ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนประสานมือให้ไท่จื่อเฟย เอ่ยว่า “ยินดีกับไท่จื่อเฟยด้วยพ่ะย่ะค่ะ เป็นสัญญาณมงคล ท่านตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนแล้ว!”
“ขะ…ข้ากำลังจะมีลูกหรือ” ความประหลาดใจของไท่จื่อเฟยมีไม่น้อยไม่กว่าหมอหลวงทั้งสองคน
เด็กคนนี้…
มาได้พอดียิ่งนัก!
ความตกตะลึงในแววตาไท่จื่อเฟยค่อยๆ จางหายไป ความปีติเกินจะบรรยายเข้ามาแทนที่ นางลุกขึ้นนั่ง มองไปทางนางกำนัลทั้งสองคนข้างเตียง ก่อนหยักยกมุมปากเอ่ย “ได้ยินหรือไม่ ในท้องข้ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของไท่จื่ออยู่”
เลือดเนื้อเชื้อไขแรกของไท่จื่อ
ในโลกนี้จะมีอะไรที่ดีไปกว่าป้ายทองคำละเว้นโทษประหารบ้างเล่า
สีหน้าไท่จื่อเฟยอาบย้อมด้วยความดีใจ “เป็นโอรสใช่หรือไม่ หมอหลวงทั้งสอง”
“เรื่องนี้…” ทั้งสองคนลังเล เป็นโอรสหรือธิดาพวกเขาตรวจรู้ได้ที่ไหน
ไท่จื่อเฟยยิ้มเอ่ย “ต้องใช่แน่ๆ ไท่จื่อทรงทำนองครองธรรม บารมีเหลือล้น ลูกคนแรกของพระองค์ต้องเป็นโอรสแน่”
หมอหลวงทั้งสองไม่กล้าพูดว่าไม่ใช่ มิฉะนั้นจะไม่ใช่เป็นการสาปแช่งไท่จื่อเอารึ
ไท่จื่อเฟยเอ่ยเสียงอ่อนโยน “อาการครรภ์ข้าเป็นอย่างไรบ้าง ต้องกินยาบำรุงครรภ์หรือไม่”
หมอหลวงหลัวตอบ “ทูลไท่จื่อเฟย สัญญาณชีพจรของไท่จื่อเฟยแข็งแรงดี สภาพครรภ์สมบูรณ์ดี ปกติมาก ไม่ต้องเสวยยาบำรุงครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”
ไท่จื่อเฟยยิ้มบาง “อย่างนั้นรึ หนิงอ๋องเฟยตั้งครรภ์ตั้งสามครา ข้าไม่อยากเป็นเหมือนนาง”
หมอหลวงหลัวรีบเอ่ย “ไม่มีทางพ่ะย่ะค่ะ ครรภ์ของไท่จื่อเฟยปกติมาก” หยุดเว้นครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเสริม “แต่สามเดือนแรกต้องระวังให้มากๆ พ่ะย่ะค่ะ”
นางกำนัลสองคนที่เซียวฮองเฮาส่งมาพากันตกตะลึงไปพร้อมๆ กัน
ไท่จื่อเฟยไม่ถือสาความเก่า ยิ้มอ่อนโยนให้ “ดีใจจนตะลึงไปเลยรึ ยังไม่รีบไปทูลเสด็จแม่ว่าข้าตั้งครรภ์อีก ช่างเถอะ ข้าไปถวายพระพรเองดีกว่า”
ครานี้นางกำนัลทั้งสองคนไม่ได้ห้ามนางไว้
พวกนางกระจ่างแจ้งดี ไม่ว่าไท่จื่อเฟยจะทำผิดร้ายแรงเพียงใด แค่ใช้เลือดเนื้อในครรภ์นาง ก็ถือว่าล้มกระดานไปได้หมด
ทายาทในวังมียากมาก ดังนั้นจึงล้ำค่ามากเช่นกัน เซียวฮองเฮาเฝ้ารอให้ไท่จื่อมีบุตรจนใกล้เสียสติเต็มที หากทรงทราบว่าไท่จื่อเฟยตั้งครรภ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องนางแน่
ไท่จื่อเฟยไปที่ห้องของไท่จื่อก่อน
ไท่จื่อเสวยยาสงบใจไป กำลังหลับลึก
ไท่จื่อเฟยยกมือขึ้นลูบแก้มไท่จื่ออย่างอ่อนโยน “ฝ่าบาท หลินหลังมีลูกของท่านแล้ว ท่านจะเป็นพ่อคนแล้ว”
ไท่จื่อเฟยออกจากตำหนักบูรพา นางรู้สึกว่าฟ้าเหนือศีรษะมันสีครามสดใสกว่าเดิมนัก
แม้แต่สวรรค์ก็ยังยืนข้างนาง สวรรค์ไม่ลืมนาง เวินหลินหลังถูกกำหนดให้เป็นมารดาแผ่นดิน!
ไท่จื่อเฟยพาพวกนางกำนัลของตำหนักบูรพาไปตำหนักคุนหนิง
ระหว่างทางนางเจอกู้เจียวที่มาหาเสี่ยวจิ้งคงในสวนหลวงเข้าพอดี
“หมอกู้ไม่ใช่รึ”
ไท่จื่อเฟยเดินนวยนาดไปหา มองกู้เจียวแวบหนึ่งพลางเอ่ย “วันนี้หมอกู้มาเด็ดดอกไม้ที่สวนหลวง หรือว่ามาชมสวนดอกไม้กันเล่า”
แม้แต่มองสักแวบกู้เจียวยังคร้านจะมองนาง
ไท่จื่อเฟยหยุดยืนอยู่ข้างกายนาง คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มหันหน้ามามองนาง “เจ้าตกใจมากใช่หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าจึงออกจากตำหนักบูรพามาได้”
กู้เจียวไม่รู้เรื่องที่ไท่จื่อเฟยถูกเซียวฮองเฮากักบริเวณอยู่ในตำหนักบูรพาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงได้ถามเช่นนี้
ไท่จื่อเฟยกลับคิดว่านางแสร้งทำเป็นนิ่ง จึงยื่นมือไปลูบท้องที่แบนราบของตัวเองก่อนจะเอ่ย “จะบอกเจ้าตรงๆ เลยแล้วกัน ข้าตั้งครรภ์แล้ว”
“อ๋อ” กู้เจียวยังคงนิ่งเหมือนเก่า “ของไท่จื่อรึ”
ไท่จื่อเฟยนัยน์ตาหรี่ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยก่อนเอ่ย “หมอกู้พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หรือกำลังดูถูกข้าอยู่ ข้าเป็นถึงไท่จื่อเฟย เลือดเนื้อเชื้อไขในครรภ์ข้าหากไม่ใช่ของไท่จื่อแล้วจะเป็นของผู้ใดอีก”
กู้เจียวส่งเสียงอ๋อออกมา “ของหนิงอ๋องกระมัง”
ไท่จื่อเฟยกัดฟันกรอด “หมอกู้ ระวังวาจาด้วย!”
“อ๋อ” กู้เจียวเอ่ย “แค่พูดไปอย่างนั้น อย่าโมโหไปเลย”
เด็กจะเป็นลูกใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางเล่า
ไท่จื่อเฟยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เป็นของไท่จื่อ! เจ้าอย่าเอาไปพูดเพ้อเจ้อข้างนอก เพื่อแปดเปื้อนชื่อเสียงข้านะ เรื่องที่เจ้าเคยทำไว้กับข้า ข้าเห็นแก่องค์หญิงซิ่นหยางจะไม่เอาความเจ้า แต่หากเจ้าใส่ร้ายป้ายสีสายเลือดของข้า เช่นนั้นไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแล้ว ไท่จื่อกับเซียวฮองเฮาก็จะไม่ปล่อยเจ้าไว้ด้วย!”
นางเอ่ยพลางเชิดหน้าขึ้น หว่างคิ้วมีความเอาแต่ใจ “หมอกู้ ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้คิดมาเป็นศัตรูกับข้า เจ้าเอาแต่มุ่งเป้ามาที่ข้าทุกเรื่อง ผลสุดท้ายข้าก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดีไม่ใช่รึ เจ้าบอกว่าข้ามีมลทินกับหนิงอ๋อง แล้วเจ้าสะอาดสะอ้านสักเท่าใดกันเชียว เรื่องครานี้ภายนอกเหมือนเชลยแคว้นเฉินเป็นคนทำ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าก็มีส่วนร่วมด้วย! เจ้าออกเรือนไปแล้ว กลับยังไปมาหาสู่กับเชลยแคว้นเฉิน เจ้าสูงส่งกว่าข้าสักเท่าใดกันเชียว”
กู้เจียวมองนางด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ตัวเองสกปรกก็คิดว่าคนอื่นจะสกปรกเหมือนกันกับตนงั้นรึ”
ไท่จื่อเฟย “เจ้า!”
ในขณะนั้นเอง เสี่ยวจิ้งคงกับหลงอีเด็ดดอกไม้เสร็จพอดี กู้เจียวจึงจูงมือเสี่ยวจิ้งคงเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ไท่จื่อเฟยถูกคนเมินใส่ซ้ำยังตอกหน้ากลับก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม หลายวันมานี้นางผ่านเรื่องราวมากมายนัก สติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นางกุมท้องเรียกนางไว้ “เจ้าอย่าได้เสียเวลาเล่นงานข้าอีกเลย! สิ่งที่อยู่ในครรภ์ข้าคือป้ายทองคำยกเว้นโทษประหาร ข้ามีมันแล้ว ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าก็ไม่มีใครลงโทษข้าหรอก!”
หลงอียังไม่ได้เดินไป
เขามองท้องของไท่จื่อเฟยอย่างสนใจใคร่รู้
จู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปออกไปฟาดหน้าท้องเต็มเปา
ไท่จื่อเฟยปวดท้องขึ้นทันที “…!!”
หลงอีชักมือกลับ ใช้หางตาปรายมองท้องนาง
ราวกับกำลังถามว่า
ตอนนี้ยังมีอยู่หรือไม่
ไท่จื่อเฟย “…”