สามีข้าคือขุนนางใหญ่ - บทที่ 463 ด้านมืดของเซียวเหิง
บทที่ 463 ด้านมืดของเซียวเหิง
สิ้นเสียงอวี้หย่าร์ เซียวเหิงเป็นอันต้องก้มดูขาของตัวเอง
เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดชุดเครื่องแบบของเขาถึงได้แปลกไป เพราะเขาไม่มีไม้เท้า ไม่ได้เดินกะเผลก เขา…เดินราวกับคนปกติ
“ขาของท่านดีขึ้นแล้ว! ขาของท่านดีขึ้นแล้ว!” อวี้หย่าร์ดีใจจนเผลอพูดซ้ำๆ ถ้าไม่ติดว่าคนอื่นยังนอนอยู่ นางคงพูดได้อีกสามสี่รอบ
ในตอนนั้นเอง กู้เจียวตื่นและเดินออกมาจากห้องพอดี
เซียวเหิงรีบส่งสัญญาณให้อวี้หย่าร์เงียบเสียงลง
อวี้หย่าร์ตกใจที่เซียวเหิงส่งสัญญาณให้ตัวเองเก็บความลับ ท้ายที่สุดอวี้หย่าร์ก็เข้าใจความหมายและพยักหน้าให้เขา!
กู้เจียวหันหน้ามาทางทั้งสองคน อวี้หย่าร์ตากผ้าห่มต่อ
ที่จริงอวี้หย่าร์ต้องเอ่ยทักทายกู้เจียวเป็นกิจวัตร แต่เมื่อครู่นี้นางดันรับปากช่วยนายท่านเก็บความลับ เลยรู้สึกผิดและไม่กล้าสบตากับนายหญิง!
ยังดีที่กู้เจียวไม่เอะใจอะไร เพราะจุดสนใจของนางไปอยู่ที่คุณสามีผู้ซึ่งไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบมานานหลายวัน ช่างดูสุขุมนุ่มลึกและน่าเกรงขามยิ่งนัก
ความหล่อของเขาที่กระแทกตาตั้งแต่เช้าทำเอากู้เจียวน้ำลายเยิ้มอยู่พักใหญ่
เซียวเหิงแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น แล้วเอ่ยทักทายนาง “อรุณสวัสดิ์”
“อืม อรุณสวัสดิ์”
เซียวเหิงฝืนยกมุมปากของเขาที่เกือบจะยกขึ้น ก่อนจะทำท่าเดินกะโผลกกะเผลกไปที่ขอบบ่อแล้วริ่มตักน้ำ
นางไม่อยากให้เขาเหนื่อย จึงเดินเข้าไปหยิบถังน้ำ “มา ข้าเอง”
เซียวเหิงยกมือขึ้นช้าๆ และเกิดบังเอิญชนกับมือของกู้เจียวเข้าพอดี
เซียวเหิงกระแอมในลำคอ มองไปที่อวี้หย่าร์ที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “นี่มันเช้าเกิน เจ้าระวังด้วยล่ะ”
กู้เจียว “…”
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ จิ้งคงและจี้จิ่วอาวุโสก็มุ่งหน้าไปยังกั๋วจื่อเจียน กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นไปที่สำนักบัณฑิตชิงเหอ แม้ทุกคนในเรือนจะรู้เรื่องของเซียวเหิงกันหมดแล้ว อีกทั้งรู้ว่าเรื่องของเขาซับซ้อนแค่ไหน และอยากที่จะบอกให้ใครได้รู้อีก ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงเรียกเซียวเหิงว่าเซียวลิ่วหลังตามเดิม
“ข้าไปที่สำนักฮั่นหลินก่อนนะ” เซียวเหิงเอ่ยกับกู้เจียวที่เตรียมออกไปโรงหมอขณะที่มือของเขากำลังหยิบไม้เท้า
จู่ๆ กู้เจียวเกิดนึกขึ้นได้ว่า “จริงสิ มือเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บไหม เขียนหนังสือได้ไหม”
แผลที่มือของเขาถูกดึงไหมออกแล้ว และอยู่ในช่วงบำบัด ทุกวันนี้เขาใช้มือซ้ายในการถือช้อนกินข้าว
“ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยดีนะ” เซียวเหิงยื่นมาขวาออกมาให้นางดู “ไม่ค่อยมีแรงเลย”
“เช่นนั้นรึ ไหนข้าดูหน่อย” กู้เจียววางกล่องยาลง
เซียวเหิงค่อยๆ เดินกะเผลกเข้าไปหานาง
มือของเขาขาวสะอาด นิ้วยาวเรียว ข้อต่อชัดเจน และแม้แต่เล็บก็เงาสวย กู้เจียวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอีกครั้ง ในชาติที่แล้ว มือคู่นี้ต้องเป็นมือของศัลยแพทย์ หรือไม่ก็มือของนักเปียโน..
นางตรวจแผลของเขา
บนแผลถูกทาด้วยขี้ผึ้งบางๆ เมื่อเทียบกับช่วงแรก ดูเหมือนแผลเป็นของเขาเริ่มจางลงเล็กน้อย แต่ก็ยังดูเด่นชัดอยู่
กู้เจียวกดลงไปบริเวณแผล “เจ็บไหม”
“หือ” เซียวเหิงผงะเล็กน้อย จากนั้น พอเขานึกอะไรขึ้นได้จึงรีบเอ่ยตอบ “เจ็บสิ แต่มันยังไม่ชัดเจนนัก”
กู้เจียวเอ่ยถาม “เจ้าปวดทั้งๆ ที่ไม่โดนแผล หรือโดนแล้วถึงรู้สึกปวด”
เซียวเหิงเอ่ย “โดนแล้วถึงรู้สึกน่ะ”
กู้เจียวนิ่งเงียบอยู่พัก ก่อนจะยัดมือของนางเข้าไปบนฝ่ามือของเขาแล้วเอ่ย “จับมันให้แน่นทีสิ”
เซียวเหิงจับมือของกู้เจียว
มือของนางช่างเรียวเล็ก เมื่อเทียบกับของเขาแล้ว มือเขาแทบจะสามารถกุมมือของนางได้มิดเลย และด้วยความที่กู้เจียวเป็นคนฝึกศิลปะการต่อสู้ ทำให้ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยรอยด้านๆ แข็งๆ ต่างกันกับมือขององค์หญิงที่นุ่มนวล
“ใช้แรงได้เท่านี้เองรึ” กู้เจียวขมวดคิ้ว
“มือของข้าจะลงเอยแบบเท้าของข้าหรือไม่ ไม่เช่นนั้น…” เขาถอนหายใจ
“ข้าขอลองทดสอบอีกครั้งนะ” กู้เจียวยื่นพู่กันกับกระดาษให้เขา “ไหนลองเขียนซิ”
เซียวเหิงถือพู่กันเขียนอักขระโดยไม่ลังเล โดยเขาเขียนคำว่า ‘เจียว’
เป็นลายมือที่ดูไม่ได้เลยสักนิด
เขียนออกมาได้แย่กว่าลายมือของกู้เจียวเสียอีก!
กู้เจียวอึ้งชะงักไปจนอ้าปากค้าง นี่เขาเป็นขนาดนี้เลยหรือนี่
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ไม่ใช่สิ…สงสัยใช้แรงเยอะไป”
กู้เจียวขมวดคิ้ว “เช่นนั้น คงต้องกายภาพเพิ่มอีก รวมถึงนวดด้วย”
“อืม” เซียวเหิงเอ่ยพร้อมกับมองกู้เจียว
“เดี๋ยวข้าไปส่งที่สำนักเอง ระหว่างทางก็นวดให้เจ้าไปด้วย”
เซียวเหิงยกมุมปากทั้งสองข้าง “ได้”
หลังจากที่หลิวเฉวียนส่งจี้จิ่วกับจิ้งคงเสร็จก็วนรถกลับมาพอดีและเห็นว่าทั้งสองคนยังไม่ออกเดินทางจึงรีบเอ่ยทัก “ยังไม่ไปสำนักฮั่นหลินอีกรึ ขึ้นมาสิ อย่าเดินไปเลย ไม่อย่างนั้นเข้างานสายแน่!”
ปกติเซียวลิ่วหลังจะใช้วิธีเดินตลอดเพื่อเป็นการกายภาพบำบัดไปในตัว
เป็นความตั้งใจของกู้เจียว
ทั้งสองเข้าไปในรถม้า ทั้งสองนั่งข้างกัน กู้เจียวจับมือของเขาและวางไว้บนตักตัวเองอย่างระมัดระวัง
ตั้งแต่เข้าฤดูใบไม้ร่วง แม่นางเหยากำชับให้ทุกคนในเรือนสวมเสื้อผ้าให้หนาขึ้น แต่สัมผัสที่เขาได้ตอนมือของเขาอยู่บนต้นขาของนาง ดูเหมือนนางจะไม่ยอมใส่กางเกงซับในอีกแล้วสินะ
เซียวเหิงอดคิดไปไกลไม่ได้
นางจะรู้ไหมว่าเห็นเซียวเหิงเป็นหนุ่มหน้าใสไร้พิษภัยเช่นนี้ แต่ความคิดกลับมั่วซั่วไปเสียหมด
“นวดแบบนี้หนักไปไหม” กู้เจียวเริ่มนวดมือให้เขา
“ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย” เซียวเหิงตอบ
“แล้ว แบบนี้ล่ะ” กู้เจียวเพิ่มแรงทีละนิด
“อู้ว…” เซียวเหิงเลิกคิ้ว เริ่มรู้สึกถึงความเจ็บเล็กน้อย
“แบบนี้ล่ะ” กู้เจียวค่อยๆ ผ่อนแรงลง
แค่หาแรงกดที่เหมาะกับเขาก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วยามแล้ว อีกไม่นานก็ใกล้ถึงสำนักฮั่นหลินแล้ว กู้เจียวเร่งความเร็วในการนวดให้เขา
ท่าทีของนางดูขันแข็งยิ่งนัก
เซียวเหิงมองดูหญิงสาวด้วยความใจเย็น
แรงมือของนางนั้นเบาเกินไปสำหรับเขาด้วยซ้ำ ราวกับขนนกที่ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้
“ซี๊ด….” จู่ๆ เซียวเหิงสูดปาก
“ทำไมรึ ข้ากดแรงไปอีกแล้วใช่ไหม” กู้เจียวมองเขาด้วยท่าทีสงสัย
“ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้านวดต่อเถอะ”
ผ่านไปสักพัก เซียวเหิงก็โพล่งประโยคออกมา “กินเยอะๆ หน่อยสิ”
กู้เจียวไม่เข้าใจ
ทำไมต้องให้กินเยอะด้วยล่ะ
ช่วงนี้ผอมลงรึ